ตอนที่ 6 อยากครอบครอง (2)

1730 คำ
“น้ำขิงร้อน ๆ ค่ะคุณนิก” มาลินียืนยิ้มอยู่หน้าประตู หากแต่ท่าทางคล้ายคนระวังตัวแจ โดยไม่ยอมเข้ามาในห้อง เตรียมส่งถ้วยน้ำขิงมาให้เขา ทว่าดนุนัยพยักหน้าไปทางโต๊ะไม้สักทอง เหมือนบอกเธอว่ายกเข้าไปวางไว้ในห้องสิ หญิงสาวจำต้องเข้าไปตามคำสั่ง หลังวางแก้วน้ำขิงลงบนโต๊ะทำงานใหญ่ มาลินีก็เตรียมจะผละออกไปทันทีเช่นกัน เพราะไม่อยากอยู่ในห้องนี้นานนัก แต่ในจังหวะที่ร่างเล็กเอี้ยวตัวหันหลังจะเดินออกไป แผ่นหลังบอบบางปะทะกับแผงอกกว้างของเจ้าของอาณาจักรเจริญภิวัฒน์ที่ตามมายืนอยู่ด้านหลังเธอตอนไหนโดยที่เธอไม่รู้เลย สาวน้อยจึงถอยหลบออกไปสองก้าว เพื่อให้ชายหนุ่มเดินไปที่โต๊ะได้อย่างสะดวก ทว่าเธอกลับเห็นรอยยิ้มจุดขึ้นบนมุมปากหยักของเขา และเขาก็ไม่ได้ย้ายร่างสูงไปทางโต๊ะทำงานด้วย “เอ่อคุณนิก…เชิญค่ะ” มาลินีรู้สึกทำตัวไม่ถูก หลบให้เขาแล้วแต่เขากลับยืนอยู่ที่เดิม ส่วนตัวเธอเองจะเดินออกไปก็ไปไม่ได้ เพราะเขายืนขวางไว้ ดนุนัยมองสาวน้อยที่ทำราวกับหวาดกลัวเขาทำเอากลั้นยิ้มไม่อยู่ ก็ไหนเธอบอกว่าชอบเขาไม่ใช่เหรอ ทำไมเวลาอยู่ใกล้กันสาวน้อยถึงได้ทำท่าราวกับเขาเป็นเสือเช่นนี้กันเล่า แบบนี้ต้องสร้างความคุ้นเคยเสียแล้ว “คุณนิกจะทำอะไรคะ?” เรียวปากอิ่มขยับถามเมื่อเห็นเจ้าของห้องสืบเท้ามาใกล้เธอ จนเธอถอยกรูดชนเข้ากับโซฟาตัวใหญ่ที่ตั้งอยู่ใกล้กับชั้นวางหนังสือในห้อง ทำเอาเกือบจะหงายหลังล้มตึง แต่เขาช่วยเธอไว้ด้วยการคว้าเอวเธอไว้มั่น “อยากให้ฉันกอดเหรอ ทำไมเวลาอยู่ใกล้ฉันชอบหาเรื่องให้ล้มอยู่เรื่อย” ดนุนัยก้มลงกระซิบถามสาวน้อยในวงแขน เพราะเมื่อกี้เธอเกือบจะหงายหลังไปแล้วถ้าเขาไม่คว้าเอวบางไว้ “ไม่ใช่นะคุณนิก!” ตากลมโตเลิ่กลั่กพอ ๆ กับน้ำเสียง ทำให้คนมองยกยิ้มมุมปากรู้สึกอยากแกล้ง จึงฉวยโอกาสด้วยการรั้งร่างเล็กล้มนั่งบนโซฟาไปพร้อมกับเขา “คุณนิก!” มาลินีผวาโอบรอบคอของผู้ชายตัวใหญ่ เมื่อจู่ ๆ เขาก็คว้าเธอล้มทับบนโซฟา เมื่อล้มแหมะอยู่บนตักแข็งแรงเล่นเอารู้สึกทำอะไรไม่ถูก พยายามลุกออกจากหน้าตักแข็งขึง เธอรู้ว่าดนุนัยต้องการแกล้งเธอ เพราะตอนนี้ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยร่องรอยของความสนุก “ปล่อยนะคะ มะลิอึดอัด” มาลินีบอกทั้งที่ไม่กล้าสบตา และพยายามไม่มองแผงอกกำยำที่เต็มไปด้วยขนสีน้ำตาลอ่อนเมื่อกระดุมเสื้อเปิดออก หากแต่ตากลมซุกซนก็ชำเลืองมองอย่างเฉียง ๆ “ลองสัมผัสดูสิ” เจ้าของพูดอย่างใจดีราวกับรู้ทันความคิดของเธอ “ไม่ค่ะ” คนตัวเล็กรีบส่ายหน้า ตอนนี้มาลินีทั้งอึดอัดระคนตื่นเต้น มือไม่กล้าแตะต้องส่วนไหนบนตัวเขา แค่บั้นท้ายเธอสัมผัสกับต้นขาแข็งหนักราวกับหินผารู้สึกหวิวในอกจะแย่อยู่แล้ว “กลัวฉันเหรอ?” ดนุนัยถามด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ ริมฝีปากอยู่ห่างจากพวงแก้มนวลไม่เท่าไหร่ มาลินีส่ายหน้าย่นคอหนี ก่อนจะหลับตาปี๋เมื่อนิ้วเรียวของเขาไล้สัมผัสเรียวแก้ม เธอสัมผัสถึงความร้อนของนิ้วแกร่ง และดนุนัยไม่ได้แตะด้วยมือเท่านั้น เขายังแกล้งขบแก้มป่องของเธอราวกับมันเขี้ยว “หนูเจ็บนะคุณนิก” เธอครางประท้วงเมื่อเขาแกล้งเม้มติ่งหูเธอแรง ๆ อีกด้วย ครูสุขศึกษาเคยบอกไว้ว่าอวัยวะส่วนนี้ไวต่อความรู้สึกพอ ๆ กับร่างกายบางตำแหน่งที่เมื่อถูกกระตุ้นแล้วทำให้รู้สึกเกิดอารมณ์หวามไหว ซึ่งมันก็จริงตอนนี้เธอกำลังเป็นแบบนั้น “คุณนิกมะลิต้องไปอ่านหนังสือ ปล่อยมะลิลงนะคะ” “ได้สิ แต่ต้องไปหลังจากที่เรา…” ดนุนัยเว้นเสียง สายตาที่จับจ้องสาวน้อยฉายความเจ้าเล่ห์ จนมาลินีนึกกลัวว่าเขาจะแกล้งอะไรตนอีก แล้วก็เป็นอย่างที่คิดไว้ เรียวแขนของเขารั้งต้นคอเธอเหมือนวันนั้นอีกแล้ว มาลินีรับรู้ได้ถึงความร้อนจากอุ้งมือหนา ชวนให้อุณหภูมิในร่างกายของเธอสูงขึ้นตาม ก่อนจะหลับตาเมื่อใบหน้าคมเข้มน้าวลงมาหา ดนุนัยไม่ได้จูบละมุนเหมือนวันนั้นเขาจูบอย่างเอาแต่ใจ และดุดันกว่าคราวก่อน ทำให้เอาคนตัวเล็กแทบคุมตัวเองไม่อยู่กับรสจูบของเขา เขาล่อลวงเธอด้วยการจูบและทำมากกว่าจุมพิตเร่าร้อนเมื่อมือหนาสอดเข้าใต้เสื้อยืดของเธอ มาลินี้สัมผัสได้ถึงความอุ่นซ่านจากฝ่ามือที่ลูบไล้แผ่นหลังบางอย่างช้า ๆ ทำเอาเธอขนลุกซู่ ก่อนจะรีบหยุดการกระทำนั้น แต่เหมือนดนุนัยจะไม่แยแสต่อการต่อต้านนั้น เขากลับมอบรสจูบที่แสนดื่มด่ำจนเธอเผลอไผลและไร้เรี่ยวแรงต่อกร ไม่รู้ว่าตะขอเสื้อในถูกปลดไปตอนไหน มารู้ตัวก็ตอนที่มือหนาขยับมากอบกุมทรวงอกของเธอและเขาออกแรงขยำมันเบา ๆ แล้วเพิ่มระดับความหนัก จนร่างบางรู้สึกสะท้านไปทั้งกายกับสัมผัสซ่านสยิวนั้น “คุณนิกอย่า…” เธอท้วงไม่ค่อยเต็มเสียง เหมือนการลูบไล้สัมผัสนั้นสะกดเส้นเสียงของเธอเอาไว้ กระทั่งเมื่อเธอรับรู้ได้ถึงบางอย่างล่วงล้ำเข้าไปในร่องเนื้อนุ่มหยุ่นภายใน สติจึงกลับมาพร้อมกับห้ามคนที่กำลังทำบางอย่างกับเธอ “อย่าค่ะคุณนิก…” เสียงห้ามสั่นพร่าอีกครั้งพร้อมหยุดมือร้ายกาจนั่นอย่างเหนียมอาย “เปียกหมดแล้วอย่าห้ามฉันเลย ให้ฉันช่วยนะเด็กดี” เขาก้มลงกระซิบบอก ขณะที่นิ้วมือของเขาขยับเข้าออกเนิบนาบแล้วค่อย ๆ เพิ่มระดับ “ปะ ปล่อยนะคะ” เอ่ยห้ามเสียงยานคาน ตอนนี้สติเริ่มไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้ว “ไม่ชอบเหรอ?” คนมากประสบการณ์ถามพลางประทับริมฝีปากบดเคล้าคลึงเรียวปากอิ่มอย่างรู้จังหวะ ไม่เปิดให้เธอตอบคำถามที่เขาถามเมื่อครู่ และเขาก็ไม่ได้อยากได้คำตอบอะไรด้วย เพราะตอนนี้เขารู้คำตอบของสาวน้อยแล้ว เมื่อเธอตอบสนองต่อการรุกรานจากเขาอย่างเงอะงะ ถึงอย่างนั้นดนุนัยกลับจุดรอยยิ้มพอใจ ก่อนที่นิ้วเรียวจะขยับเร็วขึ้น เพียงไม่นานร่างเล็กเกร็งสะท้านไหว พร้อมปลายเล็บจิกลงบนแผ่นหลังหนาแรง ๆ จากคนตัวเล็ก ดนุนัยยิ้มในหน้าเมื่อนิ้วของเขาถูกตอดถี่ยิบ “ชอบไหม?” ถามแล้วกัดแก้มเธอบางเบา แล้วค่อย ๆ ถอนนิ้วออกจากร่องฉ่ำเยิ้มด้วยน้ำหวาน มาลินีไม่กล้าตอบว่าชอบ เพราะเธอละอายเกินกว่าที่จะพูดมันออกมา ต่างจากคนหน้าด้านที่กลับยิ้มหน้ารื่น เมื่อได้กลั่นแกล้งเธอ ดนุนัยมองกลีบปากนุ่มแดงของสาวน้อยแล้วฉวยดูดเบา ๆ อีกครั้งก่อนจะปล่อยออกอย่างอ้อยอิ่งราวกับเสียดาย มือที่ถอนออกจากร่องเนื้อนุ่มหยุ่นเมื่อครู่ เลื่อนขึ้นมากอบกุมหน้าอกของเธออีกหน แล้วออกแรงบีบสองถึงสามครั้ง สาวน้อยที่เพิ่งเสพสุขถึงกับกัดริมฝีปากแน่น “คุณนิก… พอแล้ว มะลิขอร้อง” เรียวปากอิ่มห้ามเสียงสั่น สายตาพร่ามัวไปหมด นี่เขาจะล่อลวงเธออีกแล้วอย่างนั้นเหรอ? คนร้ายกาจ! มาลินีก่นด่าในใจ ดนุนัยมองสาวน้อยผู้ด้อยประสบการณ์แล้วยิ้มในตา เขายอมรับว่าเริ่มอยากครอบครองมะลิดอกนี้แล้วสิ ดีที่เมื่อกี้ได้ไปปลดปล่อยกับหนู ๆ ข้างนอกแล้ว ไม่อย่างนั้นเขาคงต้องทำในสิ่งที่เด็กสาวกลัวกว่านี้แน่ ๆ “ใส่เสื้อให้เรียบร้อย แล้วไปอ่านหนังสือได้แล้ว” เขาบอกก่อนจะปล่อยเธอลงจากตัก “ค่ะ” สาวน้อยรีบหยิบบราเซียที่ถูกส่งมาจากมือหนา แล้วรีบผละออกไปด้วยใบหน้าแดงปลั่งราวลูกตำลึงสุก เธอลงมือใส่บราเซียแล้วเสร็จก็สำรวจความเรียบร้อยของกางเกงต่อ เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เธอรีบออกไปทันทีโดยไม่กล้าหันมามองเขาอีก โดยไม่เห็นแววตาที่ฉายชัดความต้องการครอบครองเธอคล้ายเสือร้ายก็ไม่เชิง ดนุนัยหายใจเข้าลึกควบคุมบางอย่างที่กำลังดิ้นประท้วง พร้อมกับท่องในใจว่าอดทน มันยังไม่ถึงเวลา เขาอยากรอให้สาวน้อยเรียนจบเสียก่อน อีกปีเดียวเท่านั้น ดนุนัยสะกดกลั้นความรู้สึก ก่อนจะผุดลุกจากโซฟานุ่มแล้วเดินไปนั่งลงบนเก้าอี้หนังสีดำในโต๊ะทำงาน มือหนาเปิดลิ้นชักแล้วหยิบอัลบั้มขึ้นมาดู เป็นภาพเด็กผู้หญิงแก้มยุ้ย ยิ้มให้กล้องจนเห็นเหงือกสีแดง รูปถัดไปเป็นรูปที่แขนป้อม ๆ ชูขึ้นเหมือนอยากให้คนตรงหน้าอุ้ม ซึ่งคนคนนั้นก็เป็นเขาเองที่ยืนถ่ายรูปนี้ให้เธอเองกับมือ ดนุนัยเลื่อนดูรูปถ่ายของดอกมะลิน้อยรูปแล้วรูปเล่า ตั้งแต่สาวน้อยยังเป็นเด็ก ไปจนถึงหญิงสาวขึ้นมัธยมปลาย รูปเด็กผู้หญิงในชุดนักเรียนหันมายิ้มให้กล้อง แม้ไม่ได้แต่งหน้า ทว่าวงแก้มอวบอิ่มนั้นเนียนใสจนแทบจะเห็นเส้นเลือดฝาด และรูปนิสิตปีหนึ่งในชุดนักศึกษา ยิ้มร่าในระหว่างทำกิจกรรมต้อนรับน้องใหม่ รอยยิ้มนี้ชวนให้คนมองมีความสุขตามอย่างมากมาย ดนุนัยกดยิ้มมุมปาก เมื่อมองภาพถ่ายของสาวน้อยที่เขาเฝ้าทะนุถนอมมาตั้งแต่เด็ก จนกระทั่งตอนนี้เธอโตเป็นสาวเต็มตัวแล้วด้วยความสุข “เด็กดีของอา” เสียงต่ำพึมพำเบา ๆ กับตัวเอง ก่อนจะพับอัลบั้มปกแข็งสีเหลือง เก็บเข้าลิ้นชักราวกับเป็นสิ่งล้ำค่าอีกชิ้นในชีวิตของเขา ************** พบคนเจ้าเล่ห์เเล้วหนึ่งอัตรา
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม