“ผู้กองครับได้เรื่องแล้วครับ” จ่าแสนวิ่งเข้ามารายงานผู้บังคับบัญชาหลังได้รับคำสั่งให้ไปตรวจตราพื้นที่ของชุมชนแห่งนี้
“รายงานมา”
“สัมปทานป่าไม้ของเถ้าแก่ฮวงอยู่ไม่ไกลจากที่นี่เท่าไหร่ครับ ห่างออกไปจากพื้นที่ชุมชนเพียงแค่สิบกิโลเมตรเท่านั้น ปกติพื้นที่ของชุมชนแห่งนี้ก็ติดป่าและมีบางส่วนติดภูเขาอยู่แล้ว เมื่อผมลองไปตรวจสอบดูก็พบว่ามันอยู่ไม่ไกลจากที่หัวหน้าคมได้บอกเราไว้จริง ๆ ครับ”
“ที่นั่นเป็นยังไง มีอะไรน่าสงสัยไหม”
“มีครับ ปางไม้ของเถ้าแก่ฮวงหากดูผิวเผินก็เหมือนจะปกติ ทว่าหากได้ลงพื้นที่และมีการตรวจสอบที่ละเอียดจะเห็นได้ว่า มีคนงานตัดไม้บางส่วนใช้เส้นทางเดินออกมาจากป่าลึก ทั้งยังมีท่าทางลับ ๆ ล่อ ๆ นอกจากนี้ผมยังเห็นว่าปางไม้นั้นมีการลักลอบตัดไม้หวงห้ามรวมไปถึงไม้หายากด้วยครับ เช่นพวกไม้ชิงชัน ไม้พะยูงครับ”
คำรายงานของจ่าแสนลูกน้องใต้บังคับบัญชา ทำให้ผู้กองปราบพยักหน้ารับด้วยความพอใจ
“งั้นแสดงว่าที่พวกหัวหน้าคมสงสัยก็เป็นความจริง มีคนให้ความช่วยเหลือเถ้าแก่ฮวงอย่างลับ ๆ คนที่มีไม้ชิงชังและไม้พะยูงอยู่ในครอบครองแต่กลับไม่มีการตรวจสอบอย่างจริงจัง หรือตรวจสอบแล้วไม่เจอ เรื่องนี้ก็บ่งชี้แล้วว่ามีคนใหญ่คนโตคอยเกื้อหนุนอยู่จริง ๆ คาดว่าคงจะได้รับผลประโยชน์จากเรื่องผิดกฎหมายนี้ด้วยเช่นกัน”
“แล้วเราจะทำยังไงต่อไปดีครับผู้กอง” จ่าเข้มที่ตามมาทำภารกิจนี้เอ่ยถามผู้กองปราบด้วยความสงสัย
“ก่อนอื่นเราต้องพยายามตรวจสอบและเก็บหลักฐานเพื่อไว้เอาผิดพวกมันให้มากที่สุด เมื่อถึงเวลาคนพวกนี้จะได้ดิ้นไม่หลุด ที่สำคัญเราควรต้องทำงานกันอย่างระมัดระวังที่สุดเพราะผมต้องการจับปลาตัวใหญ่ไม่ใช่แค่ลูกปลาอย่างเถ้าแก่ฮวง”
“อืม... จ่าเข้มคุณปลอมตัวเข้าไปเป็นหนึ่งในคนงานปางไม้ที่นั่น อย่าได้ทำให้พวกมันสงสัยหรือเผยพิรุธเด็ดขาด อะไรที่น่าสนใจจับตามองให้ดี และส่งข่าวมาเป็นระยะ ๆ”
“ครับผู้กอง”
“ว่าแต่ใครอยู่ดูแลปางไม้ที่นี่ เพราะเถ้าแก่ฮวงใช้ชีวิตอยู่ในตัวอำเภอ ผมไม่เชื่อแน่ว่าการทำงานพวกนี้จะไม่มีตัวใหญ่คุม” ผู้กองปราบพูดออกมาถึงสิ่งที่เขาสงสัย
“จอมพลครับ”
“จอมพล?”
“หลานชายของเถ้าแก่ฮวงครับ จากที่ผมไปสืบมาตลอดหนึ่งอาทิตย์พบว่าจอมพลคนนี้มีนิสัยเจ้าเล่ห์มาก ทั้งยังฉลาดเป็นกรด งานใหญ่ ๆ
เถ้าแก่ฮวงจะให้หลานชายคนนี้จัดการเสมอครับ”
“งั้นเหรอ”
“แล้วช่วงนี้นายจอมพลนี่อยู่ไหน”
“อยู่ที่นี่แหละครับ ช่วงนี้เขากำลังตามจีบครูสาอยู่ หรือจีบติดแล้วผมก็ไม่แน่ใจ เพราะนายจอมพลมักไปพบครูสาที่โรงเรียนไม่ก็ชวนเธอไปทานข้าวอยู่เสมอครับ”
“ครูสาคือใคร?”
“ครูใหม่ที่มาประจำการที่นี่ได้เกือบหนึ่งปีแล้วครับ” จบคำรายงานจ่าแสนผู้กองปราบก็พยักหน้ารับ ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบจนจ่าแสนต้องเรียกเขาเพื่อสอบถามว่าจะเอายังไงต่อไป
“ผู้กองครับ”
“เรื่องครูสากับนายจอมพลผมจะจับตาดูเอง จ่าแสนก็คอยตามสืบเรื่องราวเบื้องลึกเบื้องหลังของเถ้าแก่ฮวงอีกที อย่าได้เผยตัวว่าเราเป็นใครล่ะ ผมไม่อยากให้พวกมันไหวตัวทัน”
“ครับ แล้วผู้กองจะไปตรวจบริเวณชายแดนเมื่อไหร่ครับ ที่หัวหน้าคมได้บอกว่าพบเจอการเจรจาที่น่าสงสัยและมีการใช้พื้นที่ตรงนั้นขนย้ายสิ่งผิดกฎหมาย”
“เรื่องนี้อย่าเพิ่งเลย อย่ารีบร้อน เรายังมีเวลาอีกเยอะ จ่าแสนก็ทำตัวตามสบายเถอะ คิดซะว่ามาพักผ่อน”
“โธ่... ผู้กอง”
“ฮะฮะฮ่า เอาน่าเดี๋ยวจบคดีนี้ผมให้หยุดพักเลยหนึ่งเดือน”
“ขอบคุณครับ” จ่าแสนและจ่าเข้มพูดขึ้นพร้อมกันด้วยความดีใจ
แน่นอนสิตั้งแต่จบคดีทลายแก๊งค้ามนุษย์ข้ามชาติ พวกเขายังหยุดใช้เวลากับครอบครัวได้ไม่ถึงไหน ก็ต้องมาปฏิบัติภารกิจเร่งด่วนต่อ ตอนแรกที่ได้รับคำสั่งและมอบหมายก็คิดว่าจะไม่ใช่คดีใหญ่แบบนี้ ทว่าเมื่อตรวจสอบและสืบข่าวอย่างลับ ๆ ก็ตระหนักได้ว่าคดีที่พวกเขากำลังทำอยู่นี้ใหญ่ไม่แพ้กับคดีทลายแก๊งค้ามนุษย์ข้ามชาติที่เพิ่งจะปิดคดีไปเลย
“ว่าแต่จ่ารู้หรือเปล่าว่าครูสาเธอมีนิสัยยังไง”
“จากที่ผมรู้มาเธอเป็นคนน่ารักครับ นิสัยดี และเป็นมิตรกับคนรอบข้างอยู่เสมอครับ”
“ขอบคุณมาก แยกย้ายไปเตรียมตัวเถอะ ผมก็จะเตรียมตัวเหมือนกัน”
“เตรียมตัว?”
“ปลอมตัวจับตาดูสองคนนี้น่ะสิ” พูดจบผู้กองปราบก็เป็นคนแรกที่แยกตัวออกไป ปล่อยให้จ่าแสนและจ่าเข้มมองหน้ากันด้วยความสงสัย
ว่าทำไมเจ้านายของพวกเขาต้องปลอมตัวด้วย เพราะอยู่ที่นี่ก็ไม่มีใครรู้ฐานะของผู้กองปราบอยู่แล้ว
ด้านผู้กองปราบไม่สนใจว่าลูกน้องใต้บังคับบัญชาของเขาจะสงสัยหรือคิดอะไร เพราะตอนนี้ชายหนุ่มกำลังวางแผนปลอมตัวเพื่อไปจับตาดูครูสาและนายจอมพลหนึ่งในผู้ต้องสงสัยของเขาต่างหาก
หนึ่งเดือนถัดมา
หลังจากที่วางแผนและแจกจ่ายหน้าที่ให้จ่าแสนและจ่าเข้มไปแล้ว ก็ถึงเวลาของเขาที่จะไปคอยจับตาดูคนทั้งสองอย่างจอมพลและครูสาบ้าง
ผู้กองหนุ่มปลอมตัวเป็นลูกน้องในบ้านของนายจอมพล อาศัยช่วงเวลาผลัดเปลี่ยนเวรยามก่อนเช้าและช่วงเย็นแฝงตัวเข้าไปปะปนกับคนพวกนั้น จนทำให้ผู้กองหนุ่มล่วงรู้แผนการหลาย ๆ อย่างที่นายจอมพลและเถ้าแก่ฮวงคิดจะทำ
ทุก ๆ วันเขาจะคอยสอดส่องว่านายจอมพลจะไปไหน ทำอะไร
ที่ไหนกับใคร เรียกได้ว่าไม่ว่านายจอมพลจะขยับตัวไปไหนล้วนตกอยู่ในสายตาของผู้กองปราบทั้งสิ้น
และแผนการของเขาก็ไม่ทำให้เขาผิดหวัง เมื่อเขาบังเอิญได้ยินบทสนทนาเกี่ยวกับกำหนดการส่งไม้จำพวกไม้สักและไม้พะยูงไปกับรถส่งไม้รอบหน้า แผนการที่นายจอมพลได้พูดและวางแผนกับลูกน้องคนสนิทรวมถึงคู่ค้าล้วนถูกผู้กองปราบล่วงรู้ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นรถอะไร หรือใช้ทางเส้นไหนในการขนส่งเพื่อที่จะหลีกหนีการตรวจสอบ
“ทุกอย่างเตรียมการไว้พร้อมแล้วครับ คุณรอรับสินค้าได้เลย”
จบคำพูดของนายจอมพล ผู้กองปราบก็ยกยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนจะถอนตัวออกจากบ้านของนายจอมพลด้วยความแนบเนียน แล้วตรงไปยังบ้านพักของครูสาวอย่างสามินีต่อ
ต้องบอกก่อนว่าตลอดทั้งเดือนที่เขาแอบจับตามองคนทั้งสองทำให้ผู้กองปราบได้รู้ได้เห็นถึงสิ่งผิดปกติในหลาย ๆ อย่าง รวมถึงแผนการเลวร้ายของนายจอมพลด้วย แต่สิ่งเดียวที่ทำให้ผู้กองปราบรู้สึกขัดใจและหงุดหงิดคือ เขาไม่พบความผิดปกติของสามินีเลย
สิ่งเดียวที่เขาพบก็คือ ความน่ารักและใจดีของเธอเท่านั้น นี่ถ้าเขาไม่รู้มาก่อนว่านายจอมพลจีบหญิงสาวอยู่ล่ะก็เขาคงเชื่อว่าเธอมีนิสัยแบบนั้นจริง ๆ ถึงตอนนี้จะยังไม่มั่นใจว่าเธอมีส่วนเกี่ยวข้องกับนายจอมพลมากแค่ไหน ผู้กองปราบก็ไม่คิดจะปล่อยผ่าน ดังนั้นสามินีจึงตกอยู่ในฐานะผู้ต้องสงสัยของผู้กองหนุ่มไปโดยปริยายนั่นเอง
“หึ คนที่กำลังคุย ๆ กันจะมีนิสัยแตกต่างกันได้ยังไง” ผู้กองปราบพูดขึ้น หลังจากที่เห็นว่าสามินีขึ้นรถไปกับนายจอมพลแล้ว ชายหนุ่มมองรถที่หายไปจนลับสายตาก่อนจะแสดงตัวออกมา
ผู้กองหนุ่มไม่รู้ว่าทำไมสามินีถึงต้องไปที่นั่นแต่เพียงเห็นเธอขึ้นรถไปกับนายจอมพล ผู้กองหนุ่มก็รู้สึกหงุดหงิดและมีอคติเพิ่มขึ้นแล้ว