“เพื่อนเขาไม่จูบกันนะ แกรู้ใช่ไหม?” ฉันถามเสียงนิ่ง ทำเอารอยยิ้มบนริมฝีปากของมันค่อย ๆ เจื่อนลง ไม่ได้อยากยั่วโมโหนะ แต่รำคาญจริง ๆ ไอ้นิสัยชอบคิดแทนคนอื่นเพื่อปลอบใจตัวเองเนี่ย
แม้ฉันไม่ได้คิดอะไรกับไอ้ดินเลยก็เถอะ แต่พอเห็นหน้าอีหยงรวมถึงคำพูดในลักษณะนั้น ปากมันก็ขยับไปเอง
“ถึงบอกไงว่าที่ดินทำแบบนั้นเพราะอยากไล่หนึ่งไปจากแก”
“แหม หึงน่าดูเลยนะ” แหย่พร้อมทั้งเดินชนไหล่หยงไปบริเวณหน้ากระจกห้องน้ำ โดยไม่ลืมแอบมองปฏิกิริยาคู่สนทนาผ่านเงากระจก เห็นได้ชัดว่ามันโกรธแต่เลือกเม้มริมฝีปากระงับอาการ
สงสัยกลัวมาดนางเอกละครหลุดล่ะมั้ง
ก็อยากรู้เหมือนกันว่าจะทนเป็นผู้หญิงไร้พิษภัยได้สักกี่น้ำ
“ตอนนี้ยังไม่ได้เป็นอะไรกัน พูดว่าหึงเต็มปากเต็มคำไม่ได้หรอก” หลังเงียบไปพักหนึ่ง มันก็เดินมาล้างมือที่ซิงก์ข้าง ๆ ฉัน “แต่...ก็อาจจะเป็นเร็ว ๆ นี้แหละ”
ฉันทันเห็นรอยยิ้มของมัน แม้แค่เสี้ยววินาที แต่นั่นน่ะ...เหมือนจงใจขยี้ฉันให้จมดินเลย
“ก็ขอให้ได้เร็ว ๆ ละกัน เผื่อจะหายคันบ้าง” ฉันขยี้คืน
“แกเป็นไรอะ ทำไมต้องพูดแบบนี้ตลอดเลย” ทนฟังไม่ได้ถึงกับต้องละความสนใจจากการล้างมือแล้วหันมาจ้องหน้าฉันตรง ๆ แววตาใสซื่อนั่นคืออะไร? “เกลียดไรกันหรือเปล่า เห็นเป็นแบบนี้มาตั้งแต่ฉันเข้ากลุ่มใหม่ ๆ แล้วอะ”
ก็ยังจะมีหน้ามาถาม รู้อยู่แก่ใจแต่ดันแกล้งโง่
เอ๊ะ หรือโง่จริงคะ?
“รู้ตัวไว้ก็ดี” หลังล้างมือเสร็จฉันก็สลัดน้ำออกแรง ๆ จนกระเด็นโดนแขนอีหยง มันก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าว แต่ก็เดินเข้ามาคว้าแขนในครั้งที่ฉันเตรียมออกไปข้างนอก
แบบนี้แถวบ้านเรียกบีบ...
“คุยกันดี ๆ สิฟ่าง ฉันอยากเป็นเพื่อนกับแกนะ”
ดูออกว่ามันอยากคุยกับฉันเนื่องจากในกลุ่มมีเราเป็นผู้หญิงแค่สองคน แต่ฉันเป็นคนที่ถ้าเกลียดใครจะไม่ยอมเสแสร้งแกล้งคุยดีด้วย
แล้วก็นะ เพราะเราเป็นผู้หญิงด้วยกัน แม้มันแสดงออกว่าอยากสานสัมพันธ์ แต่รู้นะว่ามันเองก็ไม่ชอบฉันเหมือนกัน แล้วจะตอแหลเพื่อ?
“ทำไมฉันต้องคุย ปล่อย!” ฉันสลัดมือมันออก แต่สงสัยว่าคงใส่แรงมากเกินไปหน่อย เจ้าตัวจึงรั้งฉันไว้ไม่อยู่ ในขณะที่หลังมือฉันฟาดเต็มแก้มขาวเนียนจนเกิดเสียงดัง ‘เพียะ!’ ตามมา
“แค่นี้ต้องตบกันเลยเหรอ!” อีหยงยกมือกุมแก้มตัวเองอย่างตกใจ ส่วนฉันน่ะเหรอ? ก็แค่มองรอยแดงตรงส่วนนั้นด้วยสายตาเฉยชา ยุ่งเองทำไม...พอเจ็บตัวก็คิดว่าถูกรังแกซะงั้น “ฉันคุยกับแกดี ๆ เปล่าวะฟ่าง ไม่พอใจอะไรฉันนักเหรอ”
“คราวหลังก็ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน แล้วก็ไม่ต้องมาพูดเรื่องไอ้ดินกรอกหูฉันด้วย”
ปึก!
กล่าวจบก็เตรียมเดินออกจากห้องน้ำ แต่จังหวะหมุนตัว หน้าผากดันกระแทกกับแผงอกแข็ง ๆ ของใครบางคนซะก่อน ครั้นเงยหน้าขึ้นจึงพบว่าเป็นไอ้ดินนั่นเอง ตายยากจริงนะ
“ตามมาดู เห็นหายไปนานทั้งคู่” เพื่อนสารเลวเป็นฝ่ายพูดขณะมองฉันสลับอีหยง “ทำไมแก้มช้ำขนาดนั้นวะหยง”
“ก็...” นางเอกละครทำเสียงอ้อมแอ้ม “เกิดอุบัติเหตุนิดหน่อยน่ะ ไม่มีไรหรอก”
“แน่ใจ?” พระเอกผู้แสนดี...ถามอีหยงคล้ายไม่เชื่อ พลางใช้นิ้วก้อยของตัวเองเกี่ยวนิ้วก้อยฉันเอาไว้แบบหลวม ๆ ราวกับเป็นรั้งเมื่อฉันทำท่าจะเดินหนี เสียงทุ้มกระซิบเบา ๆ ในเวลาต่อมา ซึ่งฉันมั่นใจว่าเราได้ยินแค่ ‘สองคน’ เท่านั้น “เพื่อนเขาไม่จูบกัน...เมื่อกี้ฉันได้ยินที่เธอพูดนะ”
“...”
“ถ้าไม่ใช่เพื่อนแล้วอะไร แฟน หรือมากกว่านั้นครับ?”
“ถามแบบนี้สงสัยอยากเป็นผัวฉันจนตัวสั่น” ฉันกระซิบกลับ น้ำเสียงไม่สบอารมณ์นัก ยังโกรธที่มันถือดีจับฉันจูบต่อหน้าคนในร้านอยู่เลย ก็คิดในแง่ดีนะว่ามันแค่อยากช่วยฉัน
แต่เข้าใจไหม ฉันอายจนจะเป็นบ้าอยู่แล้ว
จับมือยังพอทน กอดกันยังพอไหว
แต่ข้ามขั้นมา ‘Deep Kiss’ นี่โคตรไม่โอเค
“ตัวไม่สั่นหรอก” ไอ้ดินตอบ พลันนั้นนิ้วก้อยถูกเกี่ยวแน่นขึ้น...ผิวของมันเย็นเฉียบและร้อนรุ่มในเวลาเดียวกัน “ที่สั่นน่ะ หัวใจฉันต่างหาก”
เสี่ยวจนอยากอ้วกเลย
ผัวะ
ด้วยความขนลุกขนพอง ฉันจึงสลัดมือมันออก ก่อนใช้กำปั้นต่อยท้องไปหนึ่งทีเป็นการสำทับ แต่ไอ้ดินไม่มีท่าทีเจ็บปวด เพียงเบ้หน้าพอเป็นพิธีเท่านั้น
ฉันตวัดตามองมันแค่ไม่กี่วินาทีก็เดินจากมา ไม่สนหรอกว่าสองคนนั้นจะทำอะไรกันต่อ เมื่อมาถึงโต๊ะ เพื่อนทุกคนมองฉันตาเป็นมันราวสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากไอ้ดินไปตามที่ห้องน้ำ
“ไม่ต้องมามอง” ฉันทิ้งตัวนั่งบนเก้าอี้ แย่งแก้วเบียร์ไอ้เอย์มาดื่มจนหมด ทำเอาเจ้าตัวกะพริบตาปริบ ๆ กลับมา “เอาเหล้ามา เอามาเยอะ ๆ!”
ฉันสั่ง ไหน ๆ พรุ่งนี้ก็ไม่มีเรียนแล้ว ขอดื่มให้สะใจไปเลย
อยากลืมเรื่องเฮงซวยในวันนี้ให้หมด!
“เจ๊ฟ่างใจเย็น ทำไมต้องฉุนเฉียวตลอดเวลาขนาดนี้ด้วยล่า~” ไอ้ธามกระเถิบเข้ามานั่งใกล้ ๆ พร้อมนวดไหล่ให้ฉันอย่างเอาอกเอาใจ
“ขอเพียว ๆ จัดมา!”
แค่เหล้า แค่เบียร์ ฉันน่ะไม่เมาง่าย ๆ หรอก
แต่ถ้าเมาแอ๋จนหมดสติจริง ๆ ยังไงไอ้เพื่อนเวรทั้งหลายก็ต้องแบกฉันกลับหอพักอยู่แล้ว
Din Describe.
ผมเดินกลับไปที่โต๊ะพร้อมหยง ก่อนหน้านี้เราคุยกันนิดหน่อยซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรนัก ฟ่างไม่ชอบหยงตั้งแต่แรกเห็น เธอบอกผมตลอดว่าไม่อยากให้หยงเข้ามาอยู่ในกลุ่ม แต่หยงเพิ่งเทียบโอนมาได้ไม่นาน เธอไม่มีเพื่อน ไอ้นนท์เลยพาเข้ามาแนะนำให้รู้จัก รู้ตัวอีกทีเธอก็เข้ามาพัวพันกับพวกเราทุกคนแล้ว
หยงสวยดี ผมเลยคุยตามประสา มีคนรู้บ้างว่าเราสองคนคุย ๆ กันอยู่ ซึ่งถือเป็นเรื่องดีในประเด็นหนึ่ง เพราะความสวยของหยงทำให้ผู้ชายเข้ามาป้วนเปี้ยนบ่อยเกินจำเป็น แล้วบางคนแม่งตื๊อจนน่ารำคาญ ผมเลยทำให้ชัดเจนขึ้นจนพวกเวรนั่นเริ่มถอยห่างไป
เอาตรง ๆ ผมไม่ได้เจตนาจีบหรืออะไรกับหยงเท่าไหร่นัก แต่มันเป็นสันดานของผู้ชายที่ว่า...ชอบผู้หญิงสวย พอเขาเล่นด้วยผมก็เออออ
และถ้าหากหยงให้...ผมคงเอา
...มั้ง
“นาน” เสียงไอ้เอย์ดังขึ้นเมื่อเห็นผมเดินกลับมาพร้อมหยง มันหรี่ตามองเราสองคนอย่างจับผิด “ห้านาที...หรือว่า...”
“ไอ้เหี้ย หยุดคิดไกล” รีบห้ามก่อนไอ้เอย์จะคิดลึกไปมากกว่านี้ “อ้าว แล้วไอ้ฟ่างมัน...” จากนั้นจึงลากสายตาไปทางฟ่างซึ่งกำลังนั่งหน้าแดงเถือกอยู่ฝั่งตรงข้ามกัน ไม่พูด ไม่จา เอาแต่ดื่มเหมือนกำลังชอกช้ำระกำใจจนต้องใช้น้ำเมาเข้าสู้
แต่ไม่น่าใช่...
ถ้าเสียใจ ฟ่างไม่มีทางดื่มเหล้าเด็ดขาด ตัดทิ้งไปได้เลยไอ้เรื่องเสียใจเพราะถูกแฟนหักหลังเนี่ย
อ้อใช่ ฟ่างเป็นคนชอบดื่มหนัก ๆ เวลาหงุดหงิดหรือโมโหอะไรสักอย่างนี่หว่า โมโหผมหรือเปล่าวะ? แบบว่า...เพิ่งจูบไปอะ
จูบเหรอ...อ่อนหัดนะ แต่หวานแปลก ๆ
เพียะ
“เฮ้ย! มึงตบหน้าตัวเองทำไมวะไอ้ดิน”
ไอ้นนท์ถามอย่างตกใจ เพราะอยู่ดี ๆ ผมก็ยกมือตบแก้มตัวเองอย่างแรง แรงชนิดทำสติพร่าเลือนไปหลายวินาที
“กูรู้สึกหื่น” ตอบเมื่อความเจ็บแปรเปลี่ยนเป็นชายิบ “ไม่ตบหน้าเรียกสติ เดี๋ยวเตลิด”
“ห๊ะ? อะไรมึงงง ออกจากห้องน้ำมาพร้อมหยงก็หื่นแตกเลยเหรอ” ไอ้นนท์ทำเสียงกรุ้มกริ่ม ส่วนผมยกมือข้างเดิมลูบรอยตบเบา ๆ
“ถ้าหื่นจากในห้องน้ำ ป่านนี้กูคงยังไม่เสร็จ มึงก็รู้...กูอึดแค่ไหน” ผมเอ่ยติดตลก แต่บังเอิญสายตาเคลื่อนไปทางหยงพอดี เธอหลบตาผมทันที
ตอนพูดแบบนี้กับฟ่าง ยัยนั่นไม่เห็นมีปฏิกิริยาแบบนั้นบ้างเลย ดีแต่ตบตี ตะโกนใส่หน้าปาว ๆ
เชอะ มันน่าน้อยใจยิ่งนัก...
“อะไร ๆ ๆ ๆ ทำไมไอ้เฮียนนท์มันถึงรู้ว่าเฮียดินอึด อย่าบอกนะว่า...!”
ไอ้ธามทำหน้าสอดรู้สอดเห็น มันนั่งอยู่ข้าง ๆ ฟ่างซึ่งตอนนี้เอาแต่ดื่มไม่สนใจใคร
“มันบอกกูเอง อย่าคิดเยอะไอ้เด็กเปรต” ไอ้นนท์รีบอธิบาย
“แล้วไอ้ฟ่างมันจะดื่มอีกนานไหมนั่น สภาพโคตรไม่ไหว” ผมละความสนใจจากทุกอย่าง จ้องมองเพียงแค่ยัยมารร้ายที่หมดฤทธิ์เดชไปเป็นที่เรียบร้อย
“กูห้ามแล้ว แต่มันไม่ฟัง แถมด่ากูอีก” ไอ้เอย์ฟ้องเสียงเรียบ แอบเบะปากนิดหน่อย “พวกมึงอยู่หอเดียวกัน พามันกลับไปด้วยละกัน”
“ได้” ผมพยักหน้าโดยไม่ต้องคิด ฟ่างเป็นคนคอแข็งนะเมื่อเทียบกับผู้หญิงด้วยกัน แต่คงดื่มไปเยอะนั่นล่ะถึงได้อ่อนปวกเปียกขนาดนั้น
“กลับอะไร ไม่กลับ...” ฟ่างคงได้ยินที่พวกเราคุยกันเลยเอ่ยเสียงอู้อี้กลับมา “ค่อยกลับดึก ๆ ก็ได้ ดึก ๆ ไง ดึกเลยยย”
“เออ งั้นกูรอให้ร้านใกล้ปิดก่อนค่อยพามันกลับแล้วกัน” ผมบอกเพื่อน ๆ ทุกคน
เอาแต่ใจจริงนะ ยัยมารร้าย...
เวลา 23:55 นาฬิกา
เพื่อน ๆ ทยอยกันกลับทีละคน
ไอ้ธามกลับก่อนใครเพราะเมียโทรตาม
ไอ้เอย์เป็นรายต่อมาเพราะต้องรีบกลับไปทำการบ้านหลังจากดองมาสามวัน
ไอ้ฟุ๊คฟิกเป็นคนที่สามเพราะป้ามันเพิ่งส่งข้อความบอกว่าน้อง ‘ฟูฟ่อง’ แมวสุดที่รักท้องเสีย
ไอ้นนท์กลับพร้อมหยงเพราะไม่เหลือคนให้คุยด้วย บ้านหยงอยู่ทางเดียวกับมันพอดีเลยติดรถไปด้วยกันบ่อย ๆ
ส่วนผม...
ยังอยู่ที่แอลกอฮอล์กับฟ่าง
“ถ้าไปไม่ไหวมึงจะพาไอ้ฟ่างไปพักข้างในก็ได้นะ มีห้องอยู่” พี่เคย์เจ้าของร้านเดินมาบอกหลังจากเห็นฟ่างเอนตัวหนุนตักผมเป็นที่เรียบร้อย คือ...ผมเป็นคนไปนั่งข้าง ๆ ยัยนั่นเอง
“ตอนเมาแล้วแม่งดื้อ กูกลัวทำมันตกรถเหมือนกัน” บอกพี่เคย์แต่ก้มมองฟ่าง ยัยนี่คงคำนวณไว้แล้วว่าดื่มมากคงไม่เป็นไรเพราะพรุ่งนี้ไม่มีเรียน แถมยังมั่นใจว่าเพื่อนต้องพาตัวเองไปส่งอย่างปลอดภัย
ตอนแรกผมกะอุ้มฟ่างขึ้นบิ๊กไบค์แล้วพาไปส่งหอ แต่อย่างที่บอก สภาพแบบนี้ ผมกลัวทำยัยตัวดีตกรถจริง ๆ
“ก็พาไปข้างใน ให้มันนอนพักจนกว่าจะหายแฮงก์ กูมีกุญแจสำรอง สบายใจได้”
“เค ขอบใจ”
หลังเอ่ยจบก็อุ้มฟ่างไปด้านใน ผมค่อนข้างคุ้นเคยกับที่นี่เพราะมาบ่อย เรียกได้ว่าว่างเป็นต้องมา นอกจากหอและมหาวิทยาลัย แอลกอฮอล์ก็เหมือนบ้านหลังที่สามของผมและผองเพื่อน “เอวเสื้อนี่ก็ไม่รู้จะลอยไปไหน เห็นนมหมด”
อดบ่นไม่ได้เมื่อเสื้อเอวลอยที่ฟ่างสวมอยู่...เลิกขึ้นกว่าเดิมจนเห็นขอบชั้นใน
“บ่นไร รำคาญ” ผมผงะนิดหน่อย ครั้นเลื่อนสายตาขึ้นมองใบหน้าเจ้าของคำพูดเมื่อครู่ ก็พบว่ายัยนั่นยังดูไม่ได้สติเหมือนเดิม เมื่อครู่นี้คงพึมพำไปตามประสา
“นอนซะยัยขี้เมา” เข้ามาด้านในผมก็จัดการวางฟ่างไว้บนเตียงทันที ทว่าก่อนหมุนตัวออกมาข้างนอกเพื่อสูบบุหรี่ ฟ่างก็ยกมือสะเปะสะปะเหมือนต้องการอะไรสักอย่าง “ไรวะ”
ผมจึงก้มหน้ามองพลางขมวดคิ้ว
แล้วให้ตายเหอะ
ทำไมต้องแก้มแดงขนาดนั้นด้วย
ฟ่างจัดว่าเป็นผู้หญิงหน้าตาดี รูปร่างโคตรขยี้หัวใจ แถมผิวยังขาวหมดจดแทบเห็นเส้นเลือด เวลาโดนแดดหรือกินเหล้ามาก ๆ เนื้อตัวจึงแดงโดยอัตโนมัติ โดยเฉพาะบริเวณผิวแก้ม...แดงเหมือนมะเขือเทศเลย
คราวหลังไม่ต้องแดกแล้วไอ้เหล้าเนี่ย ตัวแดงแล้วโคตรน่ารัก!
...แล้วผมจะเกรี้ยวกราดทำไมก่อน
“ขอผ้าเย็น ๆ” เสียงแหบแห้งกระซิบบอกแบบไม่ค่อยได้ใจความเท่าไหร่ แต่เพราะเราอยู่ใกล้กันพอสมควรผมจึงได้ยิน ผมเดินไปหยิบผ้าเย็นและจัดการเช็ดหน้าให้ยัยนั่นเงียบ ๆ จนแน่ใจว่าเจ้าตัวไม่โวยวายหรือหงุดหงิดแล้วจึงจะออกไปสูบบุหรี่ข้างนอก แต่...
หมับ!
“เฮ้ ไอ้ฟ่าง...”
คราวนี้มือที่ยื่นมาสัมผัสตัวผมไม่ใช่การกวาดไปมาอย่างไร้ทิศทาง หากแต่เป็นการคว้าหมับโดนเป้ากางเกงกันพอดิบพอดี แตะนิดหน่อยยังพอไหว ลูบไล้ยังพอทน แต่เล่น ‘ขยำ’ เต็มไม้เต็มมือขนาดนี้...
แข็ง...อย่างไม่ต้องสงสัย