“เอาละค่ะบอกครูสาหน่อยว่า ถ้าวันนี้เด็กชายมีได้เงินมาโรงเรียน 20 บาท ฝากเงินไว้กับครู 5 บาท แบ่งไปซื้อขนมอีก 10 บาท เด็กชายมีจะเหลือเงินกี่บาท”
“...”
“ว่าไงคะ มีใครตอบครูสาได้ไหมเอ่ย” ครูสาวที่เป็นคนตั้งโจทย์ให้กับนักเรียนถามขึ้นด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
“เด็กชายมีจะเหลือเงิน 5 บาทครับ”
“เก่งมากค่ะ ปรบมือให้เพื่อนด้วยค่ะ”
แปะ แปะ แปะ
เสียงปรบมือของเด็กนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ที่มีนักเรียน 15 คนดังไปทั่วห้อง ครูสาวที่เรียกตัวเองว่าครูสา มองไปยังนักเรียนของเธอด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน
ครูสาวมีชื่อว่า สามินี ธรรมโชติ หรือ ครูสา ที่เด็ก ๆ หลายคนเรียกกัน เธอเป็นครูที่สอนประจำที่นี่ เดิมทีเธอไม่ได้เรียนสายอาชีพครู แต่ระหว่างเรียนมีโอกาสเข้าร่วมโครงการครูจิตอาสามาแล้วหลายครั้งและนานถึงสามปีเมื่อเรียนจบจากสายที่เรียนอยู่ เธอจึงตัดสินใจเรียนครูอีกหนึ่งปี เมื่อเรียนจบจึงได้ตัดสินใจสอบเข้ารับราชการและบรรจุครูอยู่ที่นี่นั่นเอง
ย้อนไปก่อนที่สามินีจะมาทำอาชีพนี้ เธอก็เป็นเพียงนักศึกษาที่ชอบความสะดวกสบาย ครั้งเมื่อได้มีโอกาสเข้าร่วมโครงการครูจิตอาสาบอกตามตรงเลยว่าครั้งแรกเธอไม่ได้ต้องการไปทำหน้าที่ในฐานะครูอาสาเท่าไหร่นักเพราะเป็นคนติดความสบายของเมือง แต่ที่ไปเป็นเพราะ
เพื่อน ๆ ชักชวนทั้งนั้น
เมื่อได้ไปเป็นครูจิตอาสาตามพื้นที่ชนบทและห่างไกลต่าง ๆ บ่อยครั้ง จากไม่ชอบก็เริ่มชอบ พอนานวันเข้าได้พบกับความสงบไม่วุ่นวายเหมือนอยู่ในเมืองหลวง เธอก็ยิ่งรู้สึกชอบวิถีชีวิตเรียบง่ายแบบนี้มากขึ้น
ยิ่งได้เห็นรอยยิ้มที่เด็ก ๆ มอบให้เธอตลอดช่วงระยะเวลาที่เข้าร่วมโครงการครูจิตอาสา สามินีก็จะมีความสุขทุกครั้งที่มีโอกาสได้เป็นผู้ให้ และนั่นแหละจึงทำให้เธอตัดสินใจที่จะเป็นครูคอยมอบความรู้มอบโอกาสอย่างที่ครูคนหนึ่งจะมอบให้ได้แก่ลูกศิษย์
ปัจจุบันสามินีมาเป็นครูประจำสอนที่โรงเรียนแห่งนี้ได้เกือบหนึ่งปีแล้ว และสนิทกับคนในพื้นที่ในระดับหนึ่ง
“ครูสาคะ แล้ววันนี้จะมีการบ้านไหมคะ” สามินีหันไปตามเสียงเรียกของเด็กหญิง เมื่อเจอคนที่เรียกถามเธอแล้วจึงแล้วพูดว่า
“มีค่ะ แต่เพียงห้าข้อเท่านั้น” ครูสาวรีบพูดเมื่อเห็นหน้าของเด็กนักเรียนแต่ละคนที่ทำท่าเหมือนถูกสั่งให้กินยาขม
“เอาละ ได้เวลาเลิกเรียนแล้ว วันจันทร์เปิดมาการบ้านต้องเสร็จเรียบร้อยวางอยู่บนโต๊ะครูนะคะ”
“ค่า/ครับ”
“เลิกเรียนได้จ้ะ”
“นักเรียนเคารพ”
“ขอบคุณค่ะ/ขอบคุณครับคุณครู”
คล้อยหลังเด็กนักเรียนเดินออกไปแล้ว สามินีก็เก็บของของตัวเองบ้าง ก่อนจะตรงไปยังห้องพักครูเพื่อตรวจงานที่ค้างไว้ และเนื่องจากวันนี้เป็นวันศุกร์ครูที่ประจำอยู่ที่นี่จึงอยู่ในห้องนี้ทั้งหมดนั่นเอง
“ปล่อยเด็กแล้วเหรอจ๊ะน้องสา” คนถามคือครูหมิว ครูรุ่นพี่ที่ประจำที่โรงเรียนแห่งนี้มาหลายปีแล้ว
“ค่ะพี่หมิว แล้วนี่พี่หมิวเคลียร์งานใกล้เสร็จแล้วเหรอคะ”
“ใช่จ้ะ พรุ่งนี้วันหยุดพี่อยากนอนพักอยู่บ้านกับครอบครัวแบบไม่ต้องกังวล”
สามินียิ้มให้ครูรุ่นพี่ก่อนจะหันมาทำงานของตัวเองต่อ ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบจนกระทั่งหญิงสาวรับรู้ถึงสายตาที่มองมาจึงได้เงยหน้าขึ้นดู ก็พบกับครูหมิว ครูวุ้น ครูวิทย์ และครูสงวนมองหน้าเธออยู่ก่อนแล้ว หญิงสาวเลิกคิ้วแต่ก็ไม่มีใครพูดอะไรออกมา
“มีอะไรหรือเปล่าคะ”
“เอ่อ... คือ”
“พูดมาเถอะค่ะ” สามินีพูด เธอไม่ชอบให้คนมาอึกอักถ้าจะถามก็รีบถามเลยดีกว่า ไม่ใช่มานั่งจ้องหน้ากันแบบนี้
“พวกเราแค่อยากรู้ว่าระหว่างน้องสากับเอ่อ... หลานชายเถ้าแก่ฮวงเป็นอะไรกันน่ะค่ะ”
สามินีนึกคิดอยู่เพียงครู่ก็ตอบออกมา “หลายชายเถ้าแก่ฮวงใช่หมายถึง คุณจอมพลหรือเปล่าคะ”
“ใช่ ๆ คนนั้นแหละ” ครูรุ่นพี่ที่เอ่ยปากถามพยักหน้ารับและตอบพร้อมกัน
“ก็ไม่ได้เป็นอะไรนี่คะ แค่คนรู้จักธรรมดา”
“ไม่ได้เป็นแฟนและคนรักใช่ไหมครับ” ครูวิทย์เป็นคนเอ่ยปากถาม
“ค่ะ ไม่ได้เป็นคนรักกัน”
“อืม... แล้วคุณจอมพลเขามีท่าทางที่จะจีบน้องสาบ้างไหมคะ”
ครูวุ้นถามอย่างสงสัย
“ไม่รู้สิคะสาไม่ได้สนใจ” สามินีตอบตามความจริง เพราะเธอไม่ได้สนใจว่าจอมพลจะจีบเธอหรือเปล่า
“ดีแล้วล่ะครับ ครูสาต้องระวังตัวมาก ๆ นะครับ พวกเราพูดมากไม่ได้ แต่จะไม่พูดเลยก็ไม่ได้ เอาเป็นว่ารักษาระยะห่างไว้ดีกว่าครับ”
ได้ยินคำพูดเหมือนต้องการเตือนเธอกลาย ๆ น้ำเสียงมีความห่วงใยปะปนมา ก็ทำเอาครูสาวอย่างสามินีขมวดคิ้วมุ่นมองไปทางครูรุ่นพี่อย่างสงสัย แต่ก็ไม่มีใครสักคนที่จะเปิดปากบอกให้เธอคลายความสงสัยลง
จอมพล ที่ถูกพูดถึงคือชายหนุ่มหน้าตาดี ดวงตามีแววเจ้าเล่ห์ประดับเป็นเอกลักษณ์ เขาเป็นหลานชายของเถ้าแก่ฮวง ที่ถือสัมปทาน
ป่าไม้ที่มีพื้นที่มากที่สุดและเป็นเจ้าของปางไม้ตีตราที่ใหญ่ที่สุดของอำเภอที่เธออาศัยอยู่ ส่วนตัวของจอมพลก็อาศัยอยู่ที่หมู่บ้านแห่งนี้ด้วยเช่นกัน
แม้สามินีจะยังไม่เคยเห็นปางไม้ที่ใหญ่ที่สุดในอำเภอที่ครูรุ่นพี่และชาวบ้านพูดกัน แต่เธอก็พอจะคาดเดาได้ว่ามันคงใหญ่จริง ๆ และต้องมีสัมปทานป่าไม้และปางไม้ตั้งอยู่ที่พื้นที่หมู่บ้านที่เธอเป็นครูประจำแน่ ๆ เพราะไม่อย่างนั้นจอมพลคงไม่มาอาศัยอยู่ที่หมู่บ้านห่างไกลตัวอำเภอแบบนี้
ย้อนกลับมาที่คำตักเตือนของครูรุ่นพี่ที่ทำให้หญิงสาวสงสัย สำหรับคนอื่นเธอไม่ค่อยแน่ใจว่าจอมพลเป็นคนอย่างไร แต่สำหรับเธอเขาเป็นคนดีคนหนึ่ง แต่ถ้าถามว่าเธอรู้สึกชอบหรือรู้สึกพิเศษกับเขาบ้างไหม
หญิงสาวตอบเลยว่าไม่
เธอจัดตำแหน่งและความสำคัญของจอมพลไว้เพียงแค่คนรู้จักเท่านั้น ส่วนจอมพลจะจัดให้เธออยู่ในตำแหน่งไหน ก็สุดจะแล้วแต่เขาหญิงสาวไม่ได้สนใจ
“ขอบคุณนะคะเอาเป็นว่าสาจะระวังตัว” หลังจากครุ่นคิดถึงฐานะของจอมพลแล้ว สามินีก็ขอบคุณรุ่นพี่และบอกว่าเธอจะระวังตัวเพื่อให้พวกเขาสบายใจ
หลังจากได้รับคำตอบจากหญิงสาวว่าเธอจะระวังตัวแล้ว ครูรุ่นพี่ทั้งหมดก็หันกลับไปทำงานของตัวเองบ้าง ใช้เวลาอีกครึ่งชั่วโมง ทุกคนก็แยกย้ายกันกลับ แน่นอนว่าสามินีก็กลับด้วย
บ้านพักครูที่ถูกจัดตั้งในพื้นที่ของโรงเรียนใช้เวลาไม่นานหญิงสาวก็เดินถึง หลังจากถึงบ้านพักครูของตัวเองแล้ว หญิงสาวก็ทำธุระและเข้านอนตามปกติ ทว่าในหัวก็ยังคงคิดถึงคำเตือนของครูรุ่นพี่ไปพลาง ๆ
ตอนแรกเธอก็ไม่คิดจะใส่ใจ ทว่าพอมีคนเตือนมาก ๆ เข้า หญิงสาวก็อดที่จะอยากรู้ไม่ได้ ว่าเพราะอะไรกันแน่ทุกคนถึงได้พยายามเตือนเธอให้ออกห่างจากผู้ชายที่ชื่อจอมพลคนนั้น แต่ไม่ว่าคิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก
หญิงสาวจึงได้สลัดความคิดนั้นทิ้ง ก่อนที่เธอจะนอนหลับไป