ก็อกๆ
“พระชายาเพคะ” เสียงด้านนอกเรียกหาเมื่อได้ยินการเคลื่อนไหวของผู้สูงศักดิ์
“เข้ามาสิ” ทันทีที่อนุญาต ประตูบานใหญ่ที่เคยลงกลอนแน่นหนาเมื่อคืนก็ถูกเปิดออก สาวใช้เดินเข้ามาพร้อมกับเสื้อผ้าใหม่เอี่ยมในมือส่วนอีกสองคนด้านหลังก็มาพร้อมกับน้ำอุ่นและเครื่องหอม
“ข้าใช้ห้องอาบน้ำนี้ได้หรือ”
“พระสนมบอกว่าได้เพคะ”
“…” ช่างเป็นสตรีที่คอยคุ้มหัวและยังเป็นคนเดียวที่หาเรื่องให้ด้วย คิดไม่ตกว่าหากพระสนมเสด็จกลับนางจะเอาไม้ที่ไหนไปกันหมาได้อีก
อี้เหม่ยหลิงแต่งกายด้วยอาภรณ์เรียบง่าย หญิงสาวยังคงสวมชุดสีตะวันยามรุ่งเช้าที่ออกส้มเหลืองอันเป็นสัญลักษณ์ของตระกูลอี้ ต่อให้สถานะทางสังคมนับว่านางเป็นคนของรุ่ยอ๋องแล้วก็ตาม แต่สำหรับเหม่ยหลิงนางยังคงเป็นคนสกุลอี้ไม่เปลี่ยนแปลง คนงามมิได้ผลัดหน้าประทินโฉมมากมายด้วยมิได้มีความจำเป็นต้องทำให้พระสวามีลุ่มหลง ทางที่ดีให้เขาไล่นางออกไปแบบมีลมหายใจจะดีกว่า
ดวงเนตรสีอ่อนของหญิงสาวกวาดตามองไปทั่วบริเวณ ตำหนักปลีกวิเวกนี้เปล่าเปลี่ยวเสียจริง รอบด้านมีเพียงกำลังคุ้มกันบางเบา คนส่วนใหญ่เป็นทหารที่ได้รับคำสั่งมาเพื่อคุ้มกันชายแดน มิได้มาเพื่อปกป้องเจ้านายที่ตำหนักเฟิงซาน
ประตูบานใหญ่ในโถงรับรองถูกเปิดออก ภายในมีสตรีในชุดผ้าไหมสีน้ำเงินนั่งรอด้วยใบหน้ายิ้มแย้มไร้แววสำนึกผิดที่ขังนางไว้กับคนน่ากลัวเมื่อคืน
“หลิงเอ๋อร์ถวายบังคมเสด็จแม่เพคะ” มื้อเช้าวันนี้มีเพียงสตรีสองคนไร้เงาใครอื่น เหม่ยหลิงดีใจจนเนื้อเต้นแต่ก็ต้องวางท่าทีเรียบเฉยเอาไว้
“นั่งสิเด็กดี” มือเรียวผายไปยังที่นั่งด้านข้าง
“เพคะเสด็จแม่”
“ข้าเห็นรุ่ยอ๋องออกไปตั้งแต่เช้าตรู่ ดูท่าเมื่อคืนคงผ่านไปได้ด้วยดีสินะ” พระสนมเผยรอยยิ้มหวาน
“ดีเพคะ” คนผู้น้อยมีหรือจะตอบสิ่งอื่นได้อีก ในใจของนางคิดว่า ดี... ดีที่ไม่ตายกันไปข้าง
“เรื่องนี้คงต้องปรับตัวกันไปเรื่อยๆ ไม่นานก็ชิน เจ้าอย่ากังวลไปเลย ช่วงนี้ข้าจะอยู่เป็นเพื่อนเจ้าไปสักสองสามวัน”
“ขอบพระทัยเพคะเสด็จแม่”
“อ่อ จริงสิ หลังจากนี้บ่าวที่ไปเรียกเจ้ามาจะคอยดูแลและอำนวยความสะดวกให้เจ้า นางชื่อว่า หนิงอ้าย เรียกใช้ได้ไม่ต้องเกรงใจเล่า” นางมองไปยังเด็กสาวด้านหลัง สีหน้าท่าทางออกจะใสซื่อดูแล้วคงเป็นคนของตระกูลเหอที่พระสนมจัดหามามิใช่นางกำนัลของวังหลวงเป็นแน่
ปึก...
เสียงกระแทกบางสิ่งดังมาไกลๆ ก่อนที่จะได้ยินเสียงฝีเท้าของคนจำนวนหนึ่งด้านนอกจวน พวกเขาพยายามวางเท้าให้เบาที่สุดทว่ามันมิได้สม่ำเสมอเช่นทหารที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี
“วันนี้อากาศดียิ่งนัก ว่าไหมเพคะ เสด็จแม่” เหม่ยหลิงกล่าวพร้อมกับแบมือเล็กของนางออกและส่งสายตามาทางคนตรงหน้าอย่างมีความหมาย
“ขอเพียงไร้ฝน ฉาเฟิงก็นับเป็นเมืองที่บรรยากาศดีเชียว” นางตอบกลับอย่างเป็นธรรมชาติก่อนหงายมือแล้ววางลงบนฝ่ามือของลูกสะใภ้ เจียอีตกใจเล็กน้อยเมื่อสัมผัสถึงความแข็งกระด้างที่หลังมือของตน
‘ด้านนอกเป็นคนของท่านหรือ’ หญิงสาวตวัดมือไปมาบนฝ่ามือขาวผ่องเป็นคำถามทั้งที่ปากก็ชวนสนทนาอีกเรื่อง
พระสนมเหอส่ายศีรษะแทนคำตอบ สตรีทั้งสองมองหน้ากันก่อนที่เหม่ยหลิงจะเป็นฝ่ายลุกขึ้นยืน นางมองไปทางผนังห้องที่มีกระบี่เล่มสวยประดับอยู่ ดูแล้วคมจริงแท้และอยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน
“หลิงเอ๋อร์อยากไปด้านนอกงั้นหรือ” เหอซูเฟยที่รับรู้ถึงเหตุการณ์ล่วงหน้าในอีกไม่กี่อึดใจเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงมิได้ผิดแผกจากปกติ
“หากรุ่ยอ๋องอนุญาตหม่อมฉันก็อยากไปเที่ยวชมความเป็นอยู่ของผู้คนเหมือนกันเพคะ” หลิงเอ๋อร์หมุนมือเป็นวงกลม นางบอกเหอซูเฟยเป็นนัยๆ ว่าตอนนี้ถูกล้อมไว้แล้วก่อนจะหยุดยืนข้างประตู รอบด้านสั่นไหวจนขนาดที่เหอเจียอีผู้ไม่มีสัมผัสฉับไวยังรับรู้ได้
ปึง! ปึง!
ประตูห้องเปิดออกพร้อมกับผู้บุกรุกชุดดำนับแล้วมีกว่าสิบคนบุกเข้ามา ทุกคนล้วนสวมผ้าปิดบังใบหน้าครึ่งล่าง ไร้ตราหรือสัญลักษณ์บ่งชี้ว่ารับใช้ใคร
“อยู่เฉยๆ แล้วตามมาโดยดี!” กระบี่เล่มยาวชี้ไปยังสตรีที่นั่งอยู่ด้านในนางมิได้มีท่าทีหวาดกลัวแม้แต่น้อย ดวงตาเรียวสวยมองคนพวกนั้นด้วยหางตา
“เอาตัวไป!! หาอีกคนให้เจอ” คนที่ดูเป็นหัวหน้าออกคำสั่ง
“อึ่ก!”
ตุบ!
ร่างหนึ่งล้มลงไปกองกับพื้นพร้อมเลือดสีแดงสดที่ไหลออกมาเป็นวงกว้าง ผู้ลงมือคือเป้าหมายอีกคนที่พวกเขากำลังตามหา
กระบี่ในมือหญิงสาวอาบย้อมไปด้วยโลหิตทำเอาคนโดยรอบยกอาวุธขึ้นตั้งรับทันที
“ตอบมาว่าเจ้าทำตามคำสั่งใครแล้วข้าจะไม่เอาความ” ร่างบางเอ่ยวาจาห้าวหาญสมกับฐานะบุตรีเพียงคนเดียวของท่านแม่ทัพ
“หึ” ศัตรูเผยรอยยิ้มภายใต้ผ้าคลุมที่ปิดครึ่งหน้า คิ้วข้างหนึ่งยกขึ้นราวกับเย้ยหยัน ใครบ้างเล่าจะบอกข้อมูลสำคัญง่ายๆ
หญิงสาวตรงหน้าดูอ่อนหวานละมุน คิ้วเรียวยาว ดวงตาสีอ่อนสุกสว่าง ริมฝีปากได้รูปสวย มุมปากโค้งขึ้นเล็กน้อยคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม ดวงพักษ์พริ้มเพรามีเสน่ห์ แขนขาเล็กเพรียวยาวดูอ่อนแอแต่ก็มิได้เหลาะแหละนับว่างดงามกว่าสตรีทั่วไป
สตรีตัวเล็กแค่นี้คำข่มขวัญของนางมิได้ทำให้พวกเขาหวั่นไหวแม้แต่น้อยกลับกันเหล่าบุรุษอยากท้าทายและปะทะกระบี่กับนางสักสองสามเพลงด้วยซ้ำ
เคร้ง!
ขณะที่กำลังจับจ้องเรือนร่างของโฉมสะคราญ กระบี่ในมือนางก็พุ่งตรงเข้ามาหมายบั่นคอในระยะประชิด หากยกกระบี่ในมือขึ้นมากันไม่ทันป่านนี้คงกลายเป็นศพที่นอนเย็นอยู่บนพื้นอีกคนแล้ว
“จัดการ!” สิ้นคำสั่งหัวหน้า ชายฉกรรจ์หลายคนบุกเข้ามาด้วยอาวุธครบมือ ร่างบางวาดกระบี่เป็นวงพระจันทร์เสี้ยวจำกัดการเคลื่อนไหวของศัตรูในขณะที่เลือกจัดการชายร่างสูงไปทีละคนๆ นางมิได้แข็งแกร่งทัดเทียมบุรุษแต่ทุกย่างก้าวผ่านการคิดคำนวณเป็นอย่างดีจึงปราศจากความสูญเปล่า แรงที่ส่งผ่านข้อมือน้อยไม่ได้มากพอจะสังหารศัตรูให้สิ้นในกระบี่เดียวแต่ก็เล็งจุดตายสกัดการเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายได้ดี
เหอเจียอีมองบุปผางามที่เริงระบำท่ามกลางโลหิตสีแดงสาดกระเซ็น สตรีสูงศักดิ์ลอบยิ้มขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ เมื่อครู่ที่ได้จับมือน้อยของลูกสะใภ้ก็พบว่ามันแข็งกระด้างมากเหลือเกิน สมแล้วที่เป็นบุตรีแม่ทัพนอกจากงานที่ต้องเรียนรู้ในฐานะสตรี เพลงกระบี่ของนางก็งดงามตราตรึง สะท้อนถึงการฝึกฝนมากล้นหลายปี
“สมแล้วที่เป็นไม้งามที่ข้าตามหา” เหอเจียอีเหยียดยิ้มพอใจออกมา
อี้เหม่ยหลิงงดงาม อ่อนหวาน แม้มิใช่องค์หญิงที่ไหนแต่ก็สูงส่งเป็นถึงบุตรีแม่ทัพผู้ควบคุมกองกำลังทหารของแคว้นทำให้มีคนเข้าหามากมาย เกินครึ่งหมายตาอำนาจที่บิดานางมีและหวังหลอกใช้ความใสซื่อของหญิงสาวเป็นบันไดเหยียบข้าม แต่นางสามารถจัดการเหล่ามือที่ปองร้ายได้อยู่หมัด ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดแต่หลิงเอ๋อร์ก็ดึงเอาความสนใจของพระสนมซูเฟยมาได้พักใหญ่ เวลานี้เองก็เช่นกัน