Chapter 6 นั่นแหละประเด็น

1251 คำ
พอชายหนุ่มเห็นพี่สาวมีสีหน้าจริงจัง เขาก็ไม่กล้าที่จะเล่นต่อแล้ว โอบเอวพี่สาวถามอย่างเอาใจ เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาเหลือพี่สาวเพียงคนเดียวเท่านั้น และเธอก็ดูแลเขามาอย่างดีไม่ต่างจากแม่อีกคนของเขาเลย “แล้วที่เรียกตัวกลับด่วนขนาดนี้ มีเรื่องอะไรหรือครับ… คุณนายภูริชญา คอร์แนล” “พี่เพิ่งจะซื้อกิจการร้านสกายมูนที่อยู่บนตึกของคุณมาคัส แต่คุณมาคัสไม่ยอมให้พี่ทำ” “ถ้าให้กลับมาเพราะเรื่องแค่นี้ โทรศัพท์ไปแล้วก็จบแล้ว ไม่เห็นจำเป็นต้องให้ผมกลับมาเลย” ชายหนุ่มบ่นอุบเมื่อได้ยินเหตุผลของพี่สาว “แกก็รู้ดีว่าการทำร้านอาหารเป็นความฝันของพี่” คนเป็นพี่ตอบกลับด้วยน้ำเสียงราบเรียบรักษาระดับน้ำเสียงไว้เท่าเดิม อาการนิ่งของเธอทำให้ภูริชมองไม่ออก ภูริชพยักหน้าเข้าใจ เห็นแก้วน้ำของพี่สาววางอยู่เขาก็ถือวิสาสะยกขึ้นดื่ม แดดร้อนเหงื่อท่วมทั้งอากาศอ้าวของเมืองไทย น้ำเย็นๆ ในแก้วคงจะพอทุเลาความร้อนลงได้บ้าง หลังจากดื่มไปครึ่งแก้วเขาก็ถามต่อ ในขณะที่ยังจิบน้ำไปเรื่อยๆ “แล้วไง?...” ภูริชญาหันมามองหน้าน้องชายนิ่ง ริมฝีปากของเธอไม่ได้หลุดประโยคใดๆ ออกมานับนาที คนร้อนใจกลับเป็นคนที่ต้องการยั่วประสาท “มันเกี่ยวกับการเรียกตัวผมกลับมาแบบด่วนจี๋แบบนี้… ตรงไหน! ไม่ทราบคร้าบคุณนายคอร์แนล เพราะเท่าที่ฟังมายังไม่เห็นความเกี่ยวข้องกันสักนิด” “นั่นแหละประเด็น พี่จะให้แกมาช่วยดูแลกิจการร้านสกายมูนแทนพี่” “แค็กๆ” ภูริชสำลักน้ำที่พึ่งดื่มเข้าไปอีกครั้ง “หา! อะไรนะ” ชายหนุ่มถามย้ำอีกครั้งจ้องหน้าพี่สาวนิ่ง แต่เธอก็พยักหน้านิ่งๆ เหมือนกับตอกย้ำกับสิ่งที่พูดออกมาเมื่อครู่ ว่าเธอได้ไตร่ตรองมันดีแล้ว ชายหนุ่มสูดหายใจเข้าปอด ตั้งสติจับหัวไหล่สองข้างของพี่สาวถามย้ำความแน่ใจอีกครั้งว่าที่เขาได้ยินเมื่อครู่ ไม่ได้มีอะไรผิดพลาด “คุณนายคอร์แนลที่รัก คุณนายลืมไปแล้วหรืออย่างไร… ว่ากระผม นายภูริช ปดิพัตร เรียนจบวิศวการบินและยานอวกาศจากมหาวิทยาลัยมีชื่อเสียงที่สุดของอเมริกา คุณนายจะให้ผมไปดูแลร้านอาหารเนี่ยนะ… จะตลกมากไปหรือเปล่า ให้ตายสิ! คิดอะไรแต่ละอย่าง” ชายหนุ่มเอนตัวพิงพนักโซฟาบอกออกอย่างเหนื่อยหน่าย ความรู้สึกของเขาตอนนี้ไม่ได้แตกต่างกับ คนแพ้ปูอย่างเขา ถูกบังคับให้กินเนื้อปูให้หมดจานยังไงยังงั้น พี่สาวจะฆ่าเขาให้ตายเลยหรืออย่างไรกัน “พี่คิดดีแล้วถึงได้เรียกตัวแกกลับมา” คนเป็นพี่บอกอย่างใจเย็น เธอไม่สะทกสะท้านกับอาการของน้องชายแม้แต่นิด เพราะเตรียมแผนรับมือเอาไว้อย่างรอบคอบทุกด้าน “แล้วกิจการของพี่ทั้งปีจะสู้เงินเดือนที่ผมได้รับหรือเปล่า” ชายหนุ่มยกข้ออ้างที่คิดว่าพี่สาวจะปฏิเสธไม่ลง “พี่จ่ายให้แกสองเท่าของเงินเดือนเดิม แค่นี้คงพอนะ” “โอเค โอเค ผมรู้ว่าคุณนายคอร์แนลมีสามีรวยระดับมหาเศรษฐี เงินแค่นี้คงไม่สะทกสะเทือนขนหน้าแข้ง แต่ผมไม่เห็นความจำเป็นสักนิดที่จะต้องให้ผมกลับมา พี่จะจ้างนักบริหารเก่งแค่ไหนก็ได้” “แล้วถ้าแกไม่ช่วยพี่… แล้วพี่จะทำอย่างไรละ แกก็รู้ว่าพี่เรื่องมากไม่ไว้ใจใคร” พี่สาวถามกลับสีหน้าเรียบเฉยเหมือนเดิม เธอไม่หลุดอาการให้น้องชายจับอาการได้ ภูริชญาเป็นคนฉลาดและรอบคอบ เธอจะจัดการเรื่องราวทุกอย่างให้เป็นเรื่องง่ายเสมอ นั่นทำให้ภูริชไม่เชื่อว่าแค่เรื่องร้านเล็กน้อยแบบนั้นพี่สาวของเขาจะจัดการไม่ได้ เธอต้องมีเหตุผลบางอย่างซุกซ่อนอยู่แน่นอน แม้ตอนนี้เขายังไม่รู้เหตุผลนั้น แต่เขาต้องรู้ให้ได้ ชายหนุ่มพยายามตั้งสติและปรับอารมณ์ให้เย็นลง “เรื่องแค่นี้พี่ควรคิดออกตั้งแต่วินาทีแรกแล้วนะ ก็แค่! ไปคุยกับพี่มาคัสให้เข้าใจว่ามันเป็นความฝันของพี่ เขารักพี่มากยังไงเขาก็ต้องยอมอยู่วันยันค่ำแหละน่า ซื้อร้านมาได้ เรื่องแค่นี้ทำเป็นคิดไม่ได้ ทีเรื่องอื่นวางแผนได้เป็นฉากๆ ” ชายหนุ่มพูดกลับอย่างใจเย็น ภูริชญาทำให้เขานึกถึงใบหน้าของเพลินวาน จอมบงการและไม่นึกถึงจิตใจใคร ผู้หญิงทั้งโลกคงเป็นแบบนี้สินะ เป็นซะอย่างนี้… โลกถึงได้น่าเบื่อขึ้นทุกวัน “เขาไม่ยอมหรอก...” คนเป็นพี่ตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงเหมือนเดิม ภูริชยิ่งสงสัยมากขึ้นกว่าเดิม คนอย่างภูริชญา คอร์แนลที่เขารู้จักไม่เคยยอมแพ้อะไรง่ายๆ สักครั้ง ยิ่งเห็นอาการสงบเรียบนิ่งแบบนี้เธอจะต้องมีแผนอะไรสักอย่างแน่นอน “ถ้าพี่มาคัสไม่ยอม! ก็มีทางเลือกอีกทาง พี่ก็แค่ขายไป ง่ายนิดเดียวเอง” ชายหนุ่มตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบโดยไม่ใส่ใจความเดือดร้อนของพี่สาว พูดจบก็หยิบกระเป๋ากล้องที่ติดตัวมา ลากกระเป๋าใบเขื่องที่วางไว้ก้าวขึ้นไปพักผ่อนทันที ไม่ได้ยี่หระกับความตึงเครียดและรอยตีนกาที่เกาะกุมบนใบหน้าพี่สาวที่อายุห่างจากเขานับสิบปี ภูริชญาร้องตามแผ่นหลังน้องชาย “ไม่ได้นะ! ยังไงแกก็ต้องช่วยพี่” ชายหนุ่มหันหลังกลับมามองหน้าพี่สาวอีกครั้ง ก่อนที่จะถามกลับเสียงเรียบ “ขอเหตุผล” “พี่ท้อง!” “ท้อง!” ชายหนุ่มทวนเสียงตกใจ ไม่ค่อยเชื่อหูตัวเองมากนัก เพราะรู้ดีว่าพี่สาวพยายามกับเรื่องนี้มานานนับสิบปี “เห็นแบบนี้แล้วแกยังจะใจดำไม่ช่วยพี่อยู่หรือเปล่า แกก็รู้… ว่าผู้หญิงวัยอย่างพี่ ถ้าท้องมันมีความเสี่ยงแค่ไหน แล้วแกก็คงไม่ลืมเหมือนกัน… ว่าบ้านเรารอคอยเด็กคนนี้มานานเหมือนกัน” พี่สาวบอกทั้งน้ำตา ที่ไม่บ่อยที่ใครจะได้เห็นมันแม้แต่น้องชาย ชายหนุ่มถอนหายใจวางกระเป๋าในมือ เดินกลับมาย่อตัวลงนั่งข้างๆ พี่สาวอีกครั้ง บอกเสียงทุ้มต่ำด้วยใบหน้าเรียบเฉยเหมือนเดิม “อันนั้นก็เหตุผลหนึ่ง แต่มันก็ไม่เกี่ยวกับเรื่องร้าน” “มันก็อยู่ในความหมายเดียวกันนั่นแหละ ถ้าแกห่วงพี่ห่วงหลาน” “แต่ผมก็ทำไม่ได้หรอก พี่ก็รู้ว่าสิบกว่าปีที่ผ่านมาของผม... วันๆ ก็อยู่กับเครื่องบิน เขียนแบบ ประกอบเครื่องบิน แล้วจะให้มาดูแลร้านอาหาร ทำอาหาร ดูแลคนจุกจิกหยุมหยิม เรื่องมาก แล้วผมก็ไม่ชอบความวุ่นวาย” “พี่เชื่อว่าแกทำได้ พี่ให้แกไปบริหารร้านอาหาร พี่ไม่ได้ให้แกไปเป็นเชฟสักหน่อย แล้วอีกอย่าง… ที่ร้านก็มีระบบของมันอยู่แล้ว แค่เราไปปรับปรุงนิดหน่อยให้บริหารงานง่ายขึ้นเท่านั้นเอง” “ถ้ามันง่ายขนาดนั้นพี่ก็น่าจะทำได้นะ” ชายหนุ่มย้อนกลับทันที
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม