บทนำ
17:44 น. กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส...
ตึกสีขาวสภาพเก่าและทรุดโทรมไปตามการเวลากำลังเปลี่ยนเป็นสีอื่นตามโคลนตึกที่ไม่ได้ดูแลรักษาเป็นอย่างดีเหมือนตึกที่มีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ ตัวตึกอาคารหลังนี้เริ่มมีสีดำๆเกาะตามผนังตึกอย่างเห็นได้ชัดแต่กระนั้นบริเวณโดยรอบของสถานที่แห่งนี้ก็มีชายฉกรรจ์ยืนเฝ้าอยู่ทั่วทั้งบริเวณตึกด้านในและด้านนอกเหมือนกำลังรอคอยใครสักคนเพื่อที่จะมาจัดการด้วยตัวเอง
ลีมูซีนคันหรูเคลื่อนเข้ามาจอดบริเวณแถวตึกร้างที่มีชายฉกรรจ์ชุดดำยืนเฝ้าแถวบริเวณด้านนอก มองดูแล้วรถคันหรูกับสถานที่รกร้างแห่งนี้นั้นไม่ได้มีความเหมาะสมกันเลยแม้แต่นิดเดียว
เมื่อรถคันหรูนั้นจอดสนิทเป็นที่เรียบร้อยแล้วชายชุดดำคนหนึ่งหรือที่เรียกกันว่า ‘บอดี้การ์ด’ จึงทำการก้มศีรษะตัวเองทำความเคารพก่อนที่จะเปิดประตูให้คนที่เพิ่งมาถึงอย่างไม่ให้เป็นการเสียเวลา
และหลังจากนั้นเพียงไม่นานเมื่อผู้มาใหม่ก้าวลงจากรถเหล่าบอดี้การ์ดทั้งที่ยืนเฝ้าตามจุดต่างๆก็พากันก้มศีรษะทำความเคารพเหมือนที่บอดี้การ์ดคนแรกที่เปิดประตูให้เมื่อสักครู่นี้
ร่างสูงใหญ่ที่แต่งกายด้วยเสื้อสูทสีน้ำเงินเข้มเข้ากับแว่นกันแดดสีดำที่บดบังใบหน้าของชายหนุ่มไปกว่าครึ่งแต่กระนั้นก็ไม่สามารถปิดบังใบหน้าหล่อเหล่าไปได้
มือหนายกขึ้นถอดแว่นสีดำออกเผยให้เห็นดวงตาสีน้ำเงินเข้มเหมือนกับเสื้อสูทที่ชายหนุ่มใส่มาไม่มีผิด ชายหนุ่มพับเก็บแว่นก่อนจะใส่ไว้ในกระเป๋าด้านในเสื้อสูท
“คุณแดนครับ คุณคาเรนรออยู่ครับ” บอดี้การ์ดคนหนึ่งเอ่ยบอกผู้เป็นนายก่อนที่จะเดินนำเข้าไปในตึกร้างที่อยู่ไม่ไกลนี้ โดยที่ไม่ต้องรอคอยคำสั่งของเจ้านาย ว่าให้นำทางเข้าไปพบคนที่รอคอยอยู่ข้างใน
เท้าหนาใต้รองเท้าหนังมันเงาก้าวเดินไปข้างหน้า ตามที่ลูกน้องพาไปด้วยท่าเดินที่มั่นคง ใบหน้าหล่อเหล่าแบบชาวตะวันตกเย็นชาไร้ความรู้สึกมากในสายตาของลูกน้องและผู้ที่พบเห็นชายหนุ่ม
เดินเข้าไปไม่นานก็พบห้องว่างเปล่าที่มีเพียงเก้าอี้ไม้ธรรมดาสีน้ำตาลอยู่กลางห้องพร้อมกับคนของชายหนุ่มที่ยืนเฝ้าอยู่ไม่ไกลจากบริเวณนั้น
ในเก้าอี้ไม้ที่อยู่กลางห้องนั้นมีร่างหนาของชายหนุ่มคนหนึ่งที่ถูกมัดข้อมือข้อเท้าติดกับเก้าอี้ตัวนั้น ใบหน้าของชายหนุ่มนั้นยับเยินเหมือนถูกรุมกระทืบจากชายฉกรรจ์นำสิบที่ยืนเฝ้าอยู่ตามจุดต่างๆ
“คุณแดนครับ ผมพยายามที่จะทำให้มันเปิดปากแต่มันก็ไม่ยอมบอกครับเอาแต่เงียบอย่างเดียวจนผมทนไม่ไหว ต้องโทรตามคุณแดนมาจัดการเนี่ยและครับ” คาเรนมือขวาของชายหนุ่มรายงานเจ้านายด้วยความเหนื่อยใจที่จะจัดการ
ในเมื่อเขาใช้วิธีเบาๆไม่รุนแรงมากแล้วแต่อีกฝ่ายก็เงียบไม่ยอมบอก เขาก็ต้องให้เจ้านายที่ทุกคนต่างขนานนามกันว่าโหด และเย็นชามาจัดการเองซะแล้วล่ะ เฮ้อ คิดแล้วก็แอบเสียวสันหลังแทนเจ้าของร่างหนาที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ว่าจะโดนหนักขนาดไหน
“อืม เดี๋ยวฉันจัดการเอง”
“ครับ คุณแดน” บอดี้การ์ดหนุ่มตอบรับเจ้านายด้วยน้ำเสียงสุภาพเหมือนเช่นทุกครั้ง ก่อนที่จะถอยหลังไปดูเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่ช้านี้
‘คุณแดน’ หรือชื่อเต็มของชายหนุ่มก็คือ แดเนียล แม็คควีนฟอร์ นั้นเองชายหนุ่มนั้นเป็นเจ้าของบริษัท แม็คควีน กรุ๊ปและกาสิโนที่ใหญ่ที่สุดในฝรั่งเศสอีกด้วยนอกนี้แดเนียลยังเป็นมาเฟียที่ทุกคนต่างขยาดในความ โหด และเย็นชาของเขากันทั้งนั้น
จนทำให้ไม่มีใครคิดที่จะต่อกรกับชายหนุ่ม แต่ก็ไม่ใช่ว่าชายหนุ่มนั้นจะไม่มีศัตรูเลยทีเดียว ตระกูลแม็คควีนฟอร์แต่ก่อนนั้นเป็นตระกูลมาเฟียเก่าแก่มาตั้งแต่รุ่นปู่ของแดเนียลแล้วซึ่งก็คือ โดนัล แม็คควีนฟอร์ ซึ่งมีศักดิ์เป็นปู่ของแดเนียลและมาถึงรุ่นพ่อของแดเนียลที่เป็นทายาทเพียงคนเดียวของโดนัลอย่าง โดมินิค แม็คควีนฟอร์
จนกระทั่งสืบทอดมาจนถึงรุ่นลูกของโดมินิคอย่างบุตรชายสองคนอย่าง ดมิทรี กับ แดเนียล แม็คควีนฟอร์ ตัวชายหนุ่มนั้นเป็นบุตรชายคนที่สองของตระกูลแม็คควีนฟอร์ ถึงจะเป็นบุตรชายคนเล็กที่เอาแต่ใจเพราะครอบครัวตามใจชายหนุ่มมาตั้งแต่เด็ก
แต่ถึงกระนั้นชายหนุ่มก็ยังมีบุคลิกที่เจ้าชู้ และเย็นชาในเวลาเดียวกัน...
ซึ่งแตกต่างจากคนเป็นพี่อย่างดมิทรีโดยสิ้นเชิง คนเป็นพี่นั้นเป็นคนบุคลิก ใจเย็น อารมณ์ดี แต่ใช่ว่าดมิทรีนั้นจะเป็นคนอารมณ์ดีตลอดเวลา ชายหนุ่มนั้นมีบ้างที่อารมณ์ร้ายแต่ก็น้อยครั้งนักที่ชายหนุ่มจะแสดงอารมณ์ด้านมืดนั้นออกมาตรงๆ ต่างกับแดเนียลที่เคร่งขรึมเกือบจะตลอดเวลา
ปัจจุบันนี้ ดมิทรีดูแลกิจการการขนส่งทางเรือที่เป็นกิจการที่คนรุ่นพ่อให้สืบทอดต่อและคลับที่เป็นธุรกิจของตัวเอง แต่ก็มีบ้างบางครั้งที่ทั้งสองจะนัดเจอกัน เพราะกิจการของดมิทรีนั้นไม่ได้อยู่ที่ฝรั่งเศสเหมือนแดเนียล แต่อยู่ที่อเมริกา
ร่างหนาของแดเนียลนั่งลงบนเก้าอี้ไม้ที่ลูกน้องของชายหนุ่มนำมาให้เมื่อไม่นานนี้ ขาแกร่งยกขึ้นไขว้ห้างหลักจากนั่งบนเก้าอี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ท่อนแขนแข็งแรงของชายหนุ่มยกขึ้นกอดอกสายตาคมจ้องมองคนตรงหน้าด้วยสายตาที่เกิดจะคลาดเดาว่าชายหนุ่มนั้นคิดเช่นไร
“นายแน่ใจแล้วหรอที่จะทำแบบนี้”
ริมฝีปากหยักลึกของแดเนียลเอ่ยถามชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างหน้าห่างกันไม่มากนักด้วยน้ำเสียงเย็น จนคนได้ยินถึงกับขนลุกวูบแต่ก็ไม่คิดตอบคำถามนั้นแม้แต่คำเดียว
“…” ชายหนุ่มไม่ตอบคำถามแต่กลับจ้องหน้าเจ้าของคำถามนั้นอย่างไม่หวั่นเกรงแม้แต่น้อย
“ก็ได้ ฉันจะถือว่าความเงียบของนายคือคำตอบแล้วกัน” แดเนียลเอ่ยบอกคนตรงหน้าเหมือนไม่ใช่เรื่องสำคัญนักก่อนจะลุกขึ้นจากที่นั่งแล้วพูดบางอย่างที่ทำให้เจ้าของร่างหนาที่นั่งอยู่บนเก้าอี้อีกตัวถึงกับตัวชาวาบ
“ถ้านายไม่ยอมบอกว่าใครอยู่เบื้องหลังนี้ ฉันจะส่งคนไปจัดการกับลูกสาวแล้วก็ภรรยานาย นี้ไม่ใช่แค่คำขู่...แต่ฉันเอาจริง” แดเนียลยื่นหน้าเข้าไปกระซิบข้างใบหูของร่างหนา ก่อนจะทำทีเป็นเดินวนรอบเก้าอี้ของอีกฝ่ายอย่างไม่เร่งรีบ
เมื่อสามวันก่อนมีคนเข้ามาก่อกวนกาสิโนของแดเนียลอย่างหนักทั้งรีดไถ่จากนักท่องเที่ยวที่มาหาความสุขกับการเล่นการพนัน ทั้งแขกระดับวีไอพีจนทำให้กาสิโนนั้นป่วนและเสียหายไปเป็นจำนวนมาก เมื่อแดเนียลรู้เข้าจึงโกรธ ชายหนุ่มจึงสั่งให้คนของเขาออกตามล่าจับตัวคนที่ทำให้กาสิโนของเขาเสียหาย และคนของเขาก็ไม่ทำให้เขาผิดหวัง เพราะเมื่อวานนี้ลูกน้องของเขาได้เจอตัวและจับตัวมาให้เขาแล้ว
เท้าหนาใต้รองเท้าหนังมันเงาหยุดเดินอยู่ข้างหน้าของนักโทษ มือหนาล้วงเข้าไปในกางเกงแสล็คเนื้อดี สายตาคมจ้องมองเหยื่อตรงหน้าไม่วางตา
“ฉันไม่ได้มีเวลาว่างมากถึงขนาดต้องมานั่งรอคำตอบจากนายนานขนาดนี้นะ...” แดเนียลเอ่ยกับคนที่นั่งอยู่บเก้าอี้ เสียงเรียบนิ่งเหมือนไม่มีอะไรในน้ำเสียงนั้น แต่ใครจะรู้มากไปกว่าตัวชายหนุ่มเองที่ตอนนี้ข้างในกำลังรู้สึกหงุดหงิดกับคนตรงหน้าเขาเป็นอย่างมาก
“...” ไม่มีคำตอบออกจากปากนักโทษหนุ่ม ใบหน้าที่มีรอยฟกช้ำตอนนี้ของอีกฝ่ายตอนนี้แทบดูไม่ได้นัยน์ตาของเขานั้นกรอกไปมาเหมือนกำลังคิดหาทางออกให้ตัวเองซึ่งเปลี่ยนไปจากก่อนนี้ อย่างน้อยอีกฝ่ายก็ยังมีปฏิกิริยากับเขาบ้าง
“คาเรน ส่งคนของเราไป...” ยังไม่ทันที่แดเนียลจะเอ่ยคำสั่งนั้นจบ ก็มีเสียงหนึ่งเอ่ยขึ้นมาแทรกกลางประโยคนั้นเสียก่อน
“ก็ได้ ผมจะบอกคุณ” เสียงห้าวตอบกับแดเนียล
“ใครเป็นคนส่งนายมา” แดเนียลถามอีกฝ่ายเสียงเย็นยะเยือกกว่าเก่า ก่อนจะยอบตัวลงนั่งบนเก้าอี้ในเวลาต่อมา
“แต่ แต่คุณต้องแลกกับการปล่อยผมกับครอบครัวของผมไป” ชายหนุ่มต่อรองอีกฝ่ายอย่างคนหมดสิ้นหนทาง
แดเนียลจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของอีกฝ่ายเพื่อค้นหาบางสิ่งบางอย่างที่อยู่ในดวงตานั้นพร้อมกันนั้นหัวสองของชายหนุ่มก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ก่อนจะยกยิ้มมุมปากที่เป็นรอยยิ้มที่มือขวารู้ดีว่าเจ้านายต้องมีแผนอะไรแน่ๆ แล้วเขาก็คิดไม่ผิดจริงๆเมื่อเจ้านายเอ่ยบอกกับผู้ชายคนนั้น
“ถึงฉันปล่อยนายไป นายก็คงไม่รอดแน่...ฉันอยากจะให้นายเป็นสายให้กับฉันถ้านายทำได้ฉันจะปล่อยนายกับครอบครัวไปพร้อมกับเงินจำนวนหนึ่งสำหรับค่าจ้างของนาย”แดเนียลเอ่ยบอกอีกฝ่ายเสียงเนิบช้า
“แล้วถ้าพวกนั้นจับได้ล่ะ” ชายหนุ่มถามอีกฝ่ายด้วยสีหน้าหนักใจ
“นายไม่ต้องห่วงเรื่องนั้น ฉันจะให้คนของฉันคุ้มกันนายอีกที” แดเนียลตอบเสียงเรียบ “ถ้านายตกลงก็บอกมาว่าใครเป็นคนส่งนายมา แต่ถ้าไม่นายรู้ใช่ไหมว่าจะเกิดอะไรขึ้น” แดเนียลพูดกับอีกฝ่ายอย่างด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ ชายหนุ่มทำเหมือนว่าสิ่งที่เขาพูดออกไปนั้นไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญอะไร
“เอ่อ ก็ได้ครับผมตกลง ผมจะบอกคนที่ส่งผมมาป่วนกาสิโนของคุณ คนที่ส่งผมมาก็คือ...” ชายหนุ่มบอกอีกฝ่ายหลังจากทีคิดดีแล้ว
คนเรามันก็เห็นแก่ตัวกันทั้งนั้นและถ้าคิดว่าวิธีไหนที่จะทำให้ตัวเองรอดได้ก็จะทำไม่ว่าวิธีนั้นจะไม่ถูกต้องก็ตาม แม้กระทั่งเขาตอนนี้ที่กำลังหาทางให้ตัวเองรอดพ้นจากความตาย
มือหนาหยิบแว่นออกมาจากกระเป๋าสูทแล้วสวมใส่ พร้อมกันนั้นเท้าแกร่งก็ก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง ท่อนขาแกร่งก้าวขึ้นไปบนรถเมื่อลูกน้องของเขาเปิดประตูให้ หลังจากที่แดเนียลมาอยู่ในรถเรียบร้อยแล้วจึงปิดประตูรถในเวลาต่อมา
แดเนียลจึงล้วงเอาสิ่งของบางอย่างออกมาจากกระเป๋าเสื้อสูทของชายหนุ่ม เวลาที่เขาคิดถึง ‘เธอ’ เขามักจะหยิบของสิ่งนี้ขึ้นมาดู มันเป็นของสิ่งเดียวที่ขาเอามันติดตัวตลอดเวลา ตั้งแต่เธอคนนั้นให้มาจนมาถึงตอนนี้ ก็ผ่านมาแล้วสองปีที่เขาพยายามหาตัวผู้หญิงคนนั้น
หลังจากที่เกิดเหตุการณ์ในวันนั้นขึ้นแดเนียลก็ไม่พบผู้หญิงคนนั้นอีกเลย ไม่ว่าชายหนุ่มจะส่งนักสืบที่มีฝีดีแค่ไหนตามหา ชายหนุ่มก็ไม่พบ แต่เขาเชื่อว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ ไม่ว่าจะต้องพลิกแผ่นดินหาเธอ เขาก็จะทำเพื่อให้ได้เธอกลับคืนมา