ตอนที่1 : สโลแกน
สโลแกนอีพิงก์ : “สวย เริ่ด เชิด หยิ่ง ทำตัวฉลาด ให้ผู้ชายเสียดายเล่น”
ณ คลับหรู ในคืนวันหยุดสุดสัปดาห์
“สวัสดีครับทุกคน...ดีเจแมนยินดีต้อนรับครับผม...คืนนี้พวกเรามาสนุกกัน ปล่อยใจตามหาคนโสดกันไปเลย...”
ดีเจหนุ่มมาดเท่ ทั้งหล่อทั้งเซ็กซี่ ถอดเสื้อโชว์หุ่นกำยำ กล้ามเป็นลอนยืนโยกย้ายอยู่หน้าเวที พร้อมกับเปิดเพลงรีมิกซ์จังหวะดนตรีอันเร้าใจ เรียกเสียงกรี๊ดกร๊าดให้กับฝูงผีเสื้อราตรีได้ไม่น้อย โดยเฉพาะเพื่อนฉันทั้งสามคน แทบไม่มีใครฟังดนตรีหรอก เพราะเอาแต่จ้องหุ่นน่ากินบนเวทีซะมากกว่า และคนที่ออกนอกหน้าที่สุดคือส้มโอ
“อีพิงก์แกดูเป้ากางเกงดีเจแมนดิ ใหญ่มาก...” สาวประเภทสองคนนี้คือหนึ่งในเพื่อนสนิทของฉันเอง ที่เห็นเถียงกันบ่อย เพราะพวกเราสเปคตรงกัน แค่มองตากันก็รู้ไปถึงตับไตไส้พุงแล้วว่าคิดยังไง...
“มึงอ่ะ!! เรียกกูมาดื่มเพราะแค่จะดูเป้ากางเกงผู้ชายเนี่ยนะ”
ส่วนฉัน ‘พิงก์’ ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ หุ่นนาฬิกาทราย ที่ดูแซ่บ สวยเซ็กซี่ มีเสน่ห์เย้ายวน แต่งตัวเก่ง ดูมีรสนิยมดีที่สุดในกลุ่ม หันไปทำหน้าบึ้งตึงใส่คนวางแผนนัดเพื่อน ๆ รวมตัวในคืนนี้
“หน่า ๆ ตั้งแต่เรียนจบพวกเราไม่ได้สังสรรค์กันเลยจริงไหม”
จริงอย่างที่มันว่า...ตั้งแต่เรียนจบพวกเราก็ต่างแยกย้ายกันทำงาน ฉันทำงานร้านทองซึ่งเป็นธุรกิจของทางบ้าน ส้มโอไปเป็นผู้ช่วยช่างแต่งหน้า เจี๊ยบไปเป็นสาวบริษัท หนิงไปเรียนต่อ ส่วนจุนโกะ...น่าอิจฉาที่สุด ได้เจอผู้ชายรักจริงอย่างพี่จ้าวนาย พอเรียนจบก็ย้ายกลับไปญี่ปุ่น มีแผนจะแต่งงานกันด้วย แบบนี้ไม่ให้อิจฉาได้ไง
“คิดถึงจุนโกะว่ะ ป่านนี้ไม่รู้มันจะคิดถึงพวกเราบ้างเปล่า” เจี๊ยบเอ่ย ทำเอาหมดสนุก กลายเป็นนั่งหงอยแทน พวกเธอก็คงคิดถึงจุนโกะไม่น้อยไปกว่าฉัน ยิ่งมาเที่ยวที่เริงรมย์แบบนี้ด้วยแล้ว ก็ยิ่งทำให้คิดถึงตอนเรียนมหาลัย ช่วงนั้นพวกเรามักไปเที่ยวผับพี่นัตบ่อย ๆ ได้กินเหล้าฟรีเอย...ได้ส่องผู้ชายเอย...จะขอเพลงอะไรก็ได้ โดยไม่ต้องเกรงใจลูกค้าคนอื่น สนุกจะตาย...
แล้วดูตอนนี้สิ ถึงแม้นาน ๆ ครั้งจะนัดกันมาเที่ยว แต่ไอ้ราคาเหล้าพวกนี้ไม่ได้ถูกเลยนะ หารกันสี่คนก็ยังต้องจ่ายกันเฉียดหมื่น เหมือนเป็นเวรกรรมที่พวกเราไปถลุงผับพี่นัตยังไงก็ไม่รู้...
“คืนนี้ผมมีกิจกรรมมาให้ทุกคนลุ้นกันด้วยครับ...” พอคนหล่อพูดออกไมค์ พวกเราก็ต่างหันไปมอง หน้าหงอย ๆ ก็แสยะยิ้มพร้อมกับส่งนัยน์ตาเป็นประกายวาววับไปหาเจ้าของเสียง ผู้ชายหล่อ ๆ สาวที่ไหนจะไม่ชอบ
“ค่ำคืนนี้ถ้าใครชนะดริ๊งก์...ผมจะหอมแก้มคนคนนั้น”
“กรี๊ดดดดด” เสียงโห่ร้องและกรี๊ดกร๊าดดังไปทั้งคลับหรู ไม่เว้นแต่พวกเรา
แหม ๆ ก็คนหล่อพูดแบบนั้นทั้งที สาว ๆ จะอดใจได้ยังไงกัน
แต่แล้ว...
ไอ้เรื่องสนุกที่ว่า...มันก็แค่แย่งกันซื้อดริ๊งก์ ใครซื้อมากสุดก็เป็นผู้ชนะ ฉันจับทางถูก เลยถอยตัวตั้งแต่วินาทีที่เริ่มแข่งกัน...แต่คนที่เป็นเอามากน่าจะเป็นอีส้มโอรายนั้นทุ่มทุนซื้อดริ๊งก์หมดไปเป็นหมื่น อีนี่มันทำงานหาเงินก็เพื่อมาเปย์ผู้ชายนี่แหละ ‘เฮ้อ...หนักใจ’
แล้วรู้ไหมว่าใครชนะ...ก็เพื่อนฉันคนนี้นี่แหละ เงินหลายหมื่นแลกกับการถูกหอมแก้ม ไม่รู้คุ้มกันเปล่า?
“เย้...ฉันจะถูกหอมแก้มแล้วจ้า...อีพิงก์! ไม่ต้องมาอิจฉากันนะเว้ย มึงอยากยอมแพ้เอง สมน้ำหน้า” เจ้าตัวยิ้มแฉ่งหน้าบาน พลางเอามือถู ๆ แก้มนวลเนียนตัวเอง เพื่อรอรับริมฝีปากหนาจากคนหล่อ ถูแรงซะจนรองพื้นหลุด กลายเป็นสีแก้มไม่เท่ากัน พวกเราที่เหลือต่างมองหน้ากันเอง ลอบหัวเราะหันหน้าไปทางอื่น โดยไม่มีใครคิดจะบอกมันเลย
“เชิญเลยค่ะอีตุ๊ด” มือบางสะบัดไล่คนพูดเย้ย เจ้าตัวสะบัดหน้าพรืดหันไปส่งยิ้มให้คนบนเวที ดีเจหนุ่มส่งยิ้มหว่านเสน่ห์กลับมา ทำเอาสาว ๆ ต่างพาแผดเสียงด้วยความอิจฉา
นั่นกลับทำให้เพื่อนฉันหยิ่งผยองกว่าเก่า เธอสะบัดผมสลวยอย่างมั่นใจ เบ้ปากคว่ำใส่พวกอิจฉาตาร้อน ก่อนจะยกมือยกไม้ไปให้คนบนเวที
“ครับ...ขอเชิญผู้ชนะขึ้นมาบนเวทีได้เลยครับ”
พอได้ยินเสียงเรียก คนมั่นใจก็เดินเบียดเสียดผู้คนไปโดยลำพัง ไม่หันมาสนใจพวกเราสักนิด ตรงไปยังบันไดทางขึ้นเวที
“ได้ผู้ชายแล้วทิ้งเพื่อนเลยว่ะ”
“เออ ๆ นาน ๆ ให้มันทำตามใจบ้าง ปล่อยมันเหอะ”
“มันก็แค่โดนหลอกให้เสียเงินเท่านั้นแหละ ฮ่าฮ่า”
“จริงว่ะ”
พวกเราสามคนต่างนินทาส้มโอ พลางมองไปบนเวที เพราะเธอกำลังยื่นแก้มสาก ๆ ให้ชายหนุ่ม เขาฝังจมูกลงไปอย่างไม่ลังเล แล้วรีบยกตัวออกอย่างไว ทว่า...ใบหน้าหล่อยิ้มหวานเมื่อครู่ แวบหนึ่งฉันกลับเห็นว่าเขาเบ้ปาก แล้วรีบเปลี่ยนสีหน้าเป็นยิ้มอย่างเดิม ชายคนนั้นคงนึกรังเกียจอยู่ในใจ มีแต่ฉันเท่านั้นแหละที่เห็นสันดานที่แท้จริงของเขา
ยัยส้มโอได้สิ่งที่หวังแล้ว ก็เดินหยิ่ง ๆ อมยิ้มกลับมานั่งที่เดิม เอาแต่โม้ใหญ่เรื่องริมฝีปากนุ่มหยุ่นของชายหนุ่ม ส่วนฉันไม่ได้เล่าสิ่งที่เห็นเมื่อครู่ให้มันฟังหรอก เพราะไม่อยากขัดความครื้มอกครื้มใจของเพื่อน
ผ่านไปสักพัก มีชายหนุ่มคนใหม่เดินมาหาพวกเราที่โต๊ะ เขาผิวขาว หน้าตี๋ แต่งตัวด้วยชุดแบรนด์เนมเสื้อเชิ้ตแขนยาว กางเกงสแล็กส์สีดำ อายุน่าจะเป็นวัยทำงาน มือข้างถนัดถือแก้วเหล้า ส่วนมืออีกข้างล้วงกระเป๋ากางเกง ทำท่าเก๊กหล่อซะไม่มี
“สวัสดีครับสาว ๆ” เขาเอ่ยทักทาย พลางกวาดสายตามองรอบโต๊ะ แล้วมาหยุดที่ฉัน ทำเป็นวางแก้วเหล้าใกล้ ๆ แล้วถกแขนเสื้อขึ้น เพื่อโชว์นาฬิกาโรเล็กซ์สีทองให้ฉันเห็น
“หึ!!” เห็นแวบเดียวก็รู้แล้วว่าอะไรเป็นอะไร เลยทำเสียงไม่พอใจในลำคอ หันกลับมาจิบเหล้าตัวเองต่อ ส้มโอที่นั่งติดกันคงเห็นฉันไม่สนใจผู้ชายมาใหม่ เลยเอียงตัวเข้ามาใกล้ ๆ พลางเขย่าแขนแทบหัก
“สเปคแกไม่ใช่เหรออีพิงก์” เสียงเอ่ยทำให้คนมาใหม่ยิ่งได้ใจ เขาเสยผมขลับ ก่อนจะเอาแขนเท้าตรงมุมโต๊ะ จ้องเจาะจงบอกเจตนาว่ามาจีบฉันโดยเฉพาะ
“น้องชื่ออะไรเหรอครับ”
“ไม่จำเป็นต้องรู้ก็ได้มั้ง”
“อีพิงก์...ทำไมตอบเขาไปแบบนั้นล่ะ ฉันชื่อส้มโอค่ะ แล้วนี่เป็นเพื่อนรักของพวกเราชื่อพิงก์” เจ้าตัวเสนอหน้าตอบแทน แล้วโอบไหล่บ่งบอกว่าสนิทกันซะเต็มประดา
“เป็นชื่อที่เพราะมากเลย ชอบสีชมพูเหรอครับ”
“ไปถามพ่อ...ดูสิค่า” ฉันตอบลากเสียงคำว่าพ่อ ทำเอาทุกคนต่างพากันเบิกตาโพลง ส้มโอเลยเอียงมากระซิบ “พูดแบบนั้นได้ไงวะ นั่นสเปคมึงไม่ใช่หรือไง”
“ใช่สเปคกู แต่แบบนี้ไม่ไหวเว้ยทั้งตัวมีแต่ของปลอม อีพิงก์คนนี้ก็ไม่เอาหรอก” ฉันกระซิบกลับ ส้มโอหันมาสบตา ก่อนจะหันกลับไปมองผู้ชายคนนั้นอีกครั้ง
“กระซิบอะไรกันเหรอครับ...ขอเบอร์โทรได้ไหม พี่จะได้รู้ว่าคุยอะไรกัน”
“หน้าด้าน!! ไปไหนก็ไปค่ะ พวกเราไม่มีรสนิยมใช้ของปลอม” ไม่ใช่เสียงฉันหรอก แต่เป็นของยัยส้มโอ ทั้งเจี๊ยบทั้งหนิงต่างตาโตใส่เขาด้วยความตกใจ แล้วหันมากระซิบทำท่าทางรังเกียจ คนถูกรู้แกวขบฟันแน่นจนเห็นเส้นปูดโปน ก่อนจะเอ่ยต่อ
“ตาต่ำ!! มาหาว่าผมใส่ของปลอมได้ไง”
“แหม ๆ โรเล็กซ์เถื่อนนั้น ราคาแค่ไม่กี่พันเองไม่ใช่เหรอ เดี๋ยวนะ!! ซื้อที่สำเพ็งหรือเปล่า ถ้าใช่...งั้นราคาก็ไม่ถึงพันล่ะสิ” ฉันสวนกลับทันควัน เจ้าตัวถึงกับเถียงไม่ออก หลุบแขนไปด้านหลัง พลางขึงตาใส่ด้วยความโมโห
“เฮ้ย! ถ้ายังไม่ไปอีก ฉันจะตะโกนให้รู้กันทั้งคลับ” ส้มโอไล่ตะเพิดด้วยเสียงต่ำ เสียงธาตุแท้แมน ๆ เผยออกมา ทำเอาพวกเราต่างพากันกลั้นขำ เป็นภาพหาดูยากจริง ๆ ปกติเจ้าตัวจะกระโดดใส่ผู้ชายลูกเดียว ขอแค่ให้มีไอ้นั่น...
เล่นเอาคนถูกพูดใส่ถึงกับเบิกตาโพลง หน้าถอดสี กลืนน้ำลายเหนียวลงคอ ก่อนจะเอ่ยตะกุกตะกัก
“ฝะ...ฝากไว้ก่อนเหอะ!!” เสียงกระแทกเอ่ยจบก็สะบัดหน้าพรืดเดินจากไป พวกเราได้แต่หัวเราะตามหลัง
‘ขำจริง ๆ คงคิดว่าฉันดูไม่ออกสินะ มาเจอลูกสาวร้านทอง เล่นผิดคนแล้วจ้า’
“มันคงกะเอาเงินมาล่อสาว ที่ไหนได้มีแต่เปลือกดีนะที่เพื่อนฉันฉลาด” ส้มโอเอ่ยต่อ พร้อมกับนวดขยำไหล่ให้
“ฉันมันฉลาดจ้ะ ไม่โง่เหมือนแกหรอกอีส้มโอ”
“หนอย ๆ คนอุตส่าห์ชมนะเว้ย”
“ฉันก็ชม...ชมว่าแกโง่ไง ไม่มีใครโง่กว่าแกแล้ว ภูมิใจไว้เหอะ”
“อีพิงก์!!”
“เรียกทำไมอีตุ๊ด!!”
พวกเราเถียงกันไปมา ไม่ได้เกลียดกันหรอก แต่แค่ปากจัดด้วยกันทั้งคู่ เลยไม่มีใครยอมใคร ส่วนเพื่อนอีกสองคนไม่ห้ามด้วยนะ ปล่อยพวกเราเถียงกันจนคอแห้งแล้วหยุดกันไปโดยปริยาย