ตอนที่ 7 รัก… แต่พูดออกไปไม่ได้ (1)

1181 คำ
ภายในห้องครัวไทยกึ่งครัวฝรั่งของคฤหาสน์เจริญภิวัฒน์ในขณะนี้ คนงานค่อนข้างจะยุ่งเป็นพิเศษมากกว่าวันอื่น ๆ เพราะเย็นนี้จะมีแขกคนพิเศษมาร่วมรับประทานอาหารเย็น ซึ่งนั่นไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นอดีตคนรักของดนุนัยนั่นเอง ดังนั้นหลังกลับมาจากมหาวิทยาลัย มาลินีก็มาช่วยพี่ ๆ ในครัวเตรียมผักต่าง ๆ อย่างที่เคยทำ แต่แล้วมือที่ถือมีดไว้เตรียมจะหั่นผักต้องหยุดชะงักงัน เมื่อได้ยินพี่แจ๋วซึ่งกำลังเตรียมผักช่วยป้าอบทำกับข้าวอยู่ข้าง ๆ หันมากระซิบกระซาบเบา ๆ กับยุวดีสาวใช้รุ่นพี่อีกคน “ได้ยินว่าแขกของคุณนิกคือคุณภาวินีอ่ะ พี่วดียังจำเธอได้ไหม” “จำได้สิแจ๋ว ตอนนั้นคุณนิกรักคุณแพรวามากเลยนะ แม้กระทั่งตอนนี้ก็ยังรักมากไม่เคยเปลี่ยน ไม่อย่างนั้นรูปถ่ายที่พวกเขาถ่ายด้วยกันจะตั้งอยู่เกลื่อนห้องนอนของคุณนิกเหรอ” สาวใช้ผมยาวเกล้าม้วนกลางหลัง บอกอย่างที่รู้สึกและเห็น ขณะที่มือจัดการหั่นแตงกวางเป็นแว่นสวยงาม อบรำไพซึ่งยืนอยู่ไม่ห่างนึกอยากจะหยิกแม่สาวใช้ทั้งสองที่พูดมาก จึงหันไปเอ็ดแจ๋วกับยุวดี ที่กำลังคุยเรื่องของดนุนัยกับภาวินีไม่หยุด เพราะรู้ว่าจะต้องมีใครบางคนในนี้เสียใจ “พูดมากทำงานไป” แม่บ้านวัยกลางคนค้อนควักพลางทำตาขุ่นเขียวใส่ “จ้ะป้า ถึงพวกฉันจะพูดมาก แต่พวกฉันก็ตั้งใจทำงานนะป้า” แจ๋วยู่หน้าอย่างเย้าเล่น เหมือนไม่กลัวคำดุของแม่บ้านวัยกลางคน เพราะรู้ดีว่าแม้ป้าอบจะดุจะด่าพวกเธอ แต่ป้าก็รักและใจดีกับพวกเธอมากเช่นกัน “พวกแกนี่เอานายมานินทาแบบนี้ไม่กลัวนายจะมาได้ยินหรือไง” ป้าอบถลึงตาใส่สองสาวใช้ ที่ยังจะคุยเรื่องของเจ้านายต่อ “พวกฉันพูดเบาแสนเบานาย ๆ เขาไม่ได้ยินหรอกจ้ะป้า” ครั้งนี้เป็นยุวดีที่เถียงบ้างพร้อมยิ้มแหย แต่เมื่อเห็นสายตาดุ ๆ ของอบรำไพแล้วหญิงสาวจึงรีบถอนสายตามาจดจ่ออยู่กับงานตรงหน้า หากแต่คำพูดของพวกเธอนั้น ไม่เฉพาะป้าอบที่ได้ยิน มาลินีเองที่ยืนหั่นหอมแดงอยู่ใกล้กับพี่ยุวดีก็ได้ยินเต็มสองหู จู่ ๆ กระบอกตาเริ่มร้อนผ่าว พยายามสะกดกลั้นหยาดน้ำอุ่นที่จะเอ่อไหลออกมาสุดความสามารถ จะเพราะกลิ่นฉุนของหอมแดงหรือเป็นเพราะเสียใจกับความจริงที่รู้อยู่แก่ใจว่าดนุนัยยังรักภาวินีอยู่ สุดท้ายน้ำตาเม็ดเล็กเม็ดใหญ่ก็ร่วงเผาะลงมาอาบแก้มอย่างยากจะควบคุมได้ เดือดร้อนคนข้าง ๆ ต้องยื่นมือเข้ามาช่วย “น้องมะลิ พี่บอกแล้วไงคะว่าก่อนจะซอยหอมแดง ให้ฝานมะนาวมาทาตรงคมมีดก่อน ฤทธิ์ของน้ำมะนาวจะช่วยบรรเทาสารระเหยในหอมแดงได้ ดูสิแสบตาจนน้ำหูน้ำตาออกมาหมดแล้วน่ะ มาพี่ช่วย” “คือ… มะลิลืมจ้ะพี่วดี” บอกพลางกะพริบตาไปพลางราวกับจะไล่หยาดน้ำใสที่เอ่อรื้นเต็มหน่วยตาไม่ให้รินไหล ส่วนคนที่ยืนอยู่ตำแหน่งหน้าเตาเป็นแม่ครัวใหญ่นั้น เหลียวมามองหลานสาวด้วยสายตาเห็นใจ หล่อนเข้าใจความรู้สึกนี้ดีกว่าใครทั้งนั้น เพราะครั้งหนึ่งตัวเองก็แอบชอบผู้เป็นนายจ้างเหมือนกับมาลินีอยู่ในตอนนี้ และคิดว่าจุดจบก็คงไม่ต่างกัน เพราะนายจ้างจะลดตัวมาชอบคนรับใช้อย่างพวกเธอได้อย่างไรกัน เมื่อเห็นตาแดง ๆ และปลายจมูกโด่งรั้นแดงก่ำของผู้เป็นหลานสาว ทำเอาอกคนเป็นป้าซึ่งรักหลานสาวดั่งลูกในไส้เจ็บปวดไปด้วย หากห้องครัวนี้มีแค่หล่อนกับมาลินีเพียงสองคน หล่อนคงจะดึงหลานสาวเข้ามากอดปลอบแล้ว แต่ก็ทำได้เพียงแค่หยิบกระดาษทิชชูที่อยู่ใกล้มือส่งให้มาลินีที่ยังคงน้ำหูน้ำตาไหลไม่หยุด จนเรียวแก้มใสเปรอะเปื้อนไปด้วยหยาดน้ำตา จากนั้นก็บอกให้เธอไปล้างหน้าล้างตา เพราะอายไลเนอร์ที่เห็นแม่หลานสาวมักจะกรีดขอบตาเวลาเสริมสวยตอนนี้ไหลมาเป็นทาง จนสองสาวที่ทำงานใกล้ ๆ เห็นแล้วพากันหัวเราะชอบใจ “หยุดขำคนอื่นแล้วตั้งใจทำงาน” นิ้วชี้ของป้าอบชี้ไปทางยุวดีกับแจ๋ว สองสาวรีบรับคำก่อนพากันหยุดเสียงหัวเราะ “จ้ะป้า” ป้าอบถึงกับส่ายหน้าเบา ๆ กับแม่สาวใช้ทั้งสอง ก่อนจะปรายตามองคนที่เดินออกไปแล้วนิ่วหน้าเล็กน้อย ทั้งรักทั้งสงสารแต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้ มาลินีเดินออกมาจากห้องครัว มุ่งหน้าไปทางเรือนเล็ก แต่ทว่าในระหว่างที่เดินออกไปทางประตูหลังบ้านด้วยความที่ก้มหน้าก้มตา ไม่ได้มองข้างหน้า จึงชนเข้ากับร่างของใครบางคน เธอรีบขอโทษและขอโพยขอพายโดยไม่ทันได้มองว่าเป็นใคร “บอกแล้วว่ารักคนมีเจ้าของมันเจ็บ ให้เธอตัดใจตั้งแต่ต้นแล้วเธอไม่ยอมฟังเองช่วยไม่ได้” แต่พอได้ยินเสียงเย้ยหยันนั่นรู้ว่าเป็นใคร ดวงหน้ารูปไข่เงยหน้าชำเลืองมองอย่างโกรธเคือง “อย่ายุ่ง!” มาลินีขึ้นเสียงใส่ ทว่าจิรายุกลับไม่สนใจ “ส่องกระจกหรือยังว่าตัวเองตลกแค่ไหน” ว่าพร้อมกับอมยิ้ม “เรื่องของเรา” มาลินีเบ้หน้าใส่ หากแต่จิรายุกลับหัวเราะชอบใจก่อนจะคว้าแขนเล็กแล้วลากไปทางห้องน้ำ “ไปดูกระจกหน่อยเป็นไง ไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าน้านิกเห็นสภาพหมีแพนด้าของเธอในตอนนี้แล้ว เขาจะหัวเราะเธอหรือเปล่านะ” “ปล่อยนะจิรายุ นายมันบ้า บ้าที่สุด!” มาลินีพยายามขืนตัวสุดฤทธิ์ไม่ยอมก้าวตามแรงฉุดกระชากนั้น นึกอยากข่วนหน้าคนหัวเราะหน้าตายเต็มประดา จิรายุคนเก่ากลับมาแล้วสินะ “ไม่ปล่อยแล้วจะทำไม” คนทำหน้ายียวนว่าพลางขยับเข้ามาใกล้ มาลินีจึงถอยกรูดเช่นกัน เธอไม่เข้าใจคนคนนี้เลย เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายเอาใจยาก ในขณะที่เธอถอยจนแผ่นหลังติดผนังห้อง เตรียมจะยกมือผลักร่างหนาของเพื่อนออก เพราะเห็นว่าใกล้กันมากเกินไปแล้ว กลับมีเสียงของใครคนหนึ่งดังขึ้นมาเสียก่อน ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่จิรายุกำลังจะโน้มหน้ามาใกล้มาลินีเหมือนกัน ************* นายเจเนี่ย ชอบแกล้งน้องมะลิของเราเก่งจริงๆ เล้ย
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม