7 เรือแห่งโชคชะตา - 1

1880 คำ
เสียงผิวปากอย่างอารมณ์ดี ดังขึ้นหลังจากที่อาชาปิดประตูห้องนอนห้องหนึ่งลงแล้ว เขาจึงรีบหมุนตัวกลับมาดูเจ้าของเสียงผิวปากนั่นต่อ                                                                                           วันนี้เป็นวันหยุด จากการแต่งเนื้อแต่งตัวและเสียงผิวปาก คาดว่าเจ้าของห้องนอนนี้ คงหาโอกาสไปจะขลุกอยู่ที่บ้านนั้นอีกเช่นเดิมล่ะสินะ                                                                                           อาชามองสภาพของเจ้าของห้องนอนนี้ จึงรู้สึกขัดตาอยู่สักหน่อยตรงที่อีกฝ่ายมีความดูดีมากเกินไป คงลืมคิดไปกระมังว่าตนเองต้องไปในสภาพของ 'นายใบ้' ไม่ใช่ 'ดรัน อาจณรงค์' เสียหน่อย ... นั่นคนมีความรัก ก็ทำให้ลืมคิดหน้าคิดหลังให้ดีอย่างนี้แหละ คิดอย่างขัน ๆ แล้วจึงเอ่ยถามขึ้นเบา ๆ ต่อ "อารมณ์ดีอย่างนี้ จะไปไปหาใครนะ"                                                                   ดรันหมุนตัวจากบานกระจกเงา พลางติดกระดุมเสื้อแล้วตอบ "นี่นายไม่รู้จริง ๆ หรืออาชา"   "รู้สิครับ แต่ก็แกล้งถามไปอย่างนั้น เพื่อจะเตือนคุณรันว่า นายใบ้เป็นคนอนาถา แต่งตัวอย่างนี้ เซ็ตผมเป็นทรงหล่ออย่างนี้ ไปหาหล่อนจะไม่แนบเนียนเอานะครับ"                                                          "เออ จริง..." ดรันพึมพำเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้ แค่อารามที่จะได้เห็นใบหน้าของหญิงสาว ก็ทำเอาเขามีอารมณ์เบิกบานจนลืมคิดหน้าคิดหลังให้ดี ว่าแล้วดรันจึงรีบหมุนตัวกลับมาดูสภาพตัวเองในกระจก ทั้งเสื้อผ้า หน้าและทรงผม ที่ถูกเซ็ตเรียบแปล้นี้ดูดีเกินกว่าจะทำให้ตนเป็นนายใบ้ได้                                                                         จากนั้นชายหนุ่มจึงเดินลิ่วไปยังตู้เก็บเสื้อผ้าขนาดใหญ่ เปิดและรื้อหาเสื้อกับกางเกงที่เก่าเก็บที่สุดออกมา ครั้นพบแล้ว เสื้อตนก็จัดการเอง ส่วนกางเกงก็โยนให้อาชารับไป จากนั้นทั้งสองหนุ่มจึงรีบขยี้สิ่งที่อยู่ในมือตัวเองเพื่อมันให้ยับที่สุด แล้วจากนั้นดรันจึงกลับเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องน้ำต่อ ก่อนเดินออกมาอีกทีจึงถามไปถึงนายใบ้ตัวจริงทันทีว่า "ว่าแต่ นายใบ้เป็นยังไงบ้าง…"          "ดีครับ ปรับตัวเข้ากับทุกคนที่นี่ได้ดี ผมพามาแล้วก็บอกกับทุกคนว่าเป็นคนสวนคนใหม่ของที่นี่ ก็ไม่มีใครสงสัยแล้ว เพราะอาณาเขตของบ้านอาจณรงค์กินเนื้อที่ไม่ใช่น้อย ๆ การจะรับคนสวนเพิ่มคนสองคนก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติ" อาชาตอบพร้อมกับอธิบายไปในตัวอย่างฉะฉาน                                                                                           "ดี..." ดรันรับคำ ก่อนจะคว้าเอาผ้าขนหนูขึ้นมาเช็ดคราบน้ำมันออกจากเส้นผม พร้อมกับนึกถึงนายใบ้ตัวจริงอีกครั้งไปด้วย              นายใบ้ตัวจริงคนนี้ ...พวกเขาใช้เวลาตามหาตัวต่อไม่กี่วันก็พบ ทั้งนี้เพราะนายใบ้ยังวนเวียนอยู่แถว ๆ ที่เรือของตัวเองได้สูญหายไปแถวนั้น ครั้นพบตัวแล้ว อาชาก็รีบพาตัวนายใบ้มาพบดรันที่คฤหาสน์เพื่อพูดจาทำความตกลงกันบางอย่าง ดรันจึงได้เห็นรูปร่างหน้าตานายใบ้ตัวจริงว่าอีกฝ่ายมีรูปร่างที่คล้าย ๆ กันกับเขา                      มิน่าล่ะ คนที่บ้านนั้นจึงพากันเชื่อว่าดรันเป็นนายใบ้ตั้งแต่วันที่พบกันครั้งแรก และเนื่องจากที่คนบ้านหลังนั้นก็ไม่เคยมีใครได้พบหน้านายใบ้ตัวจริงมาก่อน อาศัยจากที่มีคนพูดว่ามีชายใบ้ชอบพายเรือลำนั้นค้าขายไปตามแม่น้ำลำคลอง ก็พากันทึกทักเอาว่าเขาคือนายใบ้เจ้าของเรือเอี๊ยมจุ๊นลำเก่านั้นนั่นเอง                                                  ดรันเริ่มกลับมาขยี้ผมที่หวีเก็บอย่างเรียบร้อยก่อนหน้าให้ยุ่งเหยิงเล็กน้อย ขณะเดียวกันอาชาก็รีบพูดถึงอีกเรื่องที่สำคัญขึ้นมาว่า "ผมได้ความคืบหน้าจากบ้านของหล่อนมารายงานคุณรันเพิ่มด้วยนะครับ..."                                        ดรันยืดตัวขึ้น ถามกลับสั้น ๆ "ว่า?"                                                 "คุณแม่ของหล่อน คนแถวนั้นพากันเรียกว่าคุณนายรำพึง คุณนายรำพึงไม่ได้ทำงานทำการอะไร เพราะชอบเล่นไพ่เอามาก ๆ  บางคืนก็เปิดบ่อนขึ้นมาภายในบ้านหลังนั้นด้วย แต่ละคืนจะมีกลุ่มคนเดินเข้าออกที่บ้านหลังนั้นตลอด แต่ที่ยังรอดหูรอดตาเจ้าหน้าที่บ้านเมืองมาได้ ก็เพราะคุณนายรำพึงได้จ่ายใต้โต๊ะเอาไว้เรียบร้อยแล้ว"                                                                                     เมื่อฟังเรื่องที่อาชาเล่า ดรันจึงครุ่นคิดหนักขึ้นมาว่า มิน่าพะนอขวัญถึงต้องย้ายตัวเองไปอยู่ที่เรือนคนใช้ เขาคิดว่าหล่อนคงเต็มใจอยากย้ายไปเองด้วย เพื่อไม่อยากอยู่ปะปนกับพวกผีพนันที่มารดาหล่อนพาเข้ามาในบ้าน ซึ่งก็เป็นเรื่องที่น่าโล่งใจสำหรับดรันขึ้นมาทีเดียว เพราะถ้ามีใครก็ไม่รู้สามารถเดินเข้าออกที่บ้านหลังนั้นได้ ย่อมหมายถึงอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นกับหล่อนได้ง่าย ๆ เช่นกัน  หากเกิดเรื่องร้ายขึ้นกับหล่อน แล้วจะมีใครที่พอปกป้องหล่อนได้  ลำพังคุณนายรำพึงผู้เป็นแม่ก็ไม่ได้ใยดีต่อหญิงสาวอยู่แล้ว ดีที่หล่อนได้ย้ายไปอยู่ที่เรือนคนใช้หลังนั้น อย่างน้อยลุงชดกับป้ากับช้อยก็พอจะคุ้มครองหล่อนได้อยู่                         แต่จะได้เสมอไปหรือเปล่า ดรันก็ชักคิดหนัก เพราะทั้งสองก็เป็นแค่คนมีอายุเยอะกันทั้งคู่ อีกทั้งก็เป็นแค่คนใช้ จะมีบารมีมากพอช่วยเหลือกันได้หรือเปล่า หากจะเกิดเรื่องคับขันกับหล่อนขึ้นมาจริง ๆ                                                      ดรันเริ่มรู้สึกว่ากลางทรวงอกของตน ราวกับกำลังมีกองไฟกองหนึ่งลุกโซนขึ้นมากระนั้น รู้สึกร้อนรนด้วยทั้งหวงและห่วงพะนอขวัญเหลือเกิน  ว่าแล้วชายหนุ่มจึงหมุนจากบานกระจก สบตาอาชา แล้วเอ่ยเสียงเข้มจริงจังทีเดียวว่า "อาชา ฉันอยากจะได้บ้านหลังนั้นที่ตรงนั้นทั้งหมด ไปสืบต่อให้ได้ความว่า แม่ของหล่อนเอาแหล่งเงินจากไหนมาใช้หมุนในการเล่นไพ่ ฉันรู้ดีว่าพวกคนที่ปล่อยให้ผีพนันครอบงำไม่มีเงินเย็นรอให้ใช้แน่ ๆ แต่ที่ยังมีเงินมาเล่นอยู่ ก็คงอาศัยการกู้หนี้ยืมสินมา…ให้นายใช้จุด ๆ นี้หาทางเอาโฉนดที่ดินตรงนั้นมาตกอยู่ในมือของฉันให้เร็วที่สุด!"                                                                   "ได้ครับ ไม่น่าจะยาก ผมจะไปสืบ ๆ ว่าคุณนายรำพึงไปกู้ยืมเงินมาจากตรงไหนบ้าง เกมแบบนี้ผมชอบนัก...ขุดบ่อล่อปลา" อาชาก้มหน้าลงเล็กน้อยยามรับคำด้วยรอยยิ้ม เมื่อเห็นงานชิ้นใหม่ที่ดรันโยนมาให้ทำเป็นเรื่องสนุกสนานของตนเองอยู่ไม่น้อย    เมื่อสำรวจสภาพตัวเองว่าเรียบร้อยพอจะเป็นนายใบ้แล้ว ดรันจึงเดินผ่านร่างสูงของอาชาไปที่ประตูห้อง เพื่อจะเปิดออกไป              แต่แล้วเสียงของอาชาก็ดังขึ้นมาเสียก่อน "คิดให้ดีนะครับ ว่าคุณรันจะลงไปทางนี้จริง ๆ"   "อ้าว! ก็ไม่ให้ฉันลงทางบันไดนี้ จะให้ฉันลงทางไหนล่ะ" ดรันหันมาถาม พลางทำหน้าแปลก ๆ                                         อาชาจึงรีบเฉลยว่า "คุณรุ่งกำลังนั่งรอคุณอยู่ที่ห้องโถง เห็นบอกว่าอยากจะให้คุณรันขับรถพาไปทำบุญที่วัด ฟังแล้วอาจจะรู้สึกแปร่ง ๆ หน่อย จู่ ๆ ก็นึกอยากจะทำบุญเข้าวัดขึ้นมา"                    "แผนนัดดูตัวอีกล่ะสิท่า..." ดรันว่าต่ออย่างเหนื่อยหน่ายใจ    อาชาก้มหน้าลงเล็กน้อย ระบายรอยยิ้มขันพราวระยับเต็มใบหน้า ความจริงเขาก็ได้ข่าวนี้มาจากคุณอัศวินที่แกล้งบอกเป็นนัย ๆ ว่าให้รีบขึ้นไปช่วยดรันเอาไว้ ก่อนที่จะโดนคุณรุ่งระวีดักฉุดตัวไปเสียก่อน "ผมไม่แน่ใจว่า ที่วัดนั้นคุณรุ่งได้แอบนัดแนะให้ใครไปด้วยมั้ย ทางที่ดีคุณรันอย่าลงทางนี้ให้เป็นเรื่องที่เสี่ยงเลย ลงทางระเบียงห้องจะปลอดภัยกว่านะครับ"                                            "ปลอดภัย? สูงขนาดนั้นนี่นะ"                                                       "ไม่เชื่อ คุณรันก็ลองเดินไปดูเองสิครับ"                                     ดรันรีบเดินไปทางระเบียงห้องพร้อมชะโงกหน้ามองลงไป เขาจึงเห็นชายร่างสูงอีกคนเงยหน้าขึ้นมาพอดี ซึ่งก็คือนายใบ้ตัวจริงที่กำลังยืนยิ้มเผล่รอ พร้อมกับบันไดที่ถูกพาดเอาไว้ให้เสร็จสรรพแล้ว  ดรันจึงหันกลับมามองอาชา ส่ายหน้าด้วยรอยยิ้มขัน พลางชี้หน้าชายหนุ่มอีก "นายนี่แน่จริง ๆ อาชา" "ขอให้การเดินทางไปพบหล่อนคนนั้นเป็นไปอย่างราบรื่น" อาชารีบอวยพร                                                  จากนั้น ดรันก็รีบปีนป่ายขึ้นระเบียงแล้วลงบันไดไปอย่างรวดเร็ว สักพักอาชาก็ได้ยินเสียงมารดาของตน ซึ่งก็คือแม่นมของดรันร้องดังลั่นขึ้นมา "ตายแล้วคุณหนู! ทำไมถึงลงมาทางนี้ละคะ เกิดพลาดตกบันไดแข้งขาหักไป จะทำอย่างไร!" เสียงเอะอะของนมอิ่มที่ดังแว่วขึ้น ทำให้สตรีที่แต่งกายอย่างภูมิฐานและกำลังนั่งรอใครคนหนึ่งที่โซฟารีบลุกยืนขึ้นทันที พลางส่งเสียงถามคล้ายไม่แน่ใจว่าที่ตัวเองได้ยินอยู่จะใช่อย่างที่คิดหรือเปล่านะ "นะ...นั่นเสียงนมแม้นและ นายรันใช่มั้ยน่ะ"                คุณอัศวินกำลังเดินลงบันไดมา ด้านหลังห่างไปเล็กน้อยก็คือ อาชาที่แสร้งทำเป็นช่วยถือถุงกอล์ฟให้                    "ก็คงจะใช่ล่ะมั้ง" คุณอัศวินตอบคำถามให้เอง                         "รัน! รันอย่าทำอย่างนี้กับน้า!"  ว่าแล้วรุ่งระวีรีบวิ่งออกไปและได้สวนทางกับนมแม้นตรงมุขบันได้พอดี จึงเห็นรถปอร์เซ่คันสีเขียวขี้ม้ากำลังขับออกไปอย่างรวดเร็ว รุ่งระวีถึงกับกรีดร้องด้วยความไม่พอใจขึ้น แล้วจึงหันไปถามแม่นมของชายหนุ่มอย่างหงุดหงิดต่ออีก  "ทำไมนมถึงไม่ห้ามตารันเอาไว้ล่ะ!"                                         "อ้าว! ก็นมไม่รู้นี่คะ ว่าคุณรุ่งต้องการอะไร" แม่นมของดรันตอบกลับพลางทำหน้าเหลอหลาอีก                                    รุ่งระวีจึงมองหน้าแม่นมของหลานชาย ด้วยความไม่ได้ดั่งใจ จากนั้นจึงสะบัดตัวเดินหนีอย่างแง่งอน เพื่อไปสงบสติอารมณ์ที่อื่นเสีย เนื่องจากแผนนัดดูตัวผู้หญิงให้ดรันที่วัดแห่งหนึ่งเป็นอันพังครืนลงจนได้!                                                                             จากนั้น สองหนุ่มต่างวัยที่กำลังเดินมารอรถตรงมุขหน้าจึงลอบส่งรอยยิ้มกริ่มให้กัน ก่อนที่คุณอัศวินจะหันไปยกนิ้วโป้งให้อาชาเพื่อชื่นชมที่อีกฝ่าย สามารถช่วยแก้ไขสถานการณ์ให้หลานชายของตนรอดพ้นจากแผนการนัดดูตัวของรุ่งระวีได้อย่างหวุดหวิด                       อาชาเองที่กำลังยกถุงกอล์ฟเอาไปใส่ไว้ท้ายรถเบนซ์คันหนึ่งตรงหน้า ก็หันมาค้อมศีรษะรับคำชื่นชมนั้นจากคุณอัศวินอย่างยินดีเช่นกัน                                                                     
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม