“คุณเพอร์ซูสพอจะรู้ไหมครับว่าทำไมจู่ๆ น้องแพทถึงตัดสินใจย้ายกลับไปอยู่เมืองไทยปุบปับแบบนี้”
สีหน้าของเพอร์ซูสเต็มไปด้วยความกระอักกระอ่วน แต่ก็จำต้องพูดสิ่งที่ตัวเองเข้าใจออกมา
“ถ้า...ถ้าผมคิดไม่ผิด แพทน่าจะเสียใจที่...คุณเพนน์แต่งงานน่ะครับ”
คำตอบของเพอร์ซูสทำให้เพเรอคลิสรู้สึกละอายใจ และก็ทำให้คนที่ยืนฟังอยู่หลังบานประตูเจ็บลึกลงไปในอก สองมือที่ทิ้งอยู่ข้างลำตัวกำแน่นเป็นหมัด สันกรามกระด้างขบกันจนขึ้นสันนูน
“ถ้าคุณเพนน์ไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวกลับก่อนนะครับ จะเข้าไปดูบริษัทสักหน่อย”
“เชิญตามสบายครับ ผมไม่ไปส่งนะครับ”
“ไม่เป็นไรครับคุณเพนน์ แค่นี้ก็ถือว่าเมตตาผมมากแล้ว” เพอร์ซูสลุกขึ้นยืน ก่อนจะโค้งศีรษะให้อีกครั้ง
“ผมไปนะครับ”
“โชคดีครับ”
เพอร์ซูสกล่าวขอบคุณเพเรอคลิสอีกครั้งก่อนจะหมุนตัวเดินออกไปจากห้องรับรอง สะดุ้งเล็กน้อยเมื่อเห็นมาริออสยืนอยู่ที่ด้านซ้ายของบานประตู
“สวัสดีครับคุณมาร์ซ”
มาริออสยิ้มเย็นชาให้ ก่อนจะเดินผ่านเพอร์ซูสเข้าไปหาพี่ชายในห้องรับรอง
“อ้าว มาร์ซ วันนี้กลับเร็วผิดปกตินะเนี่ย”
คำทักทายของพี่ชายทำให้มาริออสทำหน้ายุ่ง “พี่เพนน์ทักผมแบบนี้อีกคนละ”
“อ้าว ก็มันจริงนี่ ปกตินายไม่เคยกลับบ้านเวลานี้สักหน่อย”
คนเป็นน้องชายตีหน้ายุ่งมากยิ่งขึ้น ขณะกระแทกตัวลงนั่งบนโซฟาตรงกันข้ามกับพี่ชาย
“ผมกลับบ้านเร็วหรือกลับช้ามันก็ขึ้นอยู่กับอารมณ์น่ะครับ”
“แล้วที่กลับเร็วนี่ อารมณ์ดีหรืออารมณ์บูดล่ะ”
มาริออสกระแทกลมหายใจออกมาแรงๆ พลางเอนกายพิงพนักโซฟา
“ถ้าให้พี่เดา ท่าทางจะอารมณ์ไม่ดี ใช่ไหม”
“ก็นิดหน่อยครับ”
“ใครทำล่ะ”
มาริออสอยากจะตะโกนบอกพี่ชายออกไปเหลือเกินว่าเขาทำตัวเอง แต่ก็จำต้องซ่อนเอาไว้
“ไม่มีหรอกครับ”
เพเรอคลิสหัวเราะร่วน ก่อนจะพูดติดตลกออกมา “นี่ถ้าเป็นเมื่อก่อน พี่คงคิดว่าเป็นน้องแพทแน่ๆ ที่ทำให้หน้าหล่อๆ ของคุณชายสี่งอหงิกได้ถึงเพียงนี้”
ได้ยินชื่อของพิมรักมาริออสก็ยิ่งหงุดหงิด “ยายผู้หญิงประสาทนั่นไม่มีอิทธิพลต่ออารมณ์ของผมหรอกครับ”
เพเรอคลิสแทบหัวเราะก๊าก
“แต่เท่าที่พี่จำได้ นายหน้าหงิก และหงุดหงิดทุกครั้งที่ต่อปากต่อคำกับน้องแพทนะ”
“พี่เพนน์เลิกพูดถึงชื่อนี้สักทีเถอะครับ ผมลืมไปหมดแล้ว ขนาดนึกหน้ายังนึกไม่ออกเลยครับ”
เพเรอคลิสอยากจะถามออกไปนักว่าพูดจริงหรือเปล่า แต่พอเห็นหน้าหงิกงอของน้องชายแล้วก็จำต้องทำนิ่งไว้
“ว่าแต่นายเถอะ เข้ามาหาพี่มีธุระอะไรกับพี่หรือ”
“ผมเห็นคุณเพอร์ซูสมาหาพี่เพนน์”
“ใช่ เพิ่งกลับออกไปเมื่อกี้เอง นายก็น่าจะสวนกับเขานะ”
มาริออสพยักหน้าน้อยๆ “ครับ ผมเดินสวนกับเขาพอดี ว่าแต่เขามาทำไมหรือครับ” ชายหนุ่มรู้อยู่แล้วเพราะได้ยินชัดเจน แต่ก็แกล้งถามออกไปจนได้
“เรื่องเงินน่ะ”
“มากู้เงินหรือครับ”
“ใช่”
“แล้วทำไมไม่ไปกู้ธนาคารล่ะครับ น่าจะดีกว่ามากู้พี่เพนน์”
“เจ้าลาซไม่ปล่อยกู้น่ะ แล้วธนาคารอื่นก็ไม่ยอมปล่อย”
“แล้วทำไมเราต้องช่วยด้วยล่ะครับ”
ปากของมาริออสไม่เคยตรงกับใจเลยแม้แต่ครั้งเดียว หากเรื่องนั้นเกี่ยวข้องกับพิมรัก
“เพราะพี่สงสารน้องแพท”
“ยายผู้หญิงประสาทนั่นมีอะไรน่าสงสารครับ แค่เห็นหน้าก็แทบจะอาเจียนออกมาเป็นของเสียอยู่แล้ว”
“นายก็พูดเกินไป พี่เห็นน้องแพทมาตั้งแต่เด็ก นายเองก็เหมือนกันไม่ใช่หรือ ยังไงพี่ก็ทนเห็นครอบครัวของน้องแพทลำบากไม่ได้หรอก ยังไงก็ต้องช่วย”
“น่าจะปล่อยให้ล้มละลาย” มาริออสเบ้ปากใส่ ทั้งๆ ที่ภายในใจก็รู้สึกไม่ต่างจากพี่ชาย
“แล้วพี่เพนน์ปล่อยกู้ไปเท่าไหร่ครับ”
“ห้าสิบล้าน”
“เยอะนะครับ”
“ใช่ แต่พี่ก็ตัดสินใจแล้วละ”
มาริออสตวัดขาขึ้นไขว่ห้าง ใบหน้าหล่อจัดมีรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ “แล้วถ้าผมจะขอเสนอตัวเป็นเจ้าหนี้ของคุณเพอร์ซูส พี่เพนน์จะว่ายังไงครับ”
เพเรอคลิสแทบสำลักกาแฟที่กำลังดื่น เขาหันมาจ้องหน้าน้องชายอย่างอัศจรรย์
“นายเนี่ยนะ จะยื่นมือเข้ามาช่วยน้องแพท”
“ผมยื่นมือเข้าไปช่วยคุณเพอร์ซูสครับ ไม่ใช่ยายผู้หญิงประสาทนั่น”
เพเรอคลิสหัวเราะขบขัน เพราะคิดว่าน้องชายล้อเล่น “จะช่วยคุณเพอร์ซูส หรือว่าช่วยน้องแพทมันก็เหมือนกันนั่นแหละ ว่าแต่นายไม่ได้จะทำอย่างที่พูดจริงๆ ใช่ไหม”
นัยน์ตาของมาริออสที่สบประสานกับพี่ชายเต็มไปด้วยความจริงจังจนเพเรอคลิสลำบากใจ
“มันจะยุ่งหนักนะ ถ้านายเป็นเจ้าหนี้คุณเพอร์ซูสจริงๆ”
“นี่พี่เพนน์เห็นผมเป็นคนใจร้ายหรือครับ”
“ไม่ใช่อย่างนั้น แต่พี่เกรงว่านายจะเอาความเป็นเจ้าหนี้ไปกลั่นแกล้งน้องแพทน่ะสิ”
“แหม มีเมียแล้วยังเป็นห่วงกันอีกนะครับ เดี๋ยวผมจะฟ้องแซนดี้”
“เฮ้ย นายพูดบ้าอะไรเจ้ามาร์ซ พี่ไม่เคยคิดอะไรกับน้องแพทมาตั้งแต่ต้น ถึงตอนนี้ก็ไม่ได้คิดด้วย” เพเรอคลิสโวยวายเสียงดังลั่น
มาริออสยักไหล่กว้างน้อยๆ และทำหน้ายียวน “ก็ใครจะไปรู้ล่ะครับ นึกว่าเกิดอยากได้ขึ้นมาอีก”
“ไอ้น้องระยำ พูดจาแบบนี้ครอบครัวพี่แตกแยกกันพอดี”
“ก็ถ้าพี่เพนน์ไม่อยากให้ครอบครัวมีปัญหา ก็อย่าเสี่ยงเข้ามาวุ่นวายกับยายเด็กประสาทนั่นเลยครับ เพราะถึงพี่เพนน์ไม่ได้คิดอะไรกับยายนั่น แต่ยายนั่นคิดอะไรกับพี่เพนน์เต็มประตูเลย หรือว่าไม่จริงครับ”
เพเรอคลิสเต็มไปด้วยความลำบากใจ “งั้นนายจะต้องสัญญากับพี่ก่อนว่าจะไม่เอาความได้เปรียบของตัวเองไปกลั่นแกล้งน้องแพท”
มาริออสแทบจะซ่อนรอยยิ้มเจ้าเล่ห์เอาไว้ไม่มิด “ผมจะไปกลั่นแกล้งแม่นั่นได้ยังไงกันล่ะครับ ผมอยู่เอเธนส์นะ ส่วนยายนั่นเปิดร้านดอกไม้อยู่ที่เมืองไทย”
“นี่นายรู้ได้ยังไงว่าน้องแพทเปิดร้านดอกไม้ที่เมืองไทย”
เพเรอคลิสจ้องหน้าน้องชายเขม็ง
“ผมก็แค่...เดาเอาน่ะครับ” หนุ่มผู้น้องรีบกลบเกลื่อน และเปลี่ยนเรื่องในทันที
“ว่าไงล่ะครับ พี่เพนน์จะให้ในสิ่งที่ผมขอหรือเปล่า”
แม้จะรู้สึกเป็นห่วงความปลอดภัยของพิมรัก แต่เพเรอคลิสก็ไม่อยากทำให้แสนดีหวาดระแวง
“ก็ได้ งั้นเดี๋ยวทนายของพี่ร่างสัญญาเสร็จเมื่อไหร่ พี่จะส่งไปให้นายก็แล้วกันนะ”
มาริออสอมยิ้มก่อนจะผุดลุกขึ้นยืน “ไม่รบกวนหรอกครับพี่เพนน์ ผมโทร. ไปสั่งให้ทนายของผมร่างหนังสือสัญญาให้แล้วละครับ อีกหนึ่งชั่วโมงก็คงจะเสร็จแล้ว”
“เฮ้ย เจ้ามาร์ซ นี่นายเตรียมพร้อมขนาดนี้เชียวหรือ”
มาริออสหัวเราะถูกใจ “ขอบคุณนะครับที่ยอมตามใจผม ผมขอตัวก่อนนะครับ”
“แล้วนั่นนายจะไปไหน เจ้ามาร์ซ”
หนุ่มหล่อที่กำลังจะเดินพ้นประตูออกไปหยุดเดิน ก่อนจะหันกลับมาตอบคำถามพี่ชาย
“ไปบ้านคุณเพอร์ซูสครับ”
“ไปทำไม”
“ก็ไปเซ็นสัญญากู้ยืมเงินยังไงล่ะครับ ผมไปก่อนนะครับพี่ชายสุดที่รัก” มาริออสโค้งศีรษะให้พี่ชายอย่างหยอกล้อ ก่อนจะหายออกไปจากห้องรับรอง
เพเรอคลิสถอนใจออกมาอย่างเป็นกังวล “ไอ้น้องชายคนนี้มันมีแผนอะไรกันแน่นะ ดูมีลับลมคมในพิกล”