ถึงเวลาคลับปิด
เจี๊ยบกับหนิงต่างพากันกลับไปแล้ว ส่วนฉันกับส้มโอต้องกลับบ้านด้วยกัน เพราะบ้านคุณหล่อนอยู่ทางเดียวกัน เลยต้องแวะไปส่งก่อน แล้วดูสิ!! คนอาศัยกลับบอกจะไปเข้าห้องน้ำ ทิ้งฉันให้ยืนสวย ๆ รออยู่หน้าประตูทางเข้ามาสิบนาทีแล้ว
น่าอายจะตาย!! ก็ไอ้พวกผู้ชายที่ทยอยกันออกมา ต่างพากันมองฉันอย่างเวทนา คงคิดมั้งว่าฉันเป็นผู้หญิงหากินที่รอให้ใครสักคนหิ้วกลับ เข้าใจอยู่หรอกว่าฉันสวย...หุ่นดี...เซ็กซี่ แต่สวย ๆ แบบนี้ไม่จำเป็นต้องขายตัวเปล่าวะ? ก็แค่มายืนรอเพื่อน
คนไปห้องน้ำยังไม่กลับมาสักที ไปนานขนาดนี้คงไม่ใช่แค่ไปถ่ายเบาแล้วล่ะ คงจะถ่ายหนักตกชักโครกซะมากกว่า ฉันเลยต้องเดินกลับเข้าไปในคลับอีกครั้ง ตรงไปยังห้องน้ำหญิง แต่ก็ไม่เจอ...เลยชะโงกในห้องน้ำชาย ก็ยังไม่เจออีก!
เป็นไปได้ไหมว่ามันกลับกับคนอื่นไปแล้ว? แต่อย่างอีส้มโอเนี่ยนะ!! ต่อให้มันเดินแก้ผ้าริมถนนก็คงไม่มีใครกล้าลากรถขึ้นรถหรอก แล้วมันหายไปไหน? ทิ้งแม่งเลยดีไหมเนี่ย!! โทษฐานให้คนสวยรอนาน
ขณะที่กำลังบ่นไปเรื่อย ก็ได้ยินเสียงสนทนาที่ฟังดูไม่สบอารมณ์เอาซะเลย แว่วมาจากตรงมุมอับที่ตรงนั้นเป็นช่องประตูสำหรับสูบบุหรี่นอกอาคาร จึงเงี่ยหูฟังด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“มึงคิดว่าตัวเองเป็นใคร!! เลิกยุ่งกับกูเว้ย!!”
“เป็นคนสวยไงค่า...เมื่อกี้น้องยังหอมแก้มพี่อยู่เลย ทำไมต้องทำเสียงดุใส่ด้วย”
น้ำเสียงออดอ้อนนั่น!! ไม่ผิดแน่...เป็นของคนที่ฉันตามหาตัวอยู่ สองเท้าเลยจ้ำอ้าวไปตามเสียงทันที
“กูทำไปก็เพราะเห็นมึงเป็นลูกค้าหรอก”
“แหม ๆ งั้นก็คิดว่าพี่เป็นลูกค้าสิ คืนนี้ให้พี่กลับด้วยได้ไหม เพื่อนพี่ทิ้งกันไปหมด พี่ไม่อยากกลับคนเดียว มันเปล่าเปลี่ยวหัวใจ”
“ออกไปห่าง ๆ กูเลยอีตุ๊ด!! ไอ้ตัวผิดเพศ!!”
พอมาถึง ฉันก็หันไปมองคนที่สนทนากันอยู่ นั่นคือยัยส้มโอกับดีเจแมน ชายสุดหล่อสุดเท่ที่เจ้าตัวปลื้มนักปลื้มหนา ตอนนี้กลับทำหน้าตารังเกียจใส่เธอผิดไปจากบนเวที
อย่างว่า...ต่อหน้าทำเป็นคนดี พอลับหลังกลับเลวสุด ๆ บูลลี่กันแบบนี้หน้าตัวเมียชัด ๆ
แล้วทันใดนั้น!!
มือหนาก็ผลักไหล่เพื่อนสาวโดยไม่ทันตั้งตัว
“กรี๊ด!!” ส้มโอแผดเสียงร้องพร้อมกับล้มคะมำไปกองกับพื้น ฉันหันขวับจ้องไอ้คนเลวที่กำลังยืนยิ้มเยาะ
‘ทำอีพิงก์ได้ แต่อย่ามาทำเพื่อนกู!!’
ความโกรธทำให้เลือดขึ้นหน้า ว่าแล้วก็ถอดรองเท้าส้นสูงห้านิ้วคู่โปรดออก หยิบมันขึ้นมากำไว้แน่นอย่างละข้าง โดยหันปลายแหลมไปด้านนอกลำตัว ได้โอกาสเหมาะ ๆ ก็วิ่งพุ่งไปหาชายคนทำร้ายเพื่อน
“กล้าทำเพื่อนกู!! มึงตาย!!”
พอมันหันมา ฉันก็ฟาดส้นแหลมใส่หน้ามันไป
ป๊าบ!!
ไอ้คนเลวโดนไปเต็มแรงอย่างไม่คิดไม่ฝัน ทำเอาหน้าหันตามแรงตบ แล้วหันขวับกลับมาจ้องฉันฉับพลัน
“มึง!!” เจ้าของเสียงจ้องด้วยความเจ็บแค้น ขบฟันกรอด ๆ ใบหน้าแดงก่ำ ไอ้แก้มขาว ๆ นั่นมีรอยส้นแหลมบาดเลือดไหลซึมออกมา ถึงจะไม่ลึกมาก...แต่ก็ทำเอามันหมดหล่อไปอีกหลายวัน
เป็นวินาทีเดียวกับที่เจ้าของเสียงสั่นเคลือเรียกชื่อฉัน พร้อมกับดีดตัวลุกขึ้นมาเกาะแขนไว้แน่น “พิงก์...”
“อีเวร!! กล้าดียังไงมาทำหน้ากู” เสียงตวาดจ้องพวกเราสลับกัน
ใครจะไม่กลัวบ้างล่ะ...ตรงนี้ก็มืด ๆ ด้วย มีแค่พวกเราตัวเล็ก ๆ สองคนเท่านั้น ถ้าไอ้บ้านี่ทำอะไรขึ้นมา...จะรอดเหรอ?
ผู้หญิงอ่อนแออย่างพวกเราก็ค่อย ๆ ก้าวถอยหลังออกมาพร้อมกัน
“อีพิงก์!! มึงไปทำเขาทำไม”
“ก็มันทำมึงก่อน” ฉันหันไปมองหน้าเพื่อน
“กูไม่เป็นไร แต่มึง...ไปทำเขาเลือดออก”
พวกเราต่างหันไปมองคนที่ส้มโอพูดถึง ตอนนี้รู้สึกจะโกรธมากกว่าเดิมอีก คงเพราะพวกเราเอาแต่เถียงกันจนเขารำคาญ
“หึ!! พวกมึงไม่รอดทั้งสองตัว” เสียงเรียบเอ่ยพร้อมกับล้วงมือไปข้างหลังช้า ๆ
“ปืน...มันต้องชักปืนมายิงพวกเราแน่ ๆ อีพิงก์”
แค่ได้ยินคำว่า ‘ปืน’ ร่างกายฉันก็สั่นขึ้นมา ยอมรับว่ากลัวมาก เพราะมันทำให้นึกถึงตอนที่จุนโกะยิงโจรในวันนั้น ทั้งเลือดสีแดงสด...ทั้งกลิ่นคาว...ทั้งคนตาย...ทั้งมันสมองกระจาย...ล้วนแต่เป็นภาพสยดสยองไม่น่าจดจำ...แต่ทุกอย่างกลับฝังอยู่ในความทรงจำของฉัน ราวกับเหตุการณ์นั้นพึ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน
ในใจทั้งกลัว...ทั้งอึดอัด จนต้องแผดเสียงร้องระบายออกมา
“กรี๊ด!!” พร้อมกับเอามือป้องหู หลับตาปี๋ เพราะไม่อยากเห็นภาพแบบเดิมอีก
“อีพิงก์!! มึงเป็นอะไร?” ส้มโอถามด้วยความตกใจ เรื่องวันนั้นฉันไม่ได้บอกใคร เพราะเป็นความลับระหว่างฉันกับจุนโกะ ไม่แปลกใจ...ทำไมเธอถึงไม่รู้
กำลังจะหันไปตอบเพื่อน ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าวิ่งมาหาพวกเราพอดี
“เฮ้ย!! เกิดอะไรขึ้น” คนมาใหม่เขาเป็นตำรวจในเครื่องแบบ บนบ่ามีดาวสีเงินข้างละสามดวง แสดงว่านั่นเป็นผู้กอง กำลังกวาดสายตามองพวกเราอย่างสงสัย แต่อะไรก็ไม่ทำให้พวกเราตะลึงเท่ากับใบหน้าหล่อเหลาในชุดเครื่องแบบหรอก
“ว้าว...คุณตำรวจ” ส้มโอลากเสียงยาว ทำตาลุกวาว ก็เพราะผู้กองหน้าตาดี...จะบอกว่าหล่อกว่าไอ้ดีเจแมนคนเลวก็ได้...คุณเธอเลยปล่อยแขนฉัน กำลังจะเดินตัวลอยไปหาคนมาใหม่
ฉันทิ้งรองเท้าส้นสูง แล้วใช้ฝ่ามือผลักหน้าเพื่อนหลบไปทันที เป็นฝ่ายเดินไปหาตำรวจคนนั้นซะเอง
“คุณตำรวจคะ ผู้ชายคนนี้กำลังทำพิงก์ค่ะ พิงก์ตกใจแทบแย่” พอเดินไปถึงหน้าตำรวจ ฉันก็ทำหน้าหงอย ๆ ฟ้องเขาด้วยเสียงอ่อย หันไปชี้หน้าไอ้ดีเจแมน
คนถูกชี้กับยกสองมือขึ้น ทำราวกับไม่มีอะไร “ผมไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย”
“ไม่ทำอะไร? แล้วเมื่อกี้มีเสียงกรี๊ดอะไรกันครับ” ตำรวจเอ่ยเสียงเรียบ แล้วหันมามองฉัน
“พิงก์เองค่ะ ก็ตกใจที่คนนั้นจะหยิบปืนมายิงพวกเรา”
“เฮ้ย!! มีปืนที่ไหน?”
“ปืนที่เอวนายไง” ส้มโอแทรก
“นี่น่ะเหรอ? ก็แค่จะหยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบ” ไอ้คนเลวหยิบซองบุหรี่จากกระเป๋ากางเกงด้านหลังชูขึ้นให้พวกเราเห็น พร้อมกับหันหลังให้ ถกเสื้อยืดขึ้น ให้ตำรวจเห็นชัดเจนว่าไม่มีปืนอะไรอย่างที่ฉันฟ้อง
“เอ้า!! ไม่มีปืนเหรอ”
ขวับ!!
ฉันหันไปขึงตาใส่เจ้าของเสียง เธอทำเป็นสะดุ้งแล้วรีบเปลี่ยนเป็นส่งยิ้มเจื่อน ๆ ให้แทน
ยิ้มกลบเกลือนซิไม่ว่า...คนที่พูดเรื่องปืนขึ้นมาก่อน ก็หล่อนนั่นแหละ
แต่ช่างเหอะ...ใครจะไปโกรธเพื่อนลงล่ะ ก็ตอนนี้ยืนอยู่หน้าคนมียศ ลองคิดดู...เขาทั้งหล่อ...ทั้งมีอนาคตไกล...ถ้าฉันได้เป็นแฟน แล้วแต่งงานมีครอบครัวด้วย ฉันคนนี้จะกลายเป็นคุณนายพิงก์เชียวนะ สบายไปทั้งชาติ จะปล่อยโอกาสนี้ไปได้ยังไงกัน ถึงแม้เขาจะมีปืนก็เถอะนะ...คงไม่ใช้ความรุนแรงหรอก เรื่องนั้นจะมองข้ามไปก็ได้
ว่าแล้วก็ทำเป็นเซซบไปที่อกแกร่ง “อุ๊ย!! พิงก์จะเป็นลมค่ะผู้กอง”
มือประคองฉันไว้ด้วยความเป็นห่วงเป็นใย “ไม่เป็นไรนะครับ”
“เวียนหัวค่ะ สงสัยจะเดินไม่ไหว”
“ตอแหล...” เสียงแผ่วเบานั่นเป็นของยัยส้มโอ ฉันเหลือบไปมองหล่อน แล้วเบ้ปากใส่ เจ้าตัวเลยทำปากไม่ออกเสียงมาว่า ‘แรด’
เรื่องอะไรจะสนคนขี้อิจฉา ฉันหันกลับมาแหงนมองคนในเครื่องแบบ
“งั้นผมประคองเข้าไปนั่งข้างในนะครับ”
“รบกวนผู้กองด้วยค่ะ อุ๊ย!! พื้นมันหมุนได้ด้วย พิงก์คงอาการหนักจริง ๆ”
คนในเครื่องแบบประคองฉันให้เดินเท้าเปล่ากลับเข้ามาด้านใน ฉันกวาดสายตามองรอบ ๆ เพราะทั้งคลับเปิดไฟสว่างจ้า ทำให้เห็นว่าตำรวจเกือบสิบนายกำลังตรวจค้นอะไรสักอย่าง มุมหนึ่งกำลังยืนคุยกับเด็กเสิรฟ์เกือบสิบชีวิต ส่วนอีกมุมตำรวจอีกสองนายยืนคุยกับผู้ชายร่างท้วมแต่งตัวดี เขาดูท่าทางสุภาพ ให้ทาย...คงเป็นเจ้าของคลับมั้ง แต่บรรยากาศไม่สู้ดีนัก เพราะทั้งพนักงานทั้งเจ้าของคลับต่างพากันทำหน้าตาซีเรียส
ฉันถูกคนในเครื่องแบบประคองให้มานั่งโต๊ะหนึ่ง เป็นจังหวะเดียวกันยัยส้มโอเก็บรองเท้าส้นสูงให้แล้วเดินตามมา
“ท่าทางผู้กองจะยุ่งนะคะ”
“ครับ พอดีมีสายรายงานมาว่าที่นี่มีการค้ายาเสพติด”
“มิน่าผู้กองเลยแต่งมาเต็มยศ มาทำงานนี่เอง งั้นพิงก์ไม่กวนแล้วดีกว่า ขอเบอร์โทรไว้ได้ไหมคะ มีอะไรจะได้ติดต่อไป” ใบหน้าสวยส่งยิ้มที่คิดว่าหวานที่สุดไปให้ พร้อมกับส่งโทรศัพท์ราคาแพงยื่นไป คนมียศทำหน้าเลิ่กลั่ก หันไปมองลูกน้องที่กำลังทำงานกันอยู่ แล้วหันกลับมามองฉัน
“ครับ” เขาใส่เบอร์โทรตัวเอง แล้วส่งกลับมาให้ฉัน
“ผู้กองชื่ออะไรเหรอคะ พิงก์จะได้เมมเบอร์ไว้ถูก”
“เรียกไบร์ทก็ได้ครับคุณ...พิงก์ใช่ไหมครับ”
“ค่ะ เรียกพิงก์เฉย ๆ ก็ได้” นัยน์ตาคู่สวยหรี่ลงจ้องชายหนุ่มที่สบตากันอยู่ พร้อมกับเอามือเท้าคาง เผยอริมฝีปากเล็กน้อยเพื่อให้ดูเซ็กซี่ ควักเสน่ห์เย้ายวนออกมาเต็มที่ เพื่อให้คนในเครื่องแบบตกหลุมเสน่ห์ที่วางไว้
ทว่า...
“ผู้กองไบร์ทไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ เดี๋ยวส้มโอจะเป็นคนไปส่งพิงก์เอง” มีเสียงสัมภเวสีเอ่ยแทรกซะก่อน ทำให้ฉันกับเขาต้องละสายตาออกจากกัน เลยแอบหยิกหลังมือเจ้าตัวด้วยความหมั่นไส้
“โอ๊ย!! อีพิงก์” ส้มโอสะดีดสะดิ้ง ทำเป็นเซแล้วฉวยโอกาสก้าวเข้าไปซบอกคนในเครื่องแบบ แต่เขารีบผลักเธอออกอย่างไว สีหน้าไม่ยิ้มแย้ม ทำให้ส้มโอรู้ทันทีว่าชายหนุ่มคนนี้ไม่เล่นด้วยกับตน เลยหันมาหาฉันแทน
“เสียดายนะคะที่ผู้กองทำงานอยู่ ไม่งั้นคงได้ลองเพื่อนฉันแล้วค่ะ รับรองเด็ดที่สุดจนผู้กองต้องรีบขอเป็นแฟน”
คำพูดของเพื่อน ทำให้เขาและฉันต่างเบิกตาโพลง ใครจะไปคิดว่าจู่ ๆ เธอจะพูดออกไปแบบนั้น อย่างกับฉันเป็นผู้หญิงใจง่ายไม่มีผิด
เพียะ!!
ฉันตีแขน พลางเอ่ยเสียงแหลม “อีส้มโอ!! แกพูดอะไรวะ” เจ้าตัวทำหน้าเหยเกเอามือลูบบริเวณที่ถูกตีไป ส่วนฉันก็หันไปมองผู้กองที่ตอนนี้ยืนทำหน้าหว๋อ มองฉันตาปริบ ๆ
ด้วยความอาย...ฉันก็คว้ามือยัยส้มโอไว้แน่น
“ขอตัวก่อนะคะผู้กอง ยัยส้มโอเมามากแล้ว”
“ฉันไม่...”
“หุบปาก!! ตามฉันมา”
ฉันลากส้มโอมาเลย เธอพยายามรั้งขาไว้ ฉันก็ออกแรงเต็มที่ จูงเธอเดินห่างออกมา พอพ้นประตูคลับ ฉันก็เหวี่ยงตัวเธอมาด้านหน้า เปลี่ยนมายืนกอดอกจ้องคนพูดมากแทน
“เมื่อกี้แกพูดอะไรออกไปวะ รู้ไหมว่ามันเสียมารยาท ผู้กองเข้าใจฉันผิดกันพอดี”
“เสียมารยาทอะไร? ฉันก็แค่พูดความจริง คนอุตส่าห์โฆษณาให้เพื่อน ผิดตรงไหนกัน”
“เรื่องแบบนั้นมันควรพูดไปเหรอ”
“ทำไมจะไม่ได้ ยุคสมัยนี้แล้วเขาชอบเรื่องบนเตียงกันทั้งนั้น แกเองก็ผ่านมาเยอะไม่ใช่หรือไง ทำเป็นสาวเวอร์จิ้นทำไม ผู้ชายเขาไม่ชอบหรอกนะเว้ย”
“อ่ะ!!” ฉันเถียงมันไม่ออก เลยเม้มปากไว้
“หน่า ๆ ผู้ชายหน้าไหนที่ได้นอนกับแก ก็ถือเป็นบุญแล้ว แกเล่าบ่อย ๆ ไม่ใช่เหรอว่าลองท่าโน้นท่านี้มา เด็ดตัวแม่อย่างแกจะแผ่วได้ไง” เจ้าตัวเอ่ยพร้อมกับเดินมากอดคอ ฉันได้แต่ยืนกลืนน้ำลายเหนียวลงคอ แล้วส่งยิ้มเจื่อน ๆ ให้
เวรกรรมตามทันมั้ง...ก็ฉันดันพลั้งปากบอกพวกเพื่อนไปว่ามีแฟนมาแล้วหลายคน ช่ำชอง...เจนจัด...รู้เรื่องเซ็กซ์เป็นอย่างดี ท่าไหนที่ว่าดีที่ว่าเด็ด อีพิงก์คนนี้ลองมาหมดแล้ว ไม่แปลก...ที่ยัยส้มโอจะเข้าใจว่าฉันเป็นผู้หญิงแบบนั้น