19.48 น.
รองเท้าผ้าใบก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่รีบร้อนเท่าไหร่วันนี้สุพัตราได้นัดพบเจอกับแดเนียลเป็นครั้งสุดท้ายแล้วพรุ่งนี้ตอนบ่ายสุพัตราก็ต้องกลับเมืองไทยแล้วจึงกะว่าจะมาลาแดเนียลเสียหน่อย
ร่างบางเดินผ่านตอกซอยแคบๆหลายซอยจนมาถึงซอยหนึ่งเท้าบางในรองเท้าผ้าใบกำลังจะก้าวไปข้างหน้าก็ได้ยินเสียงเหมือนคนโดนทำร้ายมาจากซอยที่สุพัตราเพิ่งจะเดินผ่านมาเมื่อกี้
“เสียงอะไร?”
ด้วยความอยากรู้ว่ามันคือเสียงคนโดนทำร้ายอย่างที่สุพัตราคิดหรือเปล่าเธอจึงเดินกลับไปแต่พอขาเรียวกำลังจะก้าวเข้าไปสุพัตราก็เกิดอาการลังเลหัวใจเต้นแรงเหมือนจะออกมานอกอกให้ยิ่งสุพัตราเดินเข้ามาลึกเท่าไหร่เสียงมันก็ยิ่งดังขึ้นเหมือนอยู่แค่ข้างหน้าเธอแค่นี้เอง
สุพัตรายกข้อมือบางขึ้นมาเพื่อดูนาฬิกาว่าถึงเวลานัดหรือยังพอเห็นว่าใกล้จะถึงเวลานัดแล้วร่างบางจึงตัดสินใจหันกลับไปทางเดินที่เธอเพิ่งเดินเข้ามา
แต่ก้าวไปได้ไม่ถึงสองก้าวก็เป็นอันต้องหยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงของใครคนหนึ่งที่คุ้นหูมากเหมือนใครอีกคนที่เธอกำลังจะไปหาเขาตานัด
ร่างบางจึงค่อยๆหันไปทางที่เพิ่งเดินหนีมาเมื่อกี้อีกครั้งเท้าบางก้าวไปข้างหน้าอย่างช้าๆด้วยหัวใจเต้นแรงเร็วตามอาการตื่นเต้นที่สุพัตราก็ไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง
“อย่าทำอะไรผมเลย ผมกลัวแล้ว” เสียงของผู้ชายคนหนึ่งเอ่ยขอชีวิตเสียงสั่นเครือ
ใบหน้าหวานค่อยๆเยี่ยมหน้าออกไปช้าๆก็เห็นร่างของผู้ชายคนหนึ่งนอนอยู่บนพื้นโดยมีผู้ชายใส่ชุดดำยืนล้อมผู้ชายคนนั้นเอาไว้สี่ห้าคน มีผู้ชายคนหนึ่งใส่สูทดูดียืนอยู่ท่ามกลางวงล้อมของชายชุดดำแต่เธอไม่เห็นหน้าผู้ชายคนนั้นยืนหันหลังให้เธอ
“ถ้าฉันปล่อยแกไป แกก็จะกลับมาเล่นงานฉัน เพราะฉะนั้นแกควรจะตายซะตั้งวันนี้จะดีกว่า” เสียงเข้มเอ่ยขึ้นเสียงดุดันก่อนที่จะยกมัจจุราชสีเงินวาววับขึ้นมาหยุดอยู่ตรงหน้าผู้เคราะห์ร้ายรายนั้น
ปังๆๆ
สิ้นเสียงปืนที่อยู่ในมือชายหนุ่มร่างตรงหน้าก็แน่นิ่งไม่เลื่อนไหวร่างกายส่วนใดอีก เมื่อร่างผู้เคราะห์ร้ายนั้นเหลือแต่วิญญาณชายกลุ่มดำที่ยืนล้อมก่อนหน้านี้ก็ช่วยกันจัดการเก็บหลักฐานที่ ‘นายใหญ่’ ได้ทำไว้ขึ้นมาแล้วเอาไปขึ้นรถตู้สีดำที่จอดอยู่ใกล้กับที่เกิดเหตุ
มือหนาเก็บอาวุธคู่ใจแนบไว้ข้างหลังก่อนที่ใบหน้าหล่อเหลาจะหันกลับมาสำรวจบริเวณโดยรอบว่าไม่มีใครมาเห็นแน่ใช่ไหม
สุพัตราที่ยืนตัวสั่นเอามือปิดปากตัวเองไว้แน่นหลบวูบเมื่อเห็นผู้ชายคนนั้นหันกลับมามองบริเวณทางฝั่งที่เธอยืน
“ฮึก ฮึก ฮือ อือ...” สุพัตราพยายามกลั้นเสียงสะอื้นสุดความสามารถ เมื่อแน่ใจแล้วว่าผู้ชายคนนั้นหันกลับไปแล้วใบหน้าหวานจึงหันกลับไปทางเดิมก็เห็นร่างหนากำลังจะเดินตามชายชุดดำขึ้นไปบนรถ
เท้าบางจึงค่อยๆถอยหลังไปเรื่อยๆ จึงไม่เห็นท่อนไม้ขนาดกลางที่อยู่ด้านหลังสุพัตราสะดุดหงายหลังล้มลงพื้นเต็มแรงจนเผลออุทานด้วยความเจ็บเสียงดังด้วยความลืม
“โอ๊ย!”
ร่างหนาที่กำลังจะก้าวขึ้นรถตามลูกน้องไปหยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงร้องอุทานของใครมาจากทางด้านหลังใบหน้าหล่อเหลาหันกลับมาทางด้านหลังพร้อมกับจับอาวุธคู่ใจที่เพิ่งเก็บไว้ด้านหลังออกมาเพื่อต้องใช้ในสถานการณ์จำเป็น
สุพัตราเอามือปิดปากตัวเองทันทีที่เผลอร้องเสียงดังออกไปให้คนพวกนั้นได้ยินร่างบางจึงรีบลุกจากพื้นที่ล้มลงไปเมื่อกี๊ทันทีแล้วหันหลังวิ่งออกไปจากตรงนั้นทันทีแต่วิ่งไปได้ไม่ไกลจากตรงเดิมมากนักก็ต้องสะดุดล้มลงไปอีกครั้ง
“โอ๊ย” ริมฝีปากบางอุทานออกมาอีกครั้งด้วยความเจ็บ
ร่างบางของสุพัตราพยายามลุกขึ้นอีกครั้งจนสำเร็จในที่สุดแต่หญิงสาวก็ต้องตัวแข็งทื่อเมื่อได้ยินเสียงเข้มมาจากด้านหลัง
“หยุดอยู่ตรงนั้น แล้วค่อยๆหันกลับมาทางนี้ช้าๆ” ชายหนุ่มบอกร่างบางที่ยืนหันหลังให้เขาอยู่ด้านหน้า
สุพัตรายกมือขึ้นปิดปากกลั้นเสียงสะอื้นเอาไว้ด้วยความกลัวแต่ก็ไม่ยอมหันไปตามคำสั่งของชายหนุ่มได้แต่ยืนนิ่งไม่ยอมขยับไปไหน
จนชายหนุ่มที่ยืนอยู่ด้านหลังสุพัตราหงุดหงิด จนต้องสั่งซ้ำอีกรอบและเพิ่มระดับเสียงให้ดังขึ้นไปอีกจนร่างบางถึงกับสะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจ
“ฉันบอกให้หันกลับมาหาฉันไม่ได้ยินหรือไง!”
เมื่อเห็นแน่ชัดแล้วว่าร่างบางตรงหน้าไม่ยอมขยับตามคำสั่งของเขาเลยแม้แต่น้อยชายหนุ่มเก็บอาวุธที่เอาออกมาเก็บไว้ด้านหลังดังเดิมแล้วก้าวเท้ายาวๆไปหาร่างบางที่ยืนตัวสั่นอยู่ข้างหน้ามือหนาจับไหล่บางให้หันกลับมาเผชิญหน้ากับตน
“คุ คุณแดน” สุพัตราตาโตทันทีที่เห็นว่าใครก่อนจะพูดออกมาเสียงเบาหวิวราวกับกระซิบ ส่วนทางด้านแดเนียลก็ตกใจไม่แพ้กันที่เห็นสุพัตราที่นี้
เขานัดเจอเธอที่อาหารไม่ใช่หรอแล้วเธอมาอยู่ที่นี้ได้ยังไงแล้วที่สำคัญไปกว่านั้นเธอเห็นเขายิ่งคน
“ใหม่คุณมาอยู่ที่นี้ได้ยังไง” แดเนียลเอ่ยถามหญิงสาวตามที่ใจคิดออกไป
“ปะ ปล่อยนะ ใหม่ควรจะถามคุณมากกว่านะคะว่าคุณแดนมาอยู่นี้ได้ยังไง”
สุพัตราไม่ตอบคำถามที่ชายหนุ่มถามแต่กลับย้อนถามชายหนุ่มเสียงสั่นเครือ
สุพัตราพยายามแกะมือหนาที่เลื่อนมาจับแขนทั้งสองข้างของเธอด้วยความเกลียดและกลัว ใช่ เธอเกลียดเขาที่ไม่ยอมบอกเธอว่าเขาเป็นใคร
และเธอก็กลัวสิ่งที่เขาเป็นมากที่สุดในตอนนี้มันทำให้เธอนึกถึงใครบางคนที่เขาก็เป็นแบบเดียวกับที่ผู้ชายคนนี้เป็นอยู่เหมือนกัน ทั้งๆที่เธอก็เคยเล่าให้เขาฟังแล้วว่าเธอเกลียดอะไรแต่ไม่นึกเลยว่าสิ่งที่เธอเกลียดมันกับมาอยู่ที่ผู้ชายคนนี้หมด
“ใหม่บอกให้คุณปล่อยใหม่ไง ไม่ได้ยินหรอ” สุพัตราตะคอกใส่ชายหนุ่มเสียงดัง
“ได้ยิน แต่ไม่ปล่อยคุณจะทำไม!”
แดเนียลจ้องใบหน้าหวานก่อนจะขึ้นเสียงใส่ร่างบางอย่างไม่ยอมแพ้เช่นกันจากที่ตอนแรกชายหนุ่มคิดว่าจะพูดดีๆกับหญิงสาวเขาก็เปลี่ยนใจเมื่อมันคงไม่ได้ผล “ผมถามว่าใหม่มาอยู่นี้ได้ยังไง ทำไม่ตอบผม”
“งั้นคุณก็บอกใหม่มาก่อนสิว่าคุณมาอยู่นี้ได้ไงใหม่ถึงจะบอกว่าใหม่มาอยู่นี้ได้ยังไงเหมือนกัน” สุพัตราไม่ตอบแต่เลือกที่จะถามชายหนุ่มกลับ
“ผม ผมมาทำธุระ” แดเนียลตอบคำถามหญิงสาวด้วยใบหน้าเรียบนิ่งก่อนจะจ้องหน้าหญิงสาวเพื่อรอคำตอบ
“ใหม่มาที่นี้ได้ยังไงมันไม่สำคัญหรอกคะ มันสำคัญตรงที่ถ้าใหม่ไม่มาเห็นคุณทำอะไรที่นี้ใหม่ก็คงไม่รู้ว่าคุณทำอะไร เพราะฉะนั้นคุณแดนปล่อยใหม่ได้แล้ว ใหม่เจ็บ”
ในเมื่อเขาไม่ยอมพูดความจริงเธอก็ไม่จำเป็นต้องบอกเขาเหมือนกันสุพัตราทำหน้าเหยเกด้วยความเจ็บเมื่อมือหนาเพิ่มแรงบีบที่แขนเรียว
“ก็ได้ในเมื่อคุณไม่ยอมบอกผมว่าคุณมาที่นี้ไดยังไงผมก็จะไม่ปล่อยคุณไปไหนทั้งนั้น มานี่”
แดเนียลลากหญิงสาวมาที่รถที่จอดอยู่ไม่ไกลไม่สนใจแรงขัดขืนของหญิงสาวแม้แต่น้อยแรงเท่ามดดิ้นให้ตายยังไงก็ไม่หลุดหรอก ถ้าเขาไม่ยอมปล่อยจริงๆ
“นี่คุณ คุณจะพาฉันไปไหนน่ะ ฉันไม่ไปน่ะ” ด้วยความโกรธสุพัตราจึงเอ่ยบอกชายหนุ่มที่เดินอยู่ข้างหน้าเธอด้วยคำสรรพนามที่เปลี่ยนไป...