Chapter 7 เกลียดยังไง มักได้อย่างนั้นนะ

1416 คำ
“ถ้าฉันทำได้เอง ฉันจะไม่มีวันมานั่งอ้อนวอนและขอร้องแกเด็ดขาด” อีกคนตอบกลับด้วยน้ำเสียงเครียดขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย เห็นอย่างนั้นน้ำเสียงของชายหนุ่มก็อ่อนลง “แล้วสิ่งที่ผมเรียนมานับสิบปีและงานที่ผมรักละครับ พี่มีความฝัน… แต่พี่ก็อย่าลืมว่าผมก็มีฝันของผมเหมือนกัน แล้วผมก็ต้องไปรายงานตัวทำงานแล้ว” “เพิ่งกลับมาวันนี้ แกไปทำงานที่ไหน” “ผมยื่นใบสมัครงานไว้ที่โรงเรียนการบินในตำแหน่งอาจารย์ เพราะผมแค่กลับมาตามความต้องการของพี่ก็คิดว่ามันมากพอ พี่ต้องจัดการปัญหาของพี่เอง ผมไม่มีทางทำตามอย่างที่พี่ต้องการเด็ดขาด” ชายหนุ่มพยายามอธิบายความจริงให้พี่สาวฟัง แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำให้ภูริชยาจะยอมรับอย่างง่ายดาย เพราะวิชาปั้นหน้าเศร้าของเธอใช้ได้ผลดีกับสองหนุ่มในบ้านเสมอ “พี่ให้เวลากับความฝันของแกมานาน แล้วแกยังมีเวลาอีกตั้งเท่าไร พี่แค่ขอเวลาแค่ปีเดียวหรืออย่างมากก็สองปี หลังจากที่พี่คลอด พี่จะเข้าไปดูเอง ตกลงหรือเปล่า” ในที่สุดชายหนุ่มก็ยอมอีกตามเคย “ก็ได้!” “แกรับปากพี่แล้วนะ” คนเป็นพี่สาวรีบถาม “ผมเคยขัดพี่ได้สักครั้งหรือเปล่าล่ะ ผมยอมช่วยแต่มีข้อแม้ว่า… พี่ต้องให้ผมบริหารงานในแบบของผม ห้ามเข้าไปก้าวก่าย และห้ามไม่ให้ผมกลับไปทำงาน” ภูริชญาหลบหน้าแอบยิ้มพอใจ ลูกผู้ชายไม่ว่ารายไหนก็รายนั้น แพ้น้ำตาผู้หญิงทุกรายไป “แกอย่าบอกนะ… ว่าแกจะไปทำงานด้วย” “มันเป็นความฝันของผมเหมือนกัน” “ตกลง” “คุณนายคอร์แนลบัญชาการเสร็จหรือยัง พรุ่งนี้ผมต้องไปรายงานตัวทำงาน จะขึ้นไปพักได้หรือยัง” ชายหนุ่มถามต่อ “ไปเถอะ” ภูริชญาโบกมือส่งสัญญาณให้น้องชายไปได้ แต่พอชายหนุ่มหันหลังออกไปอีกครั้ง ก็ได้ยินคำว่าเดี๋ยวก่อนออกจากปากพี่สาวขึ้นมาเสียก่อน “อ้อ! เดี๋ยวก่อน” ชายหนุ่มก็ชักสีหน้าไม่พอใจหันกลับมาหันกลับมาหาต้นเสียงอีกครั้ง เขาถามกลับไปด้วยน้ำเสียงที่ไม่แตกต่างจากสีหน้ามากนัก “ตกลงจะเอาไงกันแน่ เดี๋ยวให้ไป เดี๋ยวให้อยู่ นี่มันอารมณ์วัยทองหรือคนท้องกันแน่ ผมชักไม่ค่อยแน่ใจแล้ว” “ปากแกก็ยังเน่าเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลยนะ เพราะอย่างนี้ถึงหาแฟนกับเขาไม่ได้เสียที ผู้หญิงทั้งไทยและเทศคงระอาตามๆ กัน” ภูริชญาบ่นต่อจนลืมเรื่องที่ตัวเองเรียกน้องชายเอาไว้ “ผู้หญิงโชคดีคนนั้นยังไม่เกิดต่างหากละ แต่ถ้าผู้หญิงเป็นแบบพี่ทุกคน ผมขออยู่คนเดียวไปตลอดชีวิตดีกว่า วันนี้ก็เพิ่งเจอมาคนหนึ่ง ผู้หญิงอะไรก็ไม่รู้ จอมบงการ จู้จี้ ขี้บ่น พูดมาก เอาแต่ใจ ขี้โวยวาย เผด็จการ น่าเบื่อที่สุด” “แกแน่ใจนะว่าไม่ได้พูดถึงฉันอยู่...” ชายหนุ่มยิ้มโชว์ฟันขาวยั่วพี่สาว “อ้าว! เหมือนพี่หรือ อืม… ถ้าเหมือนก็รับไปก็แล้วกัน มีอะไรก็ค่อยว่ากันทีหลังก็แล้วกัน ไปนอนล่ะ เหนื่อย เจทแล็ค” เขาบอกพร้อมกับหันหลังเดินออกไป ภูริชญาตะโกนตามหลังไป “ฉันแค่จะบอกแกว่า… เกลียดยังไงมักจะได้อย่างนั้นนะ วันนี้มีงานเลี้ยงต้อนรับเชฟคนใหม่ของพี่ เธอเพิ่งกลับมาจากฝรั่งเศส แกกลับมาวันนี้ก็ดี พี่จะได้ถือโอกาสแนะนำให้รู้จักกันไปเลย” ชายหนุ่มหันกลับมาอีกครั้ง “เห็นไหม! ผิดจากที่พูดที่ไหน เมื่อกี้ก็เพิ่งรับคำไปหยกๆ ว่าห้ามก้าวก่ายเรื่องการบริหาร แล้วก็ไม่ต้องมาเผด็จการจัดการเรื่องโน้นเรื่องนี้เลย ผมจะจัดการเองทุกอย่างด้วยวิธีของผม” “แต่...” “ถ้าไม่ตกลง เรื่องที่พูดมาทั้งหมดเมื่อกี้เป็นโมฆะ และผมก็จะบินกลับอเมริกาต้นเดือนหน้า เข้าใจ๋! คุณนายคอร์แนล” ภูริชขู่ ภูริชญาได้แต่ส่ายหน้ามองร่างสูงที่เดินขึ้นบันไดหายลับไปอย่างเหนื่อยอ่อน เธอถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ถึงแม้เธอจะบังคับเขาได้ทุกครั้ง แต่คนอย่างเขาก็ต้องการเหตุผลที่เพียงพอเสมอ ไม่อย่างนั้นก็ไม่มีสักทางที่เขาจะยอมทำตามอย่างง่ายดาย นึกไปถึงแผนจับคู่ให้น้องชาย เห็นทีว่างานนี้คงจะไม่ง่าย ณ ผับหรูแห่งหนึ่งในย่านบันเทิงกลางกรุง เสียงเพลงดังกระหึ่มก้องผับ สถานที่แห่งนี้เป็นที่รวมตัวของเหล่านักธุรกิจชื่อดังรวมไปถึงเหล่าดารา นางแบบ เพราะที่นี่ความปลอดภัยดีเยี่ยม นักท่องราตรีชายหญิงต่างทยอยกันเข้าใช้บริการกันอย่างต่อเนื่อง ยิ่งดึกสมาชิกก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเป็นเท่าตัวจากตอนหัวค่ำ ทำให้เวลานี้สถานบันเทิงแห่งนี้ยามค่ำคืนมีชีวิตชีวาและมีสีสันมากขึ้น ภูริชนัดกับนวินเพื่อนรัก นวินเป็นเพื่อนเพียงหนึ่งเดียวในเมืองไทยของเขาที่มี ทั้งสองเรียนจบด้านวิศวกรรมการบินมาด้วยกัน เป็นการเจอกันครั้งแรกที่เมืองไทย และเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีหลังจากที่เรียนจบและต่างคนต่างแยกย้ายไปทำงานในสายงานที่ตัวเองชอบ ไม่บ่อยมากนักที่จะได้เจอกันในช่วงจังหวะของคนที่อยู่คนละประเทศ งานเลี้ยงต้อนรับการกลับมาของเพลินวาน เพื่อนทุกคนก็ลงความเห็นกันว่าต้องมาต่อที่นี่ โดยมีปลัดเพลิง ผู้ชายทั้งแท่งเพียงคนเดียวที่ตามมาด้วย คงไม่ปลอดภัยนักถ้าสามสาวจะมาเพียงลำพัง และตอนนี้ทั้งหมดกำลังเข้าขั้นสนุกสุดขีดจนฉุดไม่อยู่ ป่านฝันนั่งหันหลังให้กับโต๊ะของสองหนุ่ม ทั้งเธอและนวินเลยมองไม่เห็นกัน ค่ำคืนของวันสิ้นเดือนอย่างนี้กับพื้นที่ที่มีอย่างจำกัด จึงดูเหมือนว่านักท่องราตรีของค่ำคืนนี้ค่อนข้างแออัด นวินเป็นกัปตันให้กับสายการบินหนึ่งที่มีชื่อเสียงระดับแนวหน้าของโลก ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในโซนยุโรปมากกว่าเมืองไทย ส่วนภูริชรักการออกแบบและงานโครงสร้างมากกว่า เขาจึงเลือกที่จะทำงานกับบริษัทออกแบบและผลิตเครื่องบินขนาดใหญ่ของโลก หลังจากที่เรียนจบปริญญาเอก และทำต่อเนื่องเรื่อยมาจนถึงทุกวันนี้ “ว่าไงไอ้เสือ หลุดจากแม่สาวโบอิ้งออกมาได้แล้วหรือ ฉันนึกว่าจะไม่มีใครแซะนายออกจากโบอิ้งที่นายรักได้เสียอีก นึกยังไงถึงย้ายกลับมาอยู่เมืองไทย” เพื่อนคนที่เดินเข้ามาใหม่ตบไหล่ทักอย่างแปลกใจ “เออดิ… พี่สาวจอมบงการสั่งให้กลับมาช่วยดูแลร้านอาหาร พี่สาวฉันคิดอะไรแต่ละอย่าง… เหนื่อยใจ เราไม่เจอกันตั้งนานเหมือนกันนะเนี่ย ป่านสบายดีนะ” ภูริชบอกอย่างเหนื่อยหน่าย เขารู้จักกับป่านฝันตอนเธอไปเรียนต่อปริญญาโทที่อเมริกา “พักนี้ไม่ค่อยได้เจอกันเลยวะ ฉันก็ไม่ค่อยได้บินมาแถบเอเชียเท่าไร นี่ก็เพิ่งจะกลับมาได้สองวันเอง นายก็ติดต่อมานี่แหละ ไม่คิดมาก่อนว่าได้จะเจอนายที่เมืองไทย” “ฉันก็นึกว่านายแต่งงานไปแล้วเสียอีก เห็นคบกันมานานมากแล้ว” “เรื่องนั้นแกก็รู้… ว่าคุณหญิงแม่ของฉันคงไม่ยอมง่ายๆ หรอก ในเมื่อท่านมีหม่อมหลวงการะเกดที่ท่านเลือกไว้ให้ฉันอยู่แล้วทั้งคน ทุกวันนี้ฉันก็ได้แต่คอยหลบเลี่ยงไป ฉันถึงไม่ค่อยอยากกลับเมืองไทย” นวินพูดถึงคู่หมายสาวที่เป็นถึงหม่อมหลวงตระกูลเก่าแก่ หญิงสาวที่คุณหญิงแม่หาไว้ให้อย่างทอดอาลัย เหมือนปัญหาโลกแตกบานปลายที่หาทางออกไม่เจอ “ไม่ต้องคิดมากน่า แกจะดื่มอะไร สั่งเต็มที่ วันนี้ฉันเลี้ยงเอง” ภูริชตบบ่าเพื่อนเบาๆ ก่อนที่จะยกแก้วก้านทรงเตี้ยบรรจุน้ำสีอำพันมีดีกรีที่เขาสั่งมาก่อนหน้าขึ้นดื่ม
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม