เพราะแค่เธอไม่สวยแบบที่เขาชอบ การปฏิบัติที่เธอได้รับจึงแย่มาก ไม่แม้แต่จะเกรงใจแม่เขาที่ฝากฝังเธอไว้ให้เขาดูแลเลยสักนิด
เมษายืนก้มหน้าเงียบฟังคำพูดถากถางวิจารณ์ของคนบนโซฟา ที่นั่งคุยกับเพื่อนของเขาด้วยเรื่องของเธอ
“คนนี้หรอที่มึงเล่าให้พวกกูฟัง” อินทัชมองหญิงสาวตรงหน้าตั้งแต่หัวจรดเท้า รู้สึกเห็นใจเพื่อนขึ้นมาไม่น้อยเลยสักนิดกับสิ่งที่เผชิญหน้าอยู่
“เออ! มึงดูแม่กูเอาตัวอะไรมาให้ ห้องดีๆ ของกูเหมือนห้องเดือนสองพันไปเลยแม่ง” น้ำเสียงที่บ่งบอกความเบื่อหน่ายและตีราคาทุกอย่างจากรูปร่างหน้าตาของเธอดังขึ้นฟ้องเพื่อน
“เป็นกูก็คงหลอนเหมือนกัน” พูดพร้อมกับทำท่าขนลุกขนชันเมื่อมองเธอ
“โนคอมเมนต์นะ” นักรบเลือกจะไม่พูดอะไร แต่สีหน้าก็แสดงออกว่าเขาเห็นด้วยอย่างชัดเจน
“แค่ให้รับมาเป็นแม่บ้านฟรีๆ กูยังไม่เอาเลย” พรูฟบ่นขึ้นอย่างหงุดหงิดอีกครั้ง “แต่นี่ให้กูดูแลและอยากได้เป็นสะใภ้!”
เคยเล่าให้เพื่อนฟังแล้วแต่พวกมันไม่เคยเห็นหน้า จิตนาการคำบรรยาของเขาไม่ดีพอ แต่วันนี้ที่พวกมันพากันมาหาดื่มเหล้าดูบอลห้องเขา บังเอิญได้เจอพอดี ทุกอย่างเลยเห็นภาพแบบไม่ต้องบรรยาเพิ่ม
“แม่มึงเกลียดอะไรมึงหรือเปล่าวะ” ถามออกมาทั้งขบขันและสงสารไปในตัว
“มึงอย่าพูดให้กูคิดตาม” ว่าออกมาอย่างกึ่งเล่นกึ่งจริงกับการกระทำของแม่ “อารมณ์เสียชิบ!”
แต่ใครอารมณ์ดีก็บ้าแล้ว หันไปมองหน้าทีแม่งหมดอารมณ์ ปวดท้องเข้าห้องน้ำยังหมดอารมณ์จะเข้าเลย
“ถ้าไม่รู้ว่ารุ่นน้องเราปีเดียว กูคิดว่าเป็นรุ่นน้ารุ่นป้าซะอีก” มองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า บอกเพื่อนออกไปพร้อมกับมุมปากที่เบะคว่ำดูเบื่อหน่ายสุดๆ
“มึงลองให้เงินเธอเข้าเข้าคลินิกสิ อาจจะดีขึ้นก็ได้” นักรบเสนออย่างหวังดี
“สภาพนี้ไปเข้าคลินิกไม่สงสารหมอหรอวะ” คนปากร้ายถามขึ้น “เหมือนเอาระเบิดไปทิ้งให้หมอ”
สภาพนี้คงยากจะกู่กลับได้ จะว่าดูถูกก็ไม่เถียง จะว่าเหยียดหยามก็ชัดเจนอยู่
แต่ถ้าเธอไม่อยู่ในที่ของเขาเขาก็ไม่ได้เที่ยวไปดูถูกเธอหรือใครไปทั่วหรอก โชคร้ายหรือความรั้นของเธอที่ดึงดันจะอยู่ที่ของเขาโดยที่เขาไม่ต้อนรับ ความหงุดหงิดอารมณ์เสียเลยถูกระบายออกมาในรูปแบบนี้แทนการทนอัดอั้นคนเดียว
“ตอนนี้ก็เหมือนกูกำระเบิดไว้ ไม่รู้จะตายห่าวันไหน” บ่นขึ้นโดยสายตาจับจ้องไปยังตัวต้นเหตุอย่างเสียอารมณ์
ไม่เพียงสายตาของเขาเท่านั้น เพื่อนเขาก็มองเธอด้วยเหมือนกัน มองเหมือนเจอตัวแปลกประหลาด มองเหมือนไม่เคยเห็นผู้หญิงที่ตกอยู่ในสภาพแบบเธอมาก่อน
“อยากได้กับแกล้มอะไรไหมคะ” เมษากลั้นใจถามขึ้นเพื่อจะทำให้พวกเขา หน้าตาไม่ดีแต่มารยาทและความสามารถมีคงลบล้างกันได้บ้าง ใช่ไหม
“ไม่เอา!” พรูฟรีบแย้งขึ้นแทบจะทันที “ใครจะไปกล้ากินของเธอ คนทำเหมือนถูกราหูอม เดี๋ยวถ่ายทอดความดำมืดมาถึงพวกฉันพอดี”
ปากคอเราะร้ายตอกย้ำออกมา เหมือนที่ไม่เคยแตะต้องอาหารของเธอเลยสักครั้งไม่ว่าเธอจะทำมันเกือบทุกวันแค่ไหนก็ตาม
“ถ้างั้นเมขอตัวก่อนนะคะ” เธอแค่ออกมาดื่มน้ำแล้วบังเอิญเจอพวกเขาเข้า กลายเป็นต้องยืนให้พวกเขาวิจารณ์เธออย่างสนุกปาก พอเห็นว่าอยู่ต่อก็ยิ่งทำให้พวกเขาเสียอารมณ์เธอจึงเลือกจะหนีหน้าดีกว่า
“ควรไปตั้งนานแล้ว น้ำก็หยิบไปหลายๆ ขวด ให้ดีเอาของกินเข้าไปพร้อมด้วย” พรูฟพูดขึ้น แต่อย่าคิดว่าเขาเป็นห่วงเธอนะ “ขืนออกมาอีกพวกฉันได้สำลักเบียร์กันพอดี”
ปากร้ายไม่เคยลด ปากเสียไม่เคยพัก แต่เพราะเขามองหน้าเธอทีไรก็ชวนหงุดหงิดทุกครั้ง
“......” และคนถูกว่าอย่างเธอก็ได้แต่น้อยใจ ช้อนสายตามองคนพูดอย่างตัดพ้อ ถือขวดน้ำกลับห้องนอนของตัวเองไปอย่างไม่ได้ตอบโต้อะไรพวกเขาสักอย่าง
แต่คำวิจารณ์ก็ยังดังตามหลังเธอมาไม่หยุด
“มึงต้องอยู่กับผู้หญิงแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหนวะ”
“ไม่รู้เว้ย พูดดีก็แล้ว ปากหมาก็แล้ว ไม่รู้ทำไมหน้าทนได้ขนาดนี้”
“เคยออกมาเจอกันดึกๆ มืดๆ ไหม แบบนั้นไม่ตกใจตายหรอ”
“ยังไม่เคย ถ้าเคยกูคงยั้งไม่อยู่ได้ตกใจจนถีบเธอคว่ำแน่”
แล้วทุกอย่างก็เงียบไปหลังจากเธอปิดประตูห้อง เงยหน้าถอนหายใจพยายามระงับอารมณ์และความรู้สึกของตัวเองอย่างถึงที่สุด
แต่ใครจะชอบโดนดูถูก ใครจะชอบถูกมองเหมือนตัวตลกไร้ค่า
พี่ชายใจดีของเธอเปลี่ยนไปเพราะแค่รูปร่างหน้าตา พี่ชายแสนดีของเธอเปลี่ยนไปเพราะแค่วันเวลาที่ห่างเหินกัน
“ช่างเถอะ พึ่งเริ่มเองนี่” บอกตัวเองเสร็จก็ทิ้งตัวบนเตียงนอน เล่นโทรศัพท์แก้เบื่อเพื่อไม่ให้สนใจคนข้างนอกและเรื่องที่ได้ยินก่อนหน้า