ตอนที่ 6 อยากครอบครอง (1)

1445 คำ
รถสัญชาติยุโรปราคาแพงเคลื่อนเข้ามาจอดที่มุกหน้าบ้าน ดนุนัยจัดการดับเครื่องยนต์ก่อนก้าวลงมาจากรถแล้วเดินเข้าไปในบ้าน ร่างสูงไม่ได้เดินไปทางเชิงบันได แต่สืบเท้าเข้าไปในครัวแทน เมื่อย่างกรายถึงบานประตูครัวก็เห็นสาวน้อยกำลังง่วนอยู่กับการล้างถ้วยชามคนเดียวในครัวไร้ซึ่งคนงานคนอื่น ๆ ดนุนัยยังไม่เข้าไปหาเด็กในปกครองที่ตอนนี้กำลังขะมักเขม้นกับงาน แต่เขากลับยืนมองเธออย่างเงียบ ๆ ปีนี้มาลินีอายุย่างเข้ายี่สิบแล้ว กำลังอยู่ในช่วงแตกเนื้อสาวเต็มตัวดูได้จากรูปร่างที่มีส่วนเว้าโค้งช่วงสะโพกกลมซึ่งโค้งงามงอน โดยเฉพาะปลีน่องเสลาคู่นั้นแบบผู้หญิง น่ามองไปหมดในยามที่เด็กสาวใส่กางเกงขาสั้น “ล้างจานเสร็จหรือยัง?” เสียงกระซิบพร่าที่ดังรดริมหู ทำเอาคนที่จดจ่ออยู่กับการทำความสะอาดจานชามขนอ่อนบนต้นคอลุกซู่เมื่อได้กลิ่นที่คุ้นเคย หากแต่ครั้งนี้มีกลิ่นน้ำหอมผู้หญิงร่วมด้วย ร่างบางถึงกับนิ่งขึงไม่กล้ากระดุกหระดิก “ค่ะ คุณนิก…” เสียงหวานครางแผ่ว ก่อนจะเม้มปากแน่นเมื่อกลีบปากอุ่นสัมผัสกับริมหูชวนให้รู้สึกจั๊กจี้จนต้องเอนคอหนี “คุณนิกอย่าแกล้งมะลิสิคะ” มาลินีรีบขยับถอยห่าง เมื่อเห็นว่าเขาขยับยืนซ้อนเธอจากด้านหลัง กลัวใครมาเห็นเข้าจะดูไม่ดี “กลัวฉันเหรอ?” สายตาที่มองสาวน้อยฉายแววหยอกเล่นพลางล้างมือไปด้วย “ไม่ใช่ค่ะ” มาลินีที่มือยังถือสก็อตไปรท์เคลือบไปด้วยฟองน้ำยาล้างจานรีบส่ายหน้าปฏิเสธหลังถอยให้เขาล้างมือ เธอไม่ได้กลัวเขา เธอจะกลัวเขาได้อย่างไรในเมื่อเธอชอบเขา หากแต่ไม่อยากให้เขาทำรุ่มร่ามต่อเธอ ที่สำคัญคือแฟนเก่าของเขากลับมาแล้ว ดูจากเมื่อกลางวันพวกเขายังคงสนิทสนม ราวกับยังรักกันอยู่ และตอนนี้ตัวเขามีแต่กลิ่นน้ำหอมของผู้หญิงจะให้เธอคิดยังไง หากมองในความเป็นจริง คนอย่างเขาคงไม่มีวันชายตามองเธอเหมือนอย่างที่จิรายุเตือน! “ฉันอยากดื่มน้ำขิงร้อน ๆ น่ะทำให้หน่อยสิ” มือหนาหยิบผ้าสีขาวมาซับแห้ง ก่อนจะถอยออกมาให้สาวน้อยทำหน้าที่ต่อ “งั้นคุณนิกไปนั่งรอในห้องโถงก่อนนะคะ เดี๋ยวหนูยกไปให้ค่ะ” มาลินีมองเขาอย่างระแวดระวัง วางงานในมือแล้วเตรียมชงน้ำขิงตามที่เขาบอก แต่ก็ต้องชะงักนิ่ง เมื่อได้ยินประโยคถัดมาของเขา “ไปส่งในห้องหนังสือนะ” กล่าวจบก็เดินออกไป มาลินีมองตามร่างสูงใหญ่แล้วเม้มกลีบปากด้วยความรู้สึกหวั่นเกร็งนิด ๆ เมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อวาน หวังว่าเขาคงไม่ทำอะไรเธอหรอกนะ มาลินีครุ่นคิดก่อนจะสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงจากทางประตู “ไม่ใส่น้ำตาลนะ” มาลินีผงกหัวก่อนจะไปจัดการ ขณะที่อีกคนเดินออกไปอย่างอารมณ์ดี แต่แล้วในระหว่างที่เดินผ่านห้องโถงก็เห็นพี่สาวนั่งอยู่ ยังไม่ทันได้พูดอะไร เป็นพี่สาวที่ลุกขึ้นเรียกเขาไว้พร้อมบอกว่าอยากคุยกับเขา ซึ่งดนุนัยก็พอจะมองออกว่าดารณีต้องการคุยอะไรกับเขาถ้าไม่ใช่เรื่องที่คุยกันในห้องอาหารเมื่อวานก่อน ดนุนัยหย่อนกายลงนั่งบนเก้าอี้นวม ตรงข้ามกับพี่สาว เขาเห็นความวิตกและเกรงใจในแววตาของคนเป็นพี่ หากก็ไม่ได้เอ่ยถามอะไร เพราะอยากฟังที่พี่สาวพูดก่อน “คุณจิรัตน์บอกความจริงพี่หมดแล้ว พี่ขอนิกอย่าเอาเรื่องเขาได้ไหม ส่วนเงินก้อนนั้นค่อยหักคืนจากเงินปันผลของพี่ก็แล้วกัน” ดารณีไม่อยากอ้อมค้อมจึงเอ่ยออกไปตรง ๆ และหล่อนรู้ว่าดนุนัยคงรู้เหมือนกันว่าจิรัตน์เอางบของโครงการไปทำอะไร “ถ้าพี่ดาต้องการอย่างนั้นก็ได้ครับ ผมจะปล่อยไปสักครั้ง” ดนุนัยยอมรับว่าโกรธที่พี่เขยกล้าเอาเงินของบริษัทไปใช้ในเรื่องส่วนตัว และรู้ด้วยว่าอีกฝ่ายเอาเงินไปทำอะไร หุ้นที่พี่เขยซื้อไปลงทุนซึ่งเป็นหุ้นตัวเดียวกับที่ณนนท์เล่น แต่ฝ่ายนั้นรู้เทคนิคและวิธีการ ซื้อมาแล้วขายออกในช่วงเวลาที่ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นทำให้ได้กำไรมากโข ต่างจากจิรัตน์ “พี่ขอบใจมากนะนิก รับรองว่าจะไม่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีกเป็นครั้งที่สอง” ดารณีบอกน้องชายด้วยน้ำเสียงแน่วแน่ หล่อนรักสามีมาก แต่หล่อนก็รักน้องชายมากเหมือนกัน ถ้าจิรัตน์ยังสร้างเรื่องให้ดนุนัยอีก หล่อนก็จะไม่ยื่นมือเข้าไปช่วยอีกเป็นครั้งที่สอง “ไม่เป็นไรครับพี่ดา ยังไงเราก็เป็นครอบครัวเดียวกันอยู่แล้ว” ดนุนัยกล่าวอย่างใจกว้าง ถึงเขากับดารณีไม่ใช่พี่น้องกันแท้ ๆ ดารณีเป็นแค่เด็กกำพร้าที่พ่อแม่ของเขาเก็บมาเลี้ยง แต่ดนุนัยจำได้ว่าตอนเด็ก ๆ พี่สาวคนนี้ดูแลเขาดีมาก ๆ จนกระทั่งเดี๋ยวนี้ดารณีก็ยังดูแลเขาดีมาโดยตลอดไม่ต่างจากแม่คนหนึ่ง “แล้วนี่นิกกินข้าวมาหรือยัง มื้อเย็นป้าอบทำเมนูหลายอย่างเลยนะ” “ผมกินมาเรียบร้อยแล้วครับ” “แล้วอยากดื่มอะไรร้อน ๆ สักแก้วไหม เดี๋ยวพี่สั่งให้มะลิไปจัดให้ เมื่อกี้เห็นล้างจานอยู่ในห้องครัว” ดารณีบอกน้องชายหมายจะลุกขึ้น แต่ถูกดนุนัยรั้งไว้ก่อน “ไม่ต้องครับพี่ดา ผมบอกมะลิแล้ว” “งั้นเหรอ” ดารณีพยัก เมื่อพูดถึงมาลินี ช่วงนี้หล่อนเห็นว่าเด็กสาวกับบุตรชายของตนเหมือนจะหมางเมินใส่กัน จึงอดพูดเรื่องของเด็กสองคนนี้ไม่ได้ “ช่วงนี้พี่รู้สึกว่าตาเจดูแปลกไปนะ ทำราวกับมะลิไม่ใช่เพื่อน ทั้งที่เมื่อก่อนเห็นสนิทกันมาก พี่ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเขาเปลี่ยนไปมากขนาดนี้ หรือว่าสองคนนั่นมีปัญหาอะไรกันหรือเปล่า” ดารณีนึกถึงเรื่องในห้องอาหารวันนั้น หล่อนมองเห็นความห่างเหินที่จิรายุมีต่อมาลินี ปกติลูกชายจะต้องหยอกเล่นพูดคุยกับมาลินีมากกว่าที่จะพูดจาแขวะคล้ายคนไม่เข้าหน้ากัน “ไม่มีอะไรหรอกครับ สองคนนั้นก็แบบนี้แหละเดี๋ยวพวกเขาก็กลับมาเหมือนเดิมเชื่อผมเถอะ” ดนุนัยบอกพี่สาวที่ทำหน้าเคลือบแคลง ไม่ใช่ว่ามีแต่ดารณีที่เห็นว่าจิรายุเปลี่ยนไป เขาเองก็ยังสงสัย แต่เขารู้ว่าจิรายุไม่ได้เป็นอย่างที่พูด ตรงกันข้ามเด็กหนุ่มเหมือนงอนมาลินีเสียมากกว่า แต่ดูเหมือนแม่สาวน้อยจะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังงอน ซึ่งสาเหตุนั้นไม่ต้องพูดถึง คงจะคล้าย ๆ เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ หลังได้ยินน้องชายพูดอย่างนั้นแล้วดารณีก็ไม่มีอะไรคาใจระหว่างเด็กทั้งสองแล้ว แต่กลับเปลี่ยนเรื่องคุย เพราะช่วงบ่ายรู้ข่าวจากบุตรชายว่าเห็นภาวินีไปกินข้าวกับดนุนัยที่ร้านอาหารญี่ปุ่น “พี่ได้ข่าวว่าน้องแพรกลับมาแล้ว ชวนเธอมากินข้าวที่บ้านบ้างสิ พี่คิดถึง” เมื่อก่อนหล่อนค่อนข้างสนิทกับภาวินี เพราะดนุนัยพาหล่อนมาที่บ้านบ่อยครั้งในช่วงวันหยุด แต่หลังจากที่หญิงสาวเลิกรากับดนุนัยและย้ายไปเรียนต่อที่เมืองนอก จึงไม่ได้ติดต่อกับฝ่ายนั้นอีกเลย “ได้สิครับ” ดนุนัยพยักหน้าให้พี่สาว ถึงไม่บอกเขาก็จะพาอดีตแฟนสาวมาเยี่ยมหาทุกคนอยู่แล้ว “เอาเถอะ งั้นพี่ไม่รบกวนนิกแล้ว พี่ขอขึ้นไปพักก่อนนะ” ดารณีกล่าวแล้วลุกออกไป ส่วนดนุนัยก็พาตัวเองเข้าไปในห้องหนังสือเหมือนกัน ทิ้งตัวลงนั่งไม่ถึงนาที เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น รู้ว่าเป็นใครมาเคาะ ตาคมจับจ้องตรงบานประตู ก่อนจะลุกขึ้นไปเปิดประตูด้วยตัวเอง *********** สาบานว่าไม่มีแผนอะไรนะคุณนิก
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม