“อยากได้เธอเป็นเมีย”
“ตลกมาก?” ฉันแทบจะปาแก้วเหล้าใส่หน้ามัน “วกเข้าเรื่องนี้อยู่ได้ เป็นบ้าไรนัก”
“ไม่ได้เป็นบ้า ก็แค่...” ไอ้ดินยิ้มมุมปากทั้ง ๆ ที่ยังคาบบุหรี่อยู่ นัยน์ตาคมกริบจดจ้องฉันอย่างมีความหมาย “เป็นคนที่รักเธอ”
“โอ๊ย พวกมึงสองตัวนี่มัน...แต่งงานกันไหมจะได้จบ ๆ”
เป็นไอ้นนท์ที่พูดขึ้น เวลาฉันกับไอ้ดินตอบโต้กันทีไร มันชอบโผล่เข้ามากลางวงคล้ายห้ามปราม แต่จริง ๆ แค่เข้ามายุยงส่งเสริมให้เราได้กันเร็ว ๆ มากกว่า
ยังไงดีล่ะ คือก่อนฉันกับไอ้ดินจะเข้ามาอยู่กลุ่มเดียวกัน เคยมีคนพูดบ่อย ๆ ว่าเราสองคนหน้าตาคล้ายกันมาก บางคนคิดว่าเราเป็นพี่น้องกันด้วยซ้ำ แต่กับบางคน...โดยเฉพาะไอ้นนท์เนี่ย คิดว่าเราเป็นเนื้อคู่อะไรก็ไม่รู้! จะอ้วก! ต่อให้บนโลกนี้เหลือหมอนั่นเพียงคนเดียว สาบานว่าฉันจะไม่เอาทำพันธุ์เด็ดขาด ขนาดเป็นเพื่อนยังขนาดนี้เลย
“มึงก็พูดไปไอ้สัดนนท์ อยู่ ๆ จะแต่งงานได้ไง มันต้องเป็นไปตามขั้นตอนดิ” ที่พูดน่ะ เหมือนจะจริงจังนะ แต่ต้องมาดูให้เห็นกับตาตอนนี้ว่าปฏิกิริยาของไอ้ดินไม่ได้เปลี่ยนไปจากตอนแรกเลย ทีเล่นทีจริงมากกว่า
“สมัยนี้เค้าก็เอากันก่อนแต่งทั้งนั้นแหละมึง”
ตุ้บ!!
“ไอ้นนท์! หยุดพูดได้แล้ว” ด้วยความทนไม่ไหว ฉันจึงใช้มือตบโต๊ะแรง ๆ จนแก้วเหล้าและกับแกล้มบนโต๊ะสั่นสะเทือนราวเกิดแผ่นดินไหว
ไอ้เรื่องเลว ๆ น่ะเข้ากันได้เป็นปี่เป็นขลุ่ยเลยนะไอ้พวกนี้
“โหยไอ้ฟ่าง ก็แซวเล่น ๆ ป่าวว้า ไม่หน้าตึงเนอะ” ไอ้นนท์หัวเราะคิกคัก มันก็เห็นเป็นเรื่องสนุกได้ทุกอย่างนั่นแหละ “เนอะไอ้ดินเนอะ เพื่อนแซวเล่นเฉย ๆ ไม่เห็นต้องโกรธเกรี้ยวเลยง่า”
“ไอ้ฟ่างมันเกลียดกู อย่าแซวเยอะ” เสียงไอ้ดิน “มาแซวกูแทน กูชอบ”
“ชอบไรเหยอ ชอบฟ่างอ๊ะเปล่า”
เอาล่ะ คืนนี้จะต้องมีการนองเลือด
หมายถึงเลือดหัวไอ้นนท์น่ะ!
“ไอ้นนท์!” คราวนี้ฉันทำท่าจะตบหัวไอ้นนท์ให้หลุดออกจากบ่า แต่สงสัยว่าแต้มบุญมันคงเยอะน่าดู เพราะไม่ทันได้สั่งสอนอย่างที่ใจคิด...
“อีฟ่าง! อย่าบังอาจมารังแกผัวนนท์ของฟุ๊คฟิกนะ!”
เสียงแหบห้าวซึ่งถูกดัดให้เล็กลงแต่กลับน่ากลัวเหมือนเสียงควายออกลูกทำเอาไอ้นนท์ยิ้มออกที่มีคนเข้ามาเซฟมันให้รอดพ้นจากอันตราย
ใช่สินะ!
แม่ทัพมาแล้วนี่ ยิ้มออกก็ไม่แปลก
คืองี้ คนมาใหม่คือไอ้ฟลุ๊ค เป็นสาวประเภทสองที่ยังไม่ได้ผ่าตัดแปลงเภทหรือเทกฮอร์โมน เพราะแบบนั้นรูปร่างของมันจึงใหญ่โตบึกบึนสมชายชาตรี...ขัดกับการสวมเสื้อเอวลอยและกระโปรงสั้นจู๋โดยสิ้นเชิง
หืม...
อะไรวับ ๆ แวม ๆ ตรงหว่างขานะ ลืมแต๊บมาแน่ ๆ
ผู้ชายในกลุ่มเราจัดว่าหน้าตาดีทุกคน และอีฟุ๊คฟิกก็เหมารวมว่าพวกมันเป็นผัวนางหมดเลย แน่นอนว่ายกนี้มันเข้าข้างผู้ชายเหมือนเคย มาถึงก็มองตาเขียวใส่ฉันอีกแล้ว
“ฟุ๊คฟิกต้องจัดการให้นนท์นะรู้เปล่า” ว่าแล้วไอ้นนท์ก็ฟ้องแม่ทัพยกใหญ่ “ไอ้ฟ่างมันป่าเถื่อนจะตาย นนท์จะไปสู้อะไรมันได้อะ”
“กระแดะ!” ฉันกระแทกเสียงใส่
“กัดกันตลอดเลยพวกมึง” ตอนแรกคิดว่ามีแค่ไอ้ฟลุ๊คคนเดียวที่มา แต่เมื่อหันไปมอง...ปรากฏว่ามากันทั้งกลุ่ม รวมถึงอีหยงที่ยังคงแต่งตัวโป๊เป็นเรื่องปกติ อ้อ เสียงเมื่อกี้เป็นของไอ้เอย์ อยู่ปีหนึ่ง
“หูววว วันนี้เจ๊ฟ่างแต่งตัวโคตรแซ่บ” นี่เป็นเสียงไอ้ธามเพื่อนรุ่นเดียวกับไอ้เอย์ มันชอบใช้สรรพนามแบบนั้นกับฉันอยู่แล้ว ต้องบอกก่อนว่าถึงไอ้ธามจะอายุน้อยสุดในกลุ่ม แต่มันมีแฟนแล้วนะ เป็นรุ่นพี่ที่เพิ่งเรียนจบไปหมาด ๆ
“แต่งตัวเเซ่บเกิน คืนนี้โดนไอ้หนึ่งจัดหนักแน่ ๆ”
“พูดถึงไอ้เวรนั่นทำไม!”
เห็นเพื่อน ๆ มากันครบฉันก็อารมณ์ดีนะ แต่พอไอ้เอย์เอ่ยชื่อใครบางคนขึ้นมา...สภาพอารมณ์ก็พลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือทันที
หนึ่ง...จะใครล่ะถ้าไม่ใช่แฟนเก่าฉัน
ที่ก่อนหน้านี้ไม่ได้เอ่ยชื่อมัน เพราะไม่มีค่าพอให้เอ่ยถึงเฉย ๆ
“เฮ้ย ใจเย็นดิ” ไอ้นนท์ดึงแขนฉันทันที “เพื่อนพูดเล่นเฉย ๆ ไหม”
จริงสินะ นอกจากไอ้ดิน ยังไม่มีใครรู้ว่าฉันเลิกกับแฟนแล้ว
“แต่ฉันไม่เล่น ฉันกับมัน...”
ตึง!!
พูดไม่ทันจบประโยคดี เสียง ‘ตึง’ ดึงให้พวกเราทุกคนเปลี่ยนจุดโฟกัสทันที
เมื่อกี้ฉันเห็นไอ้ดินกระดกเหล้าเข้าปากไปอึกหนึ่ง และที่มาของเสียงคือการที่มันใช้แก้วดังกล่าวกระแทกกับโต๊ะ สายตาของมันไม่ได้มองใครในกลุ่มเราเลย ฉันมองตามสายตามัน กระทั่งเห็นว่าจุดที่ไอ้ดินโฟกัสคืออีหยง ไม่สิ คนที่เดินตามอีหยงมาต่างหาก
แฟนเก่าเฮงซวย...มันมาทำไม!
“ฟ่าง...หนึ่งอยากคุยด้วย” หนึ่งทำหน้าหงอยเมื่อหยุดอยู่ตรงหน้าฉัน แวบหนึ่งฉันเหลือบมองอีหยงที่คาดว่าเป็นคนพาอดีตแฟนฉันมาด้วย
“กูไม่ให้มึงคุย” เป็นไอ้ดินที่โต้ตอบ...
“กูพูดกับฟ่าง” เหมือนหนึ่งจงใจกระแทกหน้าไอ้ดินด้วยคำว่า 'อย่าเสือก' แบบสุภาพ เกิดความเงียบชั่วอึดใจหนึ่งก่อนข้อมือฉันจะถูกผู้มาใหม่คว้าไปจับไว้ “ฟ่าง...”
“อย่ามาจับ”
ฉันสลัดฝ่ามือหนึ่งออกทันที ตอนเย็นมันเอามือข้างนั้นสัมผัสผู้หญิงคนอื่น ไม่สิ จริง ๆ แล้วคงมากกว่าการสัมผัสธรรมดา
ภาพตอนพวกมันกำลังสนุกสุดเหวี่ยงบนเตียงยังติดตาฉันอยู่เลย
...น่ารังเกียจ
“ฟ่างต้องฟังที่หนึ่งพูดนะ” หนึ่งเป็นผู้ชายหน้าด้านและช่างตื๊อฉันก็พอรู้ แต่แบบนี้มันไม่เกินไปหน่อยเหรอ หลักฐานคาตาขนาดนั้นยังจะต้องอธิบายอะไรอีก “หนึ่งไม่ได้นอกใจฟ่างนะ หนึ่ง...”
ไม่ได้นอกใจแต่นอกกาย นี่ใช่ไหมที่อยากบอก?
“ฉันไม่ได้กินหญ้าเป็นอาหาร ไสหัวไป” ฉันจ้องหน้าหนึ่ง “บอกให้ไป!”
“เฮ้ย ใจเย็น ๆ กันก่อน พวกมึงทะเลาะกันเหรอ” เสียงไอ้นนท์ดังขึ้นเมื่อฉันเริ่มกำหมัดแน่น
“มันเอากับผู้หญิงคนอื่นลับหลังฉัน” ฉันเพิ่มระดับเสียงให้ดังพอที่เพื่อน ๆ ทุกคนจะได้ยิน หนึ่งส่ายหน้าเป็นพัลวัน ลนลานคว้ามือฉันไปบีบอย่างดื้อด้านราวต้องการยืนยันความบริสุทธิ์ใจ
คราวนี้ฝ่ามือของฉันถูกบีบไว้อย่างแนบแน่น พยายามสลัดออกทว่าก็ไม่เป็นผล
“ผู้หญิงคนนั้นเข้ามาหาหนึ่งเองนะ” ข้ออ้างโคตรทุเรศ
“หยุดเห่า ไม่ฟัง!” ขบฟันกรอดพลางพยายามเอามือออกจากการเกาะกุม “เอามือสกปรก ๆ ออกไป”
“ที่เพื่อนกูบอก มึงไม่ได้ยินเหรอ หรือหูตึง?” ประโยคต่อมาไม่ใช่ของฉัน หากแต่เป็นไอ้ดินที่เดินมาหยุดอยู่ข้าง ๆ กัน
มันหลุบตามองฝ่ามือฉันที่ยังถูกบีบอย่างแนบแน่น สีหน้าดุดันและน่ากลัว “ปล่อยมือไอ้ฟ่าง”
จดจ้องบริเวณนั้นได้ไม่นานไอ้ดินก็กระซิบลอดไรฟันคล้ายอดทนอดกลั้นอย่างเต็มที่ เส้นเลือดปูดโปนบริเวณลำคอบ่งบอกว่าสภาพอารมณ์ตอนนี้ไปไกลกว่าคำว่าโกรธ
“มึงหยุดสะเออะสักเรื่อง” หนึ่งตอบโต้อย่างไม่กลัวตาย
ต่อมาเลยกลายเป็นว่าทั้งสองกำลังจ้องหน้ากันคล้ายประกาศสงคราม
และใช่...ตอนนี้คนอื่น ๆ ภายในร้านเริ่มมองมาที่เราแล้ว ฉันตกเป็นเป้าสายตาอีกครั้ง เพื่อนในกลุ่มมองฉัน มองหนึ่ง มองไอ้ดินสลับกันเหมือนกำลังคิดว่าควรทำยังไงต่อไปดี กระทั่งหน่วยกล้าตายอย่างไอ้ธามเข้ามากระชากฝ่ามือหนึ่งออกไป แน่นอนว่าหนึ่งยอมปล่อยในที่สุด
“พวกเจ๊ ๆ เฮีย ๆ ก็เคลียร์กันดี ๆ อย่าใช้กำลังกันเลยนะ คนมองใหญ่แล้ว” ไอ้ธามพยายามไกล่เกลี่ย
“อีฟ่างก็ฟังที่หนึ่งพูดหน่อย ไม่โอค่อยเลิกก็ได้” เสียงไอ้ฟลุ๊คกะเทยเถื่อนดังขึ้น
“กูว่าไม่ต้องฟังละ มึงนอกใจไอ้ฟ่างไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมยังสลอนหน้ามาถึงที่นี่?” แต่ไอ้นนท์มีความเห็นต่างจากไอ้ฟลุ๊ค
“กูไม่ได้นอกใจ” หนึ่งตอบ “ฟ่าง...”
อดีตแฟนพยายามจะเข้ามาหาฉันอีกครั้ง แต่คราวนี้ไอ้ดินก้าวเท้าเข้ามาบังฉันไว้ ซึ่งความสูงของมันน่ะ...ทำให้ฉันมองเห็นแค่แผ่นหลังกว้างเท่านั้น วูบหนึ่งไอ้ดินเอี้ยวหน้ากลับมาและก้มมองมือฉันซึ่งถูกหนึ่งบีบอย่างรุนแรงในก่อนหน้านี้ จากนั้นถึงค่อยหันกลับไปทางเดิมอีกครั้ง
“ไม่เคยมีไอ้เวรตัวไหนทำมือเพื่อนกูเป็นรอย” คำพูดดังกล่าวทำให้ฉันก้มมองมือตัวเองด้วยความสงสัย กระทั่งพบว่าผิวตรงส่วนนั้นปรากฏรอยแดงให้เห็นเป็นปื้นเล็กน้อย
เล็กน้อยแทบมองไม่เห็นด้วยซ้ำ