9 ผู้ไม่ประสงค์ออกนาม - 1

2050 คำ
กลิ่นเหล้าที่โชยออกมาจากตัวของผู้มาใหม่ และท่าทางยืนเกือบโงนเงนนั้น ทำให้เอาพะนอขวัญรู้สึกรังเกียจขึ้นมาทันที เพราะหล่อนไม่ชอบคนดื่มเหล้าเอาเสียเลย                                             "นั่น หลานขวัญพาใครมานั่น  มันเป็นใคร!" ถามพลางขยับตัวเข้ามาหาหญิงสาว พะนอขวัญก็ยิ่งขยับตัวให้ออกห่างไปอีก   สายตาคู่ตรงหน้าที่มองดูหญิงสาว ด้วยอาการโลมเลียจาบจ้วง ในแบบที่ดรันเป็นผู้ชายด้วยกันยังมองออกว่า ผู้ชายคนนี้กำลังมองพะนอขวัญอย่างไร ให้ตายเถอะ! นี่คือสายตาของคุณลุงที่กำลังทอดมองหลานสาวตัวเองอยู่จริง ๆ หรือเปล่านั่น!                                                                                                                                      ดรันรีบเบียดตัวเข้าขวาง  พลางกำมือทั้งสองเข้าไว้ด้วยกันมั่น บ่งบอกว่าเขาพร้อมปกป้องหล่อน แล้วมองผู้ชายตรงหน้าอย่างตอบโต้ ดุดัน เขาพร้อมจะปกป้องหญิงสาว หากผู้ชายที่บอกว่าอยู่ในฐานะลุงจะเข้ามาทำอะไรหล่อน แต่จะว่าก็ว่าเถอะ นี่มันเรื่องสารเลวแบบไหน คนที่ขึ้นชื่อว่าลุงแท้ ๆ แต่กลับมองหลานสาวตัวเองด้วยสายตาชนิดนี้ หรือเพียงแค่สิ่งที่คิดเองเออเองว่าหล่อนไม่ใช่ลูกสาวแท้ๆ ของน้องสาวตน ก็เพียงพอที่ผู้ชายคนนี้จะคิดอกุศลกับหล่อนหรือ มิน่า... ป้าช้อยถึงได้ออกอาการห่วงพะนอขวัญนัก                         "มันเป็นใคร! หลานขวัญ ไอ้ผู้ชายคนนี้มันเป็นใคร..." เสียงห้าวนั้นถามออกมาอีก    "นี่คือ นายใบ้ เป็นหลานของป้าช้อยเองค่ะ ป้าช้อยลุงชดไม่อยู่ ใบ้เลยมานอนเฝ้าเรือนให้ป้าช้อย" หล่อนตอบ  "เป็นใบ้ ฮ่า ๆ ๆ! หน้าตาสารรูปไม่น่าให้เป็นใบ้เลยแต่ดู ซิ สมแล้วที่เป็นใบ้!"  อีกฝ่ายยังหัวเราะร่วนเมื่อเห็นความผิดปกติของผู้อื่นเป็นเรื่องตลกขบขัน                                                                                  พะนอขวัญจึงรีบบอกชายหนุ่มเบา ๆ ว่า "ใบ้ นี่คือคุณลุงของฉันเอง" หล่อนเผลอจับมือข้างนั้นของชายหนุ่ม ยามเห็นเขากำมือแน่นเกร็งจนเห็นเส้นเลือดปูดโปนอยู่บนหลังมือ                                                ดรันได้หันกลับมาสบตาทันที พะนอขวัญจึงรีบปล่อยมือเขา แล้วส่ายหน้าห้ามอีกครั้ง เขาจำต้องถอยไปอยู่ข้างหลังหญิงสาวหนึ่งก้าว                                                                                                   แต่ผู้ชายคนนี้ยังมองตาม พร้อมกับพูดจาหาเรื่องอีก "มองหน้ากูทำไม ไอ้ใบ้!"                                                            "ลุงทินมาทำไม..." พะนอขวัญรีบถามเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของอีกฝ่าย                                                                     สุรทินละสายตาจากผู้ชายแปลกหน้า แล้วบอกกับหล่อนว่า "มาขอยืมเงินหลานหน่อย อ้อ ไม่ได้มาเองนะ แม่รำพึงเขาใช้ให้มา บอกว่าให้มาเอาเงินที่หนูขวัญก่อนสักสองพัน"                                           "สองพัน!" พะนอขวัญอุทานขึ้น หล่อนจะต้องหาเงินลำบากลำบนมากแค่ไหน กว่าจะเก็บเงินได้เท่ากับจำนวนที่อีกฝ่ายมาขอยืมไป   ง่าย ๆ เพื่อเอาไปเล่นไพ่เช่นนี้ อีกอย่างค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่หล่อนจะต้องจ่ายอีกไม่กี่วัน และที่รวมไปถึงค่าหมอ ค่ายา ค่าโรงพยาบาลที่ต้องจ่ายให้ลุงชดด้วยอีกเล่า "ขวัญไม่มีหรอกค่ะ ที่มี ก็แค่พอจะเก็บเอาไว้ใช้จ่าย ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเงินเดือนของคนที่นี่ รวมถึงค่าใช้จ่ายอื่นๆ ด้วย"                                                                                             สุรทินส่ายหน้าด้วยความไม่เข้าใจ และไม่เชื่อ พลางบอกไปอีกว่า "เฮ้ย! ก็แค่ยืม ไม่ได้มาเอาไปเฉย ๆ เดี๋ยวแม่รำพึงเขาได้มา เขาบอกว่าจะเอามาใช้คืนให้เอง ขอล่ะ...หลานอย่ามายึกยักน่า..."               พะนอขวัญส่ายหน้าอีกครั้ง "ไม่ได้ยึกยัก แต่ขวัญให้ไม่ได้จริงๆ ค่ะ"                                                                                       "หรือจะให้แม่รำพึงของเราตามมาเอาเอง" สุรทินขู่อีก คราวนี้เอามารดาของอีกฝ่ายมาใช้อ้างด้วย แน่นอนว่าพะนอขวัญย่อมบ่ายเบี่ยงลำบาก เพราะหล่อนเกรงกลัวผู้เป็นแม่อยู่ไม่น้อย                               "แต่..." พะนอขวัญอยากร้องไห้ขึ้น ยามเห็นนิ้วกร้านทั้งห้าของอีกฝ่ายได้ยื่นมากระดิกเพื่อประกอบการขอเงิน คิดไปคิดมาแม้หล่อนไม่ให้อีกฝ่ายในตอนนี้ แต่เดี๋ยวถ้าคุณแม่มาเองจริง ๆ หล่อนก็ต้องเอาเงินมาให้จนได้                                                             หญิงสาวยืนกล้ำกลืนความเจ็บปวด ฝืนกัดฟันว่าอย่างเจ็บซ้ำ "งั้น ... รอขวัญอยู่ตรงนี้ แต่ลุงจะต้องเอามาคืนขวัญจริง ๆ นะคะ"                     "รู้แล้วน่า!" สุรทินรับปากส่งเดช แล้วยิ้มออกมาด้วยความกระหยิ่มยิ้มย่อง                                                                                 พะนอขวัญจึงถอนหายใจแรง ๆ หล่อนหมุนตัวจะเดินกลับขึ้นห้องนอน จังหวะหนึ่งได้เงยหน้าขึ้นมาสบตากับนายใบ้ เห็นเขาก้มมองหล่อนด้วยความสงสารและเห็นใจอยู่ แล้วหล่อนก็รีบเดินกลับขึ้นไปยังชั้นบน และกลับลงมาอีกครั้งด้วยเงินตามจำนวนที่อีกฝ่ายต้องการ                                                                                                ครั้นได้เงินไปแล้ว สุรทินก็ยอมจากไปเพื่อไปเล่นการพนันต่อ โดยมีสายตาของหญิงสาวมองตามหลังอีกฝ่ายไปด้วย จากนั้นหล่อนก็ค่อย ๆ ทรุดลงนั่งบนพื้นอย่างช้า ๆ คล้ายหมดเรี่ยวแรง พลางพึมพำอีกว่า "ถ้าลุงทินไม่เอาเงินมาให้ฉัน แล้วค่าหมอ กับค่าโรงพยาบาลของลุงชด ฉันจะเอาจากที่ไหนมาจ่ายให้"                                                        ดรันทนดูสถานการณ์ตรงหน้าด้วยความอึดอัด คิดตามอย่างรวดเร็วเพื่อหาลู่ทางที่จะช่วยพะนอขวัญอีกทาง!                                    ดรันตื่นแต่เช้า ความจริงจะเรียกว่าตื่นไม่ได้ ต้องเรียกว่า เมื่อคืนเขาแทบนอนไม่หลับเสียด้วยซ้ำ ครุ่นคิดอยู่กับเรื่องของพะนอขวัญ เพราะกรรมบ้าบออะไรก็ไม่รู้ ที่ดลให้เขาต้องตกมาอยู่ในสภาพของนายใบ้ อยากจะช่วยหล่อน พูดคุยก็ทำไม่ได้ จึงคิดมาทั้งคืนว่าจะรีบกลับไปจัดการบางเรื่องที่บ้านอาจณรงค์เสียที                                           ครั้นสว่างแล้วจึงลุกมาล้างหน้าล้างตา เก็บที่นอนหมอนมุ้งให้เรียบร้อย รอจนกระทั่งให้หญิงสาวลงจากชั้นบนมา จะร่ำลาหล่อนเพื่อขอกลับก่อน แต่ยามที่ได้เห็นใบหน้าอันหมองตรมของหญิงสาวที่มายืนตรงหน้าก็ทำให้ดรันเปลี่ยนใจรอดูท่าทีของหล่อนก่อน อีกทั้งสองมือของหล่อนก็เหมือนกุมอะไรบางอย่างเอาไว้ด้วย ชายหนุ่มเข้าไปยืนตรงหน้า พลางทำท่าทางตักข้าวเข้าปาก                            หญิงสาวอ่านภาษากายนี้ออก จึงบอกกลับเรียบ ๆ ว่า "ฉันยังไม่หิว และเดี๋ยวจะรีบไปหาป้าช้อยและลุงชดที่โรงพยาบาลด้วย ใบ้อยากไปมั้ย"                                                                                      ดรันนิ่งก่อนจำพยักหน้า แล้วหลุบตามองของบางอย่างในมือทั้งสองของหล่อน พะนอขวัญเองก็เผลอหลุบมองตาม แล้วจึงแบมือออกให้ชายหนุ่มดู                                                                           เป็นสร้อยทองพร้อมพระเครื่องเลี่ยมทององค์หนึ่ง ดรันโคลงศีรษะไปมาอย่างไม่ค่อยแน่ใจมากนัก แต่เขาก็ยังสัมผัสได้ลาง ๆ ว่าหญิงสาวกำลังคิดจะทำอะไรบางอย่างกับสิ่งที่อยู่ในมือ                                พะนอขวัญถอนหายใจ เอ่ยไปว่า "เงินที่ลุงทินมาเอาไป ฉันทำใจไว้แล้วว่าคงไม่ได้คืนแน่ ๆ ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ กำลังตามมา อีกอย่างค่ารักษาลุงชด..."                                                                             "แบ๊ะ ๆ!" ดรันพยายามส่งเสียง ส่ายหน้าทำนองว่า ไม่อยากให้หญิงสาวทำแบบนั้น แต่เขาก็พูดกับหล่อนไม่ได้อีก!  พะนอขวัญส่ายหน้า กล้ำกลืนว่าไปอีก "แม้จะเป็นสร้อยพระที่...คุณพ่อได้ถอดให้ฉันเก็บรักษาไว้ แต่มันไม่มีทางอื่นแล้วล่ะใบ้" แล้วจึงถอนหายใจน้ำตกจนได้ ก่อนจะเดินผ่านร่างสูงไปอย่างรวดเร็ว   ดรันเกาศีรษะอย่างยุ่งยาก หล่อนจะเอาของชิ้นสำคัญในชีวิตไปขายไม่ได้ เขาจึงวิ่งเข้าไปขวาง พลางส่ายหน้า ยกสองมือขึ้นมาห้ามอีก                                                                                    "มันไม่มีทางอื่นแล้วล่ะใบ้ ของมีค่าอื่น ๆ ก็ไม่มีแล้ว เหลือชิ้นนี้ชิ้นเดียวแล้ว" พะนอขวัญบอกอย่างเด็ดเดี่ยว จากนั้นจึงเดินตรงไปหยิบรองเท้าขึ้นมาสวม ก่อนจะลงจากเรือนไปอย่างรวดเร็ว                         ดรันต้องวิ่งตามหล่อนออกไปอย่างนั้น อย่างน้อยก็ตามไปเพื่อให้เห็นว่า หญิงสาวเอาสร้อยทองเส้นนั้นไปขายที่ร้านไหน!                       และหลังจากเดินเข้าร้านทอง เพื่อนำสร้อยทองเส้นสุดท้ายที่หล่อนมีไปขาย หญิงสาวก็เดินออกมาจากร้าน พลางเหลียวมองหานายใบ้ที่เห็นเดินตามหล่อนมาตลอด แต่ตอนนี้ เขาหายไปไหนแล้ว หล่อนจึงรออยู่สักพักแต่ก็ไม่เห็นเงาของเขา คิดว่าเขาคงกลับไปแล้วจึงได้นั่งสามล้อแล้วมุ่งหน้าไปยังโรงพยาบาลต่อทันที             ก่อนที่จะมาถึงโรงพยาบาล พะนอขวัญก็แวะซื้อข้าวและกับข้าวมาให้ป้าช้อยด้วย ครั้นมาถึงลุงชดยังนอนหลับอย่างสนิทเพราะฤทธิ์ยาอยู่บนเตียง ในขณะที่ป้าช้อยก็แกะข้าวและกับข้าวที่หญิงสาวซื้อมาให้ ก่อนจะนั่งตักข้าวเข้าปากพลาง แล้วก็ถอนหายใจพลาง            "สีหน้าป้าช้อยดูไม่ดีเลยนะ" หญิงสาวถามอย่างเป็นห่วง                   "ไม่ดีจริง ๆ น่ะแหละ เพราะตอนเช้าป้าลอง ไปถามเรื่องค่าหมอของตาแก่มา..." ป้าช้อยถอนใจแล้วว่าไปอีก "...เงินป้าและตาแก่รวมกันที่มีก็ไม่พอจ่าย จะไปเอาที่ลูกชาย มันก็คงไม่ให้ เพราะอีเมียของมันใจดำยิ่งกว่าอีกาอีก" ว่าแล้วก็ปาดน้ำตาออกจากแก้มช้า ๆ พะนอขวัญจึงรีบปลอบใจ "เรื่องนี้เอง ป้าช้อยไม่ต้องห่วงแล้ว ขวัญพอมีเงินอยู่ ขวัญจะจัดการให้เอง"  "ได้หรือ?" อีกฝ่ายเงยหน้ามองหญิงสาวด้วยสายตาประหลาดใจ "คุณขวัญจะเอาเงินมาจากไหน..."                              "เรื่องเงินนั้นป้าช้อยไม่ต้องห่วง  ขวัญบอกว่าพอมีจ่ายก็ให้เชื่อใจขวัญก็พอค่ะ"                                         "คุณขวัญจะเอาเงินที่ไหนมา" นางช้อยถามย้ำ                                "เงินเก็บของขวัญเองล่ะค่ะ" หญิงสาวตอบพลางหลบสายตาของผู้สูงวัยไปด้วย  นางช้อยส่ายหน้าอย่างไม่เชื่อ ลำพังค่าเย็บผ้าปักผ้าที่ทำส่งเขา จะทำให้หญิงสาวมีเงินเก็บสักเท่าไหร่กันเชียว ที่ได้มาแต่ล่ะครั้งก็นำไปเป็นค่าใช้จ่ายต่าง ๆ และต้องเอาไปจุนเจือคนใช้ที่บ้านแทนมารดาที่ไม่รับผิดชอบอะไรเลยอีก แค่นี้ก็ทำให้หญิงสาวแทบไม่มีเงินเหลือแล้ว จะมีเงินเก็บอย่างที่กล่าวอ้างมาได้อย่างไรกัน  นางช้อยพินิจคนตรงหน้า ที่พยายามหลบเลี่ยงสายตาไปมาเหมือนซ่อนพิรุธ แล้วจึงอุทานทันที "หรือว่า! คุณขวัญเอาสร้อยพระที่คุณผู้ชายให้ไป..."                                                                               "เบา ๆ ป้าช้อย เดี๋ยวลุงชดตื่น!" พะนอขวัญทำทีเอ็ด ความจริงหล่อนไม่อยากจะพูดถึงเรื่องสร้อยพระนั่นอีกแล้วต่างหาก                        "ใช่มั้ยคะ..." คนสูงวัยกว่าคาดคั้นอีก แต่ใช้น้ำเสียงที่เบาลงแล้ว นั่นเองที่ทำให้หญิงสาวจำต้องพยักหน้า ขืนโกหกคนตรงหน้าไปก็เปล่าประโยชน์ เพราะเวลากลับบ้านแล้วป้าช้อยจะต้องขอดูสร้อยพระที่ว่าเพื่อยืนยันแน่ ๆ                   "คุณขวัญ..." นางช้อยทำท่าอยากร้องไห้ขึ้นมา ตำหนิหญิงสาวด้วยความสงสารอีกว่า "...เอาของสำคัญที่คุณพ่อให้ไว้ติดตัวไปขายได้อย่างไรกัน"                                                                                    "ของนอกกายป้าช้อย ไม่ตายก็หาใหม่ได้"                                            "แต่นั่น คุณพ่อให้คุณขวัญไว้เพื่อเก็บรักษาแทนท่าน เพราะจะให้ลูกคนอื่น ๆ หรือคุณรำพึงเก็บก็คงไม่มีเหลือ แต่...คุณขวัญมาทำอย่างนี้ โธ่! จะทำให้ป้าอกแตกตายหรืออย่างไรคะ" นางช้อยว่าแล้วก็มองหญิงสาวด้วยความเจ็บปวด ก่อนจะเบือนหน้าหนีเพื่อเช็ดน้ำตาที่ไหลรินลงมา        
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม