Episode 14
Talk ตาหวาน
“ฮึก...!” ร่างบางสะดุ้งเฮือกใหญ่ เราค่อยๆ ตั้งสติพร้อมกวาดสายตามองไปรอบๆ ที่ที่เราอยู่เป็นห้องห้องหนึ่งที่หรูหราอลังการ
การตกแต่งแม้จะดูธรรมดาแต่ราคาของเฟอร์นิเจอร์ไม่ธรรมดาเลย
ที่นี่ที่ไหนกัน
“อึบ!” เราค่อยๆ ลุกขึ้นนั่ง แต่นั่งไม่ทันไรก็ต้องรับยกมือจับหัวของตัวเองทันควัน “ปวดหัวจัง”
เมื่อมองดูเสื้อผ้าของตัวเองก็พบว่ามันไม่ใช่ชุดเดิมเมื่อตอนงานศพ แต่มันเป็นชุดนอนชุดหนึ่งซึ่งราคามันก็...แรงอยู่เหมือนกัน
ไม่รู้เลยว่าที่นี่ที่ไหน
อาจจะเป็นห้องห้องหนึ่งในเรือสำราญหรือไม่ก็อาจจะเป็นบ้านของใครสักคน
ร่างบางค่อยๆ ก้าวขาลงจากเตียงพร้อมเดินสำรวจไปรอบๆ ห้อง ก่อนที่จะเปิดประตูเดินออกมา จากที่เราสังเกตเราคิดว่าที่นี่น่าจะเป็นบ้านมากกว่าที่จะเป็นเรือ
เรา...ไม่ได้อยู่บนเรือแล้ว
แต่เราอยู่ที่ไหนกัน! ที่นี่เป็นบ้านของใคร!
“น่ากลัวที่สุด!” มือบางยกขึ้นนาบอกก่อนที่จะเดินออกมาเรื่อยๆ ไม่รู้ว่าเราโง่หรือว่าบ้านหลังนี้มันกว้างใหญ่ เราถึงได้เดินเข้าออกห้องเดิมซ้ำๆ
เราน่าจะโง่เองจริงๆ นั่นแหละ
“เราจะออกไปยังไงเนี่ย...ที่นี่ที่ไหนกัน” เราเดินไปจับกำแพงไปเพราะฤทธิ์ยาที่ยังไม่จางหายทำให้เราไม่ค่อยมีแรงสักเท่าไหร่ “อึก...ปวดหัวจัง”
พรึบ!
“อ๊ะ!” ร่างบางทรุดตัวลงเมื่อเดินต่อไปอีกไม่กี่ก้าวแต่ทว่า...กลับมีคนคนหนึ่งมารับตัวเราไว้ “ค...ใคร” เราเอ่ยถามแม้จะยังไม่ทันได้มองหน้าเขาก็ตาม
“จำกันไม่ได้เหรอ...สาวน้อย” ชายคนนั้นกระซิบข้างหูเบาๆ ก่อนที่เราจะค่อยๆ หันหน้าไปมองใบหน้าของเขา “ถ้าไม่มีแรงก็ควรจะพักผ่อนอยู่ที่ห้องสิ”
“ค...คุณซาน อึก!” เราทรุดตัวลงที่อ้อมกอดของเขาอีกครั้ง ยาที่ถูกฉีดเข้ามามันคงไม่ใช่ยาสลบธรรมดา ครั้งสุดท้ายคือเราอยู่บนเรือ แต่ตอนนี้เราอยู่ที่บ้านของคุณซาน
แสดงว่าเวลาตอนนั้นและตอนนี้มันจะต้องแตกต่างกันมาหลายชั่วโมง ถ้านานขนาดนั้นยานี่ก็น่าจะหมดฤทธิ์ไปแล้วสิ
“เธอนี่มันจริงๆ เลย” เขาส่ายหัวเบาๆ ก่อนที่จะอุ้มเรากลับห้องโดยท่าเจ้าสาว เขาพาเรากลับมายังห้องเดิมที่เราตื่นขึ้นมาพร้อมวางเราลงบนเตียงอย่างแผ่วเบา “ยานี่...ฤทธิ์มันคงจะแรงน่าดู”
“หนูสลบไปกี่ชั่วโมงกัน ภาพสุดท้ายคือหนูอยู่บนเรือสำราญนั่น”
“นี่เธอไม่รู้ตัวเลยหรือยังไงว่าเกิดอะไรบ้างบนเรือสำราญนั่น?” เขาเลิกคิ้วถามพร้อมปัดผมให้เราเล็กน้อย “เหตุการณ์มันชุลมุนมากเลยนะ” เราไม่ได้ตอบอะไรเพียงแต่ส่ายหัวไม่รู้เรื่องอะไรเลย
“ยานี่คงจะไม่ใช่ยานอนหลับธรรมดาสินะ”
“คุณหาหนูเจอได้ยังไงคะ?”
“ไม่มีอะไรที่คนอย่างฉันไม่รู้...เมื่อกลับอิตาลีแล้วมันจะไมมีใครทำอะไรฉันได้”
“ขอบคุณนะคะที่ช่วยหนู ไม่อย่างงั้นหนูก็คงจะป่นปี้ไปหมดแล้ว” ร่างบางกล่าวขอบคุณพร้อมยกมือไหว้ “พี่ตะวัน...ฮึก! เขาตายแล้วค่ะ”
“อืม...ฉันรู้แล้วล่ะ ไม่เป็นไรนะ” มือหนาพลางเอื้อมมาลูบแก้มร่างบางเบาๆ “เธอยังมีฉันอยู่”
“ล...แล้วคุณพาหนูมาได้ยังไง? การป้องกันบนเรือสำราญของวาเรนติโน่นแน่นหนามาก คุณจัดการกับเขายังไงกันคะ?”
“กับอีแค่ถล่มเรือสำราญผิดกฎหมายลำนึงทำไมฉันจะทำไม่ได้ หึ...ฉันจะไม่เข้าไปยุ่งกับธุรกิจมืดของพวกมันเลยถ้าผู้หญิงในนั้นไม่ใช่เธอ!” เขาแสยะยิ้มพร้อมดึงมือกลับไป “จากนี้เธอจะปลอดภัย”
“....”
“ยินดีต้อนรับสู่ประเทศอิตาลี”
“ขอบคุณอีกครั้งนะคะ”
“ไม่เป็นไร...ฉันบอกแล้วไงว่าฉันไม่เคยลืมบุญคุณของเธอ” เขาหยิบไปป์ขึ้นมาสูบพร้อมนั่งไขว่ห้าง ท่าทีของเขาดูขลังกว่าตอนที่อยู่ไทยกับเรามากเลยล่ะค่ะ
หรือเพราะว่าที่นี่...คือที่ของเขา
“ไว้เรี่ยวแรงเธอกลับมาเมื่อไหร่ ฉันจะพาเธอไปซื้อเสื้อผ้าใหม่ และไม่ต้องกังวลนะ ฉันให้แม่บ้านมาเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เธอ ฉันไม่ได้เปลี่ยนให้เองหรอก”
“ค...ค่ะ” สุภาพบุรุษจังเลย
“ฉันก็แค่...ถอดให้เฉยๆ น่ะ”
“ค...คุณนี่มัน! ไอ้บ้าเอ๊ย!” ใบหน้าหวานร้อนผ่าวทันที แต่คุณซานกลับยิ้มกริ่มไม่ได้มีท่าทีละอายใจอะไรเลย “คุณนี่มัน...เหลือเชื่อจริงๆ เลย! บ้า!”
เราพลิกตัวหันหลังให้เขาพร้อมก้มมองชุดนอนที่ใส่อยู่ นอกจากราคามันจะแพงแล้วมันยังเซ็กซี่ยั่วสวาทอีกด้วยล่ะค่ะ
แต่มันช่างไม่เข้ากับเราเอาเสียเลย!
“ผู้หญิงไทยนี่...ซ้อนรูปกันเก่งนะ”
“ไม่ต้องมาพูดเลยค่ะ สูบบุหรี่ของคุณไปเถอะ”
“หึหึหึ” เขาหัวเราะในลำคอก่อนที่จะเดินออกจากห้องไป
“ไอ้บ้าเอ๊ย!!! แง~”
นี่เป็นบทเรียนชีวิตครั้งที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้ หลังจากนี้ก็จำใส่ใจไว้เลยนะว่าอย่าเผลอหลับเมื่ออยู่กับเขาเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นจะพบจุดจบแบบนี้
กรี๊ดดดดดด!
พอกลับประเทศตัวเองแล้วกล้าขึ้นงั้นเหรอ!
ไอ้บ้าเอ๊ย!!!
Talk ซานติโน่
แกร๊ก!
ผมเดินออกมาจากห้องของร่างบาง และเดินทางกลับห้องทำงานของตัวเองทันที...อยู่ที่ไทยในตอนนั้นผมก็เหมือนหมาจนตรอกคนนึง...
แต่ตอนนี้...ผมไม่ใช่หมาจนตรอกอีกต่อไป
วาเรนติโน่...มึงต้องได้รับสิ่งที่มึงทำเอาไว้!
“พร้อมแล้วครับนาย” ลูคัสมือขวาของผมกล่าวพร้อมกับยื่นปืนกระบอกดำมาให้ผม ครั้งเมื่อไปคุยฃานที่ไทยผมไม่ได้ให้เขาไปด้วยเพราะต้องการให้เขาอยู่ดูแลที่นี่
“มันตัวไหน...ที่เป็นคนทำให้ผู้หญิงของกูต้องอ่อนแรงปางตายขนาดนั้น” ร่างสูงพ่นควันบุหรี่ออกมาพร้อมเอ่ยถามลูกน้องของวาเรนติโน่ที่ถูกคนของผมจับมาได้ “มึงใช่ไหม!!!”
“Fuck you!” ชายคนหนึ่งพูดพร้อมถุยน้ำลายลงพื้นต่อหน้าผม “ลงทุนระเบิดเรือสำราญเพื่อที่จะช่วยผู้หญิงเพียงคนเดียว แล้วปล่อยให้คนอื่นที่เหลือตาย! แกคิดว่าแกเป็นสุภาพบุรุษงั้นเหรอ!”
“ก็แล้วจะทำไม? ฉันไม่ได้สนใจอะไรผู้หญิงพวกนั้นอยู่แล้ว...ฉันสนใจแค่ผู้หญิงของฉัน คนที่ฉันต้องการช่วย ถ้าเขารอดคนอื่นๆ ฉันก็ไม่สนใจ!” ผมกล่าวพร้อมถีบหน้ามันไปหนึ่งที
ปึก!
“อึก....วาเรนติโน่ต้องฆ่าแกตายแน่! ต่อให้พวกฉันตายแต่ถ้าหากว่าวาเรนติโน่ยังมีชีวิตอยู่ยังไงแกก็ไม่มีทางรอดหรอก!” ลูกน้องของวาเรนติโน่อีกคนกล่าว
“หึ! ก็ให้มันมาซะนะ...อยากจะรวมกันมาสักกี่สิบตระกูลฉันก็ไม่ใส่ใจหรอก เพราะมันไม่มีทางที่จะชนะฉันได้!” ว่าจบผมก็เหนี่ยวไกปืนใส่พวกมันไปทีละคนทันที
ปั้ง!
ปั้ง!
ปั้ง!
ปั้ง!
ปั้ง!
ปั้ง!
“อึก...ผู้หญิงของแกจะรู้บ้างหรือเปล่า อึก! ว่าแกต่างหากที่เป็นตัวอันตรายที่สุด ไม่ใช่วาเรนติโน่ ฮึก!” ลูกน้องของวาเรนติโน่กล่าวก่อนที่จะหมดลมหายใจและตายไปในที่สุด
“นั่นแหละ...สิ่งที่ฉันกลัวที่สุด หึ!” ผมดึงไปป์ออกพร้อมถุยน้ำลายใส่ศพของพวกมันด้วยความสนใจ ก่อนที่จะหันไปสั่งลูกน้องของตัวเอง “เอาศพของพวกมันไปให้ฉลามกินซะ อย่าให้เหลือแม้แต่ซาก!”
ว่าจบผมก็เดินออกมาทันที