5 เกลียดคนโกหก! - 2

1780 คำ
      นมแม้นจึงถอนหายใจ เวลาที่ชายหนุ่มมีความกลัดกลุ้มไม่สบายใจ จะต้องมานอนหนุนตักตัวเองแบบนี้เสมอ เพื่อคิดใคร่ครวญบางสิ่งบางอย่าง แม่นมของชายหนุ่มผู้เข้าใจเขาดีกว่าใคร เลยไม่ว่าอะไร ปล่อยให้เขาใช้ความคิดตามลำพัง ส่วนตัวเองก็สอยผ้าที่ค้างอีกนิดอย่างเงียบ ๆ ไปด้วย                       จากนั้นดรันจึงค่อย ๆ พลิกตัวนอนตะแคง มือทั้งสองกอดอกคู้เข่าทั้งคู่ขึ้นเล็กน้อย บ่งบอกว่าเป็นกริยาที่เขามักจะทำตั้งแต่เด็กเวลามีเรื่องกลัดกลุ้มใจจริง ๆ นมแม้นลอบมองชายหนุ่มไปด้วยความเป็นห่วง ดรันจึงเริ่มนึกย้อนถึงเหตุการณ์ก่อนหน้า ตอนที่พะนอขวัญได้ระบายเรื่องราวของผู้ชายที่ชื่อทรงยศคนนั้นให้กับเขาได้รับฟังว่า...      พะนอขวัญได้เจอกับทรงยศในวันหนึ่งที่หล่อนนำผ้าไปส่งที่ร้านตัดเย็บเสื้อผ้าร้านเดิม หลังจากนั้นเขาก็มักจะมาดักรอหญิงสาวแถวนั้นอยู่บ่อย ๆ เพราะทรงยศรู้สึกสะดุดตากับใบหน้าของหญิงสาวที่มีความจิ้มลิ้มพริ้มเพราของสาวแรกรุ่น          ทีแรกพะนอขวัญก็ไม่ได้สนใจผู้ชายคนนี้นัก แต่ทรงยศก็ใช้ลูกตื้อ พยายามให้หล่อนได้เห็นถึงความจริงใจที่เขามีให้ บวกกับการวางท่าทางเป็นผู้ชายที่สุภาพ อ่อนโยน ก็เพียงพอที่จะทำให้หล่อนเริ่มรู้สึกดี ๆ ต่อเขาขึ้นมาบ้าง         จากที่ไม่ค่อยมีการพูดคุยก็เริ่มมีการพูดคุย และเริ่มมีความสนิท ทรงยศก็เริ่มรบเร้าขอขับรถมาส่งหล่อนที่บ้าน พะนอขวัญที่กลัวจะถูกมารดาดุเพราะว่าเวลาหล่อนทำอะไรก็มักจะไม่เป็นที่พอใจท่านอยู่แล้ว จึงได้ปฏิเสธเขาไปทุกครั้ง   ไม่ทราบว่าการที่หล่อนบ่ายเบี่ยงเช่นนี้ และการไม่ยอมให้เขาเข้าใกล้ตัวมากกว่าการพูดคุยคงทำให้เขารำคาญหล่อนหรืออย่างไร จากนั้นชายหนุ่มจึงได้เงียบหายไปจากชีวิตของหล่อนเสียดื้อ ๆ ทิ้งปริศนาค้างคาใจว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างเขาและหล่อน                                    และปริศนานั้นก็ได้รับการคลี่คลายในเวลาต่อมา ด้วยวันหนึ่งหญิงสาวเห็นรถยนต์สีขาวคันคุ้นตาได้มาจอดอยู่ภายในบ้าน ทีแรกพะนอขวัญรู้สึกตื่นเต้น คิดเอาเองว่าเขาคงมาขอพบตัวหล่อน หญิงสาวจึงรีบจะเดินไปหาเขา แต่แล้วฝีเท้าทั้งคู่ของหล่อนก็ได้หยุดเอาไว้ตรงพุ่มดอกไม้ เมื่อเห็นพี่สาวกำลังเดินควงแขนชายหนุ่มคนนี้ออกมาจากตัวบ้าน ก่อนที่ทั้งสองจะหันไปไหว้มารดาหล่อนที่รับไหว้เขาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม พลางพูดจาอะไรกันไม่มาก เขาก็รีบเดินไปเปิดประตูให้พี่สาวหล่อนเข้าไปนั่งภายในรถยนต์คันนั้น จากนั้นทั้งสองก็นั่งรถออกไปด้วยกัน                                                                      เป็นอันว่า...พะนอขวัญก็กระจ่างใจแล้ว ที่ทรงยศหายหน้าหายตาไป นั่นเป็นเพราะเขาได้พบกับพี่สาวหล่อน แล้วรู้สึกถูกตาต้องใจมากกว่า จึงรีบสลัดหล่อนทิ้งไปอย่างไม่ใยดีนี่เอง                                                จากนั้นทรงยศก็มาที่บ้านนี้อีกหลายครั้ง เพื่อรับส่งพี่สาวหล่อนระหว่างบ้านและมหาวิทยาลัย แรก ๆ ที่เขาเจอหน้าหล่อนที่บ้าน เขาบอกกับพี่สาวหล่อนว่าไม่เคยรู้จักหล่อนมาก่อน สายตาเขาที่มีต่อหล่อนช่างว่างเปล่าเหมือนหล่อนไร้ตัวตน ไร้ความหมายในสายตาทั้งคู่ของเขา พะนอขวัญจึงรู้สึกเจ็บปวด แต่ความเจ็บปวดที่หล่อนมี ก็ไม่เทียบเท่ากับความเจ็บใจที่ตัวเองเคยเผลอไผลมีใจให้ผู้ชายโกหกพกลมคนนั้น! หล่อนจึงบอกกับตัวเองว่า ในเมื่อเขาได้ทำเหมือนหล่อนไม่มีตัวตน หล่อนก็จะทำเหมือนเขาไม่มีตัวตนเช่นกัน!              หลังจากที่ผ่านเรื่องของทรงยศไปได้ พะนอขวัญก็รู้สึกว่าตัวเองเข้มแข็งขึ้นมาอีกมาก ที่ได้ผ่านประสบการณ์ชีวิตอีกรูปแบบคือ ความรักแรกที่ไม่สมหวัง แต่หล่อนก็ไม่รู้ว่าหลังจากนั้นเขาได้ไปพูดอะไรให้กับพี่สาวหล่อนฟังหรือไม่ เพราะสกาวใจก็เริ่มมีท่าทีระแวงหล่อนมากขึ้น จากที่ไม่สนิทคลุกคลีกันเฉกเช่นพี่น้องคู่อื่น ๆ อยู่แล้ว คราวนี้สกาวใจก็ยิ่งแสดงออกถึงความชิงชังที่มีต่อหล่อนอย่างชัดเจนทีเดียว!   ชายหนุ่มที่อยู่ในชุดนอนลายทาง มีใบหน้าเคร่งเครียดดูไม่จืดเอาเสียเลย... อาชาพอจะเดาได้ตั้งแต่ตนกลับมายังคฤหาสน์อาจณรงค์แล้ว เพราะมารดาของตน แม่นมของชายหนุ่มได้เล่าถึงตอนที่ดรันกลับมาถึงแล้วก็เอาแต่นอนตักคุณแม่ของตนแล้วครุ่นคิดถึงบางเรื่องอยู่ คาดว่า น่ากลัวจะเป็นเรื่องที่เขาไปพบหญิงสาวแสนดีผู้นั้นอย่างแน่นอน ท่าทางเรื่องที่เขาได้ไปสารภาพกับหญิงสาวคนนั้นคงจะไม่ราบรื่น ก็นั่นน่ะสินะ ถ้าราบรื่นจะมานั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่อย่างนี้หรือ แต่จะล้มเหลวท่าไหน อาชาก็อยากรู้รายละเอียดด้วย  อาชาคิด ขณะที่เดินมาหาชายหนุ่มตรงมุมนั่งเล่นในสวนที่ิทั้งสองหนุ่มมักจะมานั่งพูดคุยกันถึงเรื่องต่าง ๆ อยู่เสมอ         ดรันเหลือบมองชายร่างสูงที่ตนกำลังนั่งรอตรงหน้า ชายหนุ่มตวัดมือกอดอกรอจนกว่าอาชาได้นั่งลงกับเก้าอี้ตรงหน้าจนเรียบร้อยแล้วจึงถามกลับสั้น ๆ "เพิ่งกลับมาหรือ"                                                 "ครับ" อาชารับคำก่อนจะถามไถ่ชายหนุ่มถึงเรื่องในวันนี้ "แล้วคุณรัน ตกลงวันนี้เรื่องเป็นยังไงบ้าง..."                         ดรันถอนหายใจเล็กน้อย ก่อนจะเล่าเรื่องที่เกิดภายในวันนี้ให้อาชารับฟังหมดทุกอย่าง โดยเฉพาะตอนที่เขาพยายามจะสารภาพความจริงกับหล่อนแต่ก็พลาดโอกาสนั้นเป็นครั้งแรก และเหมือนเขาจะมีโอกาสอีกครั้งที่ท่าน้ำตอนจะกลับ                                      เขาหวังจะใช้บรรยากาศอันสงบ ที่มีเพียงเขาและหล่อนแล้วจะบอกว่าเขาเป็นใคร แต่หลังจากพะนอขวัญได้ระบายความอัดอั้นเกี่ยวกับเรื่องของผู้ชายที่ชื่อทรงยศ หล่อนก็บอกเขาว่า หล่อนเกลียดคนโกหกหลอกลวงเป็นที่สุดนั่นเอง!   ดรันจึงรู้สึกราวกับได้เกิดฟ้าผ่าลงมาที่กลางอก ชายหนุ่มนิ่งอึ้งสุดจะบรรยาย เกิดภาวะยากเย็นที่จะบอกกับหล่อนว่าเขาเป็นใคร เพราะถ้าหากเขาบอกไปในยามนั้น เขาหวาดกลัวว่าหล่อนจะโกรธเกลียดเขา เหมือนดั่งที่ผู้ชายคนนั้นถูกเกลียด ก็...เพียงแค่เขาได้เห็นแววตาชิงชังของหล่อนที่มีต่อทรงยศ พลอยให้เขานึกขึ้นมาเองว่า หากว่าเขาจะถูกสายตาเช่นนี้ของหล่อนมองบ้าง เขาคงเจ็บปวดทีเดียว ...                                                                                               อีกอย่าง ชีวิตของพะนอขวัญมีแต่เรื่องน่าผิดหวัง เขาจึงไม่อาจจะเอาเรื่องนี้ไปทับถมให้หล่อนรู้สึกเจ็บปวดกับชีวิตอีก จึงยอมล่าถอยออกมาจากโอกาสที่จะสารภาพกับหล่อนเสียก่อน                          ครั้นกลับมาถึงบ้านอาจณรงค์ ก็มาคิดอย่างกลัดกลุ้มอยู่นี่ อีกทั้งความรู้สึกของพะนอขวัญที่มีต่อทรงยศ ก็ทำเอาดรันรู้สึกหนักหน่วงอยู่ในใจด้วย แม้ความสัมพันธ์ระหว่างหล่อนและผู้ชายคนนั้น จะเป็นความสัมพันธ์อันบางเบา เหมือนคนที่แผ้วพานเข้ามาในชีวิตของกันและกัน ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ทว่า ดรันกลับรู้สึกปวดยอกอยู่ในหัวใจไม่น้อยด้วย  อาชาอดหัวเราะหึ ๆ ๆ ออกมาไม่ได้ แม้ว่าผู้ชายที่อยู่ในฐานะทั้งเพื่อนหรือเจ้านายจะมีใบหน้าที่บึ้งตึงเพียงใด ครั้นรู้ตัวแล้วว่าตนกำลังถูกดรันมองอย่างไร อาชาจึงรีบเม้มริมฝีปากเข้าไว้ด้วยกันเสีย                                                                               "นี่ใช่เรื่องตลกมั้ยนั่น!" ดรันดุชายหนุ่มที่นั่งตรงกันข้ามออกมา เขากำลังปวดหัวจะตายชัก แต่อาชากลับหัวเราะออกมาเสียอย่างนี้            "ขอโทษที่ผมเผลอหัวเราะ แต่ผมไม่ได้หัวเราะเยาะคุณรันหรอกนะ ผมแค่คิดว่า ทำไมจึงมีอุปสรรคใหญ่ขนาดนี้เกิดขึ้นมาได้"       "ก็ใช่น่ะสิ ยากจะหาโอกาสบอกความจริงกับหล่อนอยู่แล้ว ครั้นมีโอกาส แต่ก็มามีเรื่องเกิดขึ้นกับหล่อนแล้วทำให้หล่อนต้องมาเกลียดคนโกหกหลอกลวงเสียได้ ในตอนนั้นฉันจึงไม่รู้จะทำอย่างไรต่อ ก็เลยปล่อยโอกาสเลยตามเลยไปก่อน" ดรันเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงขมขื่นทีเดียว                                                                                                                                         "แล้วต่อนี้ไปจะทำอย่างไรต่อไปล่ะครับ"  "นั่นน่ะสิ..." ดรันเอ่ยเพียงเรียบ ๆ คิดไม่ตกขึ้นมา แล้วก็พลอยนึกถึงอีกเรื่องที่สำคัญไม่แพ้กันขึ้นมาอีก "แต่ว่า เรื่องที่ให้นายไปตามหานายใบ้ตัวจริงไปถึงไหนแล้ว"                                                                                                                              "อ้อ..." อาชาก็เหมือนจะเพิ่งนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมาได้เช่นกัน "ผมก็จะรายงานเรื่องนี้ให้คุณรันทราบอยู่พอดี วันนี้ผมให้คนไปช่วยกันตามหานายใบ้ตัวจริง เราได้เบาะแสของนายใบ้ตัวจริงมาแล้ว คาดว่าไม่น่าจะเกินสองวันก็คงพบตัวนายใบ้ตัวจริงครับ"                                                                                                                                             ดรันพยักหน้ารับอย่างเคร่งขรึมรับด้วยความพึงพอใจ พลางสำทับอาชาด้วยน้ำเสียงจริงจังอีกว่า "ดี...ถ้าพบตัวนายใบ้ตัวจริง นายจะต้องรีบพานายใบ้มาพบฉันให้เร็วที่สุด เพราะในช่วงที่ฉันยังหาทางบอกความจริงแก่หล่อนไม่ได้ ฉันจึงต้องรีบเก็บตัวนายใบ้ตัวจริงเอาไว้ให้มิดชิดที่สุดก่อน ฉันยังไม่อยากให้ความมาแตกเพราะมีนายใบ้ถึงสองคน อีกอย่างที่สำคัญมาก ฉันจะต้องเป็นคนบอกความจริงกับหล่อนด้วยตัวเอง จะให้หล่อนรู้เรื่องนี้จากใครคนอื่นไม่ได้!"                                          อาชาค่อนข้างเห็นด้วย กับคำพูดอันเคร่งเครียดของดรัน เพราะถ้าหากความมาแตกเอาเสียก่อนในตอนนี้ น่ากลัวว่าผู้ที่เป็นทั้งเจ้านายและทั้งเพื่อนของตัวเอง คงหาโอกาสที่จะแก้ตัวกับหญิงสาวคนนั้นได้ยากทีเดียว หรือบางที หล่อนอาจจะไม่ให้โอกาสเลยซ้ำ เพราะหล่อนได้บอกกับดรันด้วยตัวเองมาแล้วว่า…                                                                                                      หล่อนเกลียดคนโกหก หลอกลวงมากที่สุด...เสียด้วยสิ!                               
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม