“กูแค่จับมือเมียตัวเองผิดตรงไหน”
“แค่หน้าที่แฟนมึงยังทำไม่ได้เลย อย่ามาสะเออะเรียกยัยนั่นว่าเมีย” ไอ้ดินเกรี้ยวกราดผิดหูผิดตามาก เวลามันอารมณ์ไม่ดีน่ะน่ากลัวจริง ๆ
แล้วให้ตายเหอะ คำพูดของมัน...
“แล้วมึงมาเป็นเดือดเป็นร้อนเหี้ยไรนัก!” หนึ่งผลักอกไอ้ดินอย่างหมดความอดทน “มึงหวงเพื่อนเกินหน้าเกินตาไปนะ หรือมึงคิดไม่ซื่อกับฟ่าง?”
“หนึ่ง!” เป็นฉันที่ทนไม่ไหวจนต้องขึ้นเสียงและแทรกกายเข้าไปอยู่กึ่งกลางของทั้งสองคน เหลือบมองหนึ่งเพียงไม่กี่วินาทีก็เคลื่อนสายตากลับไปทางเพื่อนตัวดีซึ่งกำลังยัวะได้ที่ เราสบตากันเล็กน้อย ก่อนที่ตัวมันจะเป็นฝ่ายเบือนหลบ
ดังนั้นฉันจึงหันกลับมาทางอดีตแฟน กล่าวว่า “เราเลิกกันแล้วหนึ่ง เพราะงั้นจะไปตายไหนก็ไป”
“หนึ่งพูดตอนไหนว่าเลิก!” หนึ่งแสดงพฤติกรรมก้าวร้าว ดวงตาแดงก่ำเหมือนรับไม่ได้ที่ฉันพูดคำว่าเลิกซ้ำแล้วซ้ำเล่า “หนึ่งไม่เลิกกับฟ่าง”
“หยุดตื๊อได้แล้ว รำคาญ!”
เหมือนคุยกับสัตว์ชนิดหนึ่ง...ที่พูดยังไงก็ไม่เข้าใจ
“หรือจริง ๆ แล้วฟ่างก็มีคนอื่นเหมือนกัน...”
เป็นบ้าเหรอ? พูดจนปากจะฉีกถึงหูอยู่แล้วก็ยังดื้อด้าน ซ้ำยังคิดไปเองเป็นตุเป็นตะ
ฝ่ายนอกใจคือตัวมันแท้ ๆ แค่สำนึกผิดแบบจริงใจ ยอมรับแบบแมน ๆ น่ะทำยากตรงไหน ผลสุดท้ายเมื่ออะไรไม่ได้ดั่งใจก็กล่าวหาคนอื่น
คิดว่าทำแบบนี้แล้วความผิดที่ตัวเองก่อจะลดน้อยลงเหรอ
สันดานหมาจริง ๆ
“มึงนี่ชักจะลามปากละ!” ไอ้นนท์คงทนไม่ไหวเหมือนกันเลยพูดขึ้นบ้าง
“ฟุ๊คฟิกรู้จักอีฟ่างดี มันไม่มีทางนอกใจแฟนตัวเองหรอกค่ะ” ไอ้ฟลุ๊คอยู่ทีมฉัน
“ถึงเจ๊ฟ่างจะดูไม่แคร์ใครเท่าไหร่ แต่ลึก ๆ แล้วเจ๊แกให้เต็มร้อยนะครับ” ไอ้ธามสำทับ
“เออ กูรู้จักเพื่อนกูดี” ไอ้เอย์เอ่ยบ้าง
ฉันรักพวกมันตรงนี้แหละ แม้ปากหมาไปหน่อย แต่ก็ไม่เคยทอดทิ้งกัน
“จริง ๆ หนึ่งไว้ใจฟ่าง แต่หนึ่งไม่ไว้ใจมัน” หนึ่งมองผ่านไหล่ฉันไป ตรงนั้นมีไอ้ดินยืนอยู่
หมับ...
“ไม่ไว้ใจก็เรื่องของมึง” ไอ้ดินเดินมาตอนไหนไม่รู้ รู้ตัวอีกทีท่อนแขนแกร่งก็โอบเอวฉันไว้ซะแล้ว ฉันหันมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของอีกฝ่ายด้วยความสงสัยและไม่พอใจจากการใกล้ชิดเกินจำเป็น “เพราะแม้แต่ตัวกูเอง กูยังไม่ไว้ใจเลย”
ประโยคสุดท้ายเหมือนไอ้ดินจงใจลดเสียงลงหลายระดับเพื่อให้ได้ยินเพียงฉันและหนึ่งเท่านั้น ไม่ใช่แค่เสียงหรอกนะ แต่ริมฝีปากเย็นชืดของมันยังแตะโดนใบหูฉันเล็กน้อยอีกด้วย ครั้นฉันดิ้น มันก็กระซิบต่ออีกครั้ง หากทว่าคราวนี้มีเพียงเราสองคนที่ได้ยิน... “ฉันกำลังหาทางไล่มันอยู่”
“ทำแบบนี้แล้วมันจะไป?” ที่ถามใช่ว่าฉันจะยอมร่วมมือ แต่เพราะรู้นิสัยไอ้ดินไง
มันโรคจิต...ชอบหาเรื่องแทะเล็มกันตลอด
“อือ” คนโรคจิตพยักหน้า ก่อนหันกลับไปมองหนึ่งอีกครั้ง
ขณะนั้น ไม่รู้อะไรดลใจให้ฉันเคลื่อนสายตาไปทางอีหยงซึ่งยืนเงียบอยู่นานแล้ว และตอนนี้มันกำลังมองฉันสลับไอ้ดินด้วยสายแปลก ๆ แปลกที่ว่าก็ประมาณ ‘ทำไมพวกแกต้องกอดกันด้วยอะ?’
จริงสินะ...ลืมไปเลยว่าไอ้ดินกับอีหยงกำลังคุย ๆ กันอยู่ ไม่รู้หรอกว่าไปถึงขึ้นไหนกันแล้ว และต่อให้มีคนวิ่งแจ้นมาบอก...ฉันก็ไม่ฟังอยู่ดี
เพราะสำหรับฉัน หากไอ้ดินอยากหาเมียสักคน มันจะเอาใครก็ได้ แต่ต้องไม่ใช่อีหยง
ฉันไม่ชอบมัน ยอมรับว่าบางครั้งฉันก็ไม่เคยมีเหตุผลมาอธิบายเวลาได้เกลียดใคร
ยัยนั่นเพิ่งเข้ากลุ่มเราได้ไม่นานนักเนื่องจากเทียบโอนมา ก็จัดว่าเป็นคนหน้าตาดีมากคนหนึ่ง ซ้ำยังโดดเด่นในทุก ๆ การกระทำ เพราะเหตุผลนั้นจึงทำให้เพื่อนผู้ชายในกลุ่มหวงแหนออกหน้าออกตา ส่วนไอ้ดิน...ก็เป็นประเภทที่ว่า 'ถ้าได้ก็เอา ไม่ได้ก็ไม่เสียหายอะไร'
“มึงคิดไม่ซื่อกับฟ่างจริง ๆ สินะ” ถามพลางลดระดับสายตามองเอวฉันที่ถูกโอบกอด “ฟ่าง...เฮ้ย”
หนึ่งกำลังจะพูดอะไรสักอย่างต่อจากนั้น แต่แล้วก็ต้องร้องเสียงหลง เพราะอยู่ดี ๆ ไอ้ดินก็ใช้ฝ่ามืออีกข้างคว้าปลายคางฉัน ออกแรงรั้งเข้าไปใกล้ก่อนจัดการประกบริมฝีปากลงมาแนบชิดอย่างรวดเร็ว!
เดี๋ยวนะ ไอ้ดินกำลังจูบฉัน จูบต่อหน้าเพื่อนทุกคน! จูบท่ามกลางสายตาคนภายในร้านซึ่งมีมากกว่าสิบคู่!
ปึก!
ฉันระดมทุบตีอีกฝ่ายทันที คิดไม่ถึงเลยว่ามันจะมาไม้นี้ เสียงร้อง ‘เฮ้ย’ ของเพื่อน ๆ และคนรอบข้างดังเข้ามาในโสตประสาทพร้อมกับเสียงของปลายลิ้นที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่ในริมฝีปากฉัน
ละ...ลิ้นเข้ามาตอนไหน!
อึก...
เพื่อนเลวจัดการทุกอย่างอย่างเนิบนาบ หากแต่แฝงความดิบเถื่อนจนหายใจยากลำบากลงทุกชั่วขณะ รู้ตัวอีกทีสัมผัสที่อีกฝ่ายมอบให้ก็ทำฉันสำลัก ต้องใช้หมัดต่อยไหล่ไปอีกสองครั้งแบบเน้น ๆ
ไม่รู้เลยว่าเราอยู่ในสภาพนี้นานแค่ไหน แต่ท่อนแขนข้างที่โอบเอวเริ่มเคลื่อนไหวและเปลี่ยนตำแหน่งมาวางพาดบนสะโพกของฉันแทน
ปล่อยนะ ปล่อย
ฉันครางอู้อี้อยู่ในคอ เพราะจนถึงตอนนี้แล้วไอ้ดินก็ยังไม่ยอมปล่อยฉันให้เป็นอิสระ กระทั่งหนึ่งนาทีผ่านพ้นไป มันถึงยอมผละออก หากแต่ยังอยู่ใกล้กันจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจร้อนผ่าวของกันและกัน
นัยน์ตาคมกริบสะท้อนภาพฉัน...
“มันไปแล้ว” ก่อนกระซิบเสียงพร่าอยู่ใกล้ ๆ จนริมฝีปากเราชนกันอีกครั้งแบบเฉียดผ่าน
ผัวะ!
ตอนนั้นหูฉันอื้อมาก ความโกรธ ความอาย ทุก ๆ อย่างประเดประดังเข้ามาจนต้องระบายด้วยการเหวี่ยงหมัดใส่หน้าเพื่อนเลวอย่างไม่ออมแรง
ความรุนแรงที่ฉันประเคนให้มากพอจะทำให้อีกฝ่ายถลาออกไป มันยกมือลูบมุมปากตัวเองโดยสองตาไม่ละห่างไปจากฉัน จุดนั้นมีเลือดซิบด้วย เป็นหลักฐานชั้นดีว่าฉันเอาจริง และกะเอาตาย
“ไอ้เฮงซวย นายเป็นบ้าไรวะ!” หลังต่อยมันเสร็จ ฉันก็ยกนิ้วชี้หน้า “ใครใช้ให้มาจูบ!”
“ก็...ไล่มันเฉย ๆ” ไอ้ดินให้เหตุผล “พอฉันจูบเธอ ไอ้เวรนั่นแม่งก็รับไม่ได้จนเดินออกจากร้านไปแล้ว”
คำอธิบายสุดแสนงี่เง่าทำฉันปรี๊ดแตกจนต้องวิ่งเข้าไปต่อยมันอีกหลายครั้ง ตาย มันต้องตายเท่านั้น อย่าอยู่เลยไอ้สันขวาน “โอ๊ยฟ่าง เจ็บน้า เจ็บ ๆ ๆ”
“บัดซบเอ๊ย”
เตรียมตบกะโหลกอีกสักครั้งหวังให้มันหน้าทิ่มดิน แต่สุดท้ายก็จำต้องหยุดลงมือ เปลี่ยนมาฮึดฮัด กระทืบเท้าเดินเข้าห้องน้ำอย่างช่วยไม่ได้
ก็ไอ้เพื่อนรักทั้งหลายน่ะสิ แทนที่จะห้ามบ้างอะไรบ้าง ดันยืมยิ้มกริ่มไม่ไหวติง คล้ายมีเพียงฉันคนเดียวที่ดิ้นจะเป็นจะตายขนาดนี้
เมื่อมาถึงฉันก็ปิดประตูห้องน้ำดังตึง! ทิ้งตัวนั่งบนฝาชักโครกหวังระงับอารมณ์เคืองขุ่นซึ่งไม่มีทีท่าจะลดลงเลยแม้แต่นิด
ท้ายที่สุดเมื่อการทำสมาธิมันไม่ได้ผล ฉันจึงใช้เวลาที่มีอยู่ไปกับการทุบโน่นทุบนี่เป็นสิบ ๆ ครั้ง แต่ไม่นานหลังจากนั้น ความเดือดดาลที่ค่อย ๆ ลดลงก็คล้ายจะกลับมาโหมกระพือ
ก๊อก ๆ
“ฟ่าง แกโอเคเปล่าอะ” เป็นอีหยงที่เคาะประตูเรียก
บอกตามตรง ฉันไม่อยากออกไปเจอหน้ามันให้หงุดหงิดกว่าเดิม ทว่าถึงจะเป็นแบบนั้น ฉันก็หยัดตัวขึ้น เปิดประตูไปเผชิญหน้ากับเพื่อนรัก (?)
“...” หากแต่ไม่พูดอะไร
ให้เดานะ ลึก ๆ แล้วมันคงไม่พอใจที่ไอ้ดินจูบฉันแน่ ๆ
“ดินมันคงอยากช่วยแกอะ” อีหยงยิ้มหวาน “ไม่ต้องคิดมากหรอก มันก็เป็นคนแบบนั้นแหละ ทำอะไรบ้า ๆ บอ ๆ บางครั้งก็โผงผางจนน่าหงุดหงิด ถึงวิธีจะแปลกไปหน่อย แต่...”
“...”
“มันแค่อยากช่วย ‘เพื่อน’ เฉย ๆ ไง”