บทที่1.2

1368 คำ
รู้ไหม มีหลายสิ่งที่ฉันเกลียดแสนเกลียด หนึ่งในนั้นคือการแบ่งแยก โดยเฉพาะเรื่องเพศ...ฉันขยะแขยงตรรกะที่ว่าผู้หญิงสู้ใครไม่ได้ ผู้หญิงอ่อนแอ ผู้หญิงงี่เง่า ผู้หญิงไม่ควรมีเรื่องกับผู้ชาย งั้นถามหน่อยเหอะ ถ้าการฮึดขึ้นสู้มันหมายถึงกร่าง แล้ว...มีอะไรที่ฉันทำได้บ้าง? “แล้วนายล่ะ ที่ทำอยู่ไม่เรียกกร่างแล้วเรียกอะไร?” ฉันเลิกคิ้ว “หน้าตัวเมียไหม หรือมีอะไรที่เป็นได้มากกว่านั้นเช่น...เหี้ย” “อี...” ผัวะ! ก่อนมีคำด่าเล็ดลอดออกมา หมัดหนัก ๆ ของใครสักคนก็พุ่งเฉียดผิวแก้มฉันไป ก่อนปะทะเต็มสันจมูกของฝ่ายตรงข้ามจนได้ยินเสียงกระดูก แน่นอนว่าความรุนแรงดังกล่าวส่งผลให้มันปล่อยมือจากคอเสื้อฉันโดยอัตโนมัติ “ใครใช้ให้มึงมารังแกเพื่อนกู!” ฉันหันไปมองต้นตอของเสียง...พบว่าเป็นไอ้ดิน ตอนนี้มันก้าวเท้ามาหยุดยืนเคียงข้างกัน ส่วนข้อมือของฉัน...ไม่รู้เลยว่าถูกมันกอบกุมไว้ตั้งแต่ตอนไหน “มะ มึง ไอ้...” “ไอ้อะไร หรือมึงจะเอา?” ไอ้ดินใช้นิ้วอีกข้างชี้หน้าคู่กรณี คิดไว้ว่าต้องมีสงครามต่อจากนี้แน่ ๆ แต่... “ทำไมพวกมึงต้องมาตีกันในร้านกูอีกแล้ววะไอ้พวกเด็กเวร!” ถือว่าโชคยังดีที่พี่เคย์ซึ่งเป็นเจ้าของร้านเหล้าวิ่งเข้ามาแทรกกลางซะก่อน “ก็มันทำร้ายไอ้ฟ่าง” ไอ้ดินตอบเสียงห้วน มันเป็นคนที่ดูออกง่ายมาก ๆ เวลาอารมณ์เสีย แต่...บีบข้อมือเพื่อ? “ไอ้พี่เคย์ มึงปล่อยให้พวกสถุลนี่จุ้นจ้านไอ้ฟ่างอยู่ตั้งนาน ทำห่าไรอยู่” ว่าแล้วเพื่อนเวรก็หันไปเอ็ดพี่เคย์ ทำเอาเจ้าของร้านออกอาการเหวอผสมงง ๆ แต่ก็ยอมเอ่ยต่อ “พวกมึงก็ใจเย็นกันหน่อย นี่ร้านเหล้า ไม่ใช่สนามมวย” พี่เคย์พยายามใจเย็นและเป็นกลาง “กูขอเตือนพวกมึงครั้งสุดท้ายนะ ถ้าคราวหน้ายังมาต่อยกันในร้านกูอีก...เรื่องถึงหูตำรวจแน่” “ตำรวจก็ตำรวจดิ” ไอ้ดินพึมพำ อ้อ พี่มันเป็นตำรวจนี่นะ เส้นใหญ่แหละ “เจอข้างนอกเมื่อไหร่ กูไม่ปล่อยแม่งแน่” เพราะคำว่าตำรวจจากปากพี่เคย์ ทำให้ฝ่ายนั้นต้องชี้หน้าไอ้ดินเป็นการทิ้งท้าย ก่อนพากันยกโขยงออกจากร้านไป กระทั่งทุกอย่างกลับมาเป็นปกติ ไอ้ดินจึงพูดขึ้น “ฟัค...รู้งี้น่าจะเอาให้สลบในหมัดเดียว” “ยังไงก็เถอะ” ฉันถอนหายใจขณะหลุบมองข้อมือที่ยังถูกกอบกุม “ทีหลังอยากจับมือฉันก็บอกดี ๆ อย่ามาเนียน” “ห๊ะ...” เพื่อนรัก (?) มีท่าทีสงสัย ก่อนก้มมองข้อมือของฉันในเวลาต่อมา ซึ่งตอนนั้นเอง... ‘พึ่บ!’ มันก็สลัดข้อมือฉันออกอย่างฮาร์ดคอร์ คล้ายไม่ได้ตั้งใจทำแบบนี้ ก็เกือบจะดีอยู่แล้วเชียว... “ฉันไม่ได้อยากจับมือซะหน่อย...ที่อยากจับจริง ๆ คือนมต่างหาก” ผัวะ ฉันถึงกับต้องยกมือขึ้นตบกะโหลกจนเจ้าของคำพูดสุดแสนสัปดนเซไปตามแรงนำพา คำสบถหยาบคายถูกพ่นออกมาหลายต่อหลายคำในช่วงเวลานั้น “ไม่ใช่ผัวก็อย่าเยอะ” สั่งสอนจนหนำใจแล้วก็ชำเลืองมองมันที่กำลังยกมือลูบศีรษะตัวเองป้อย ๆ “เธอก็ไม่ใช่เมีย อย่าเล่นหัวดิ ไม่ชอบ!” ฉันรู้ ไอ้ดินไม่ชอบให้ใครเล่นหัว ก็เพราะรู้นั่นแหละถึงได้ทำแบบนี้ คราวหน้าคราวหลังจะได้หัดสงบปากสงบคำบ้าง “‘หัวข้างล่าง'มีก็เล่นไป แต่หัวข้างบนไม่โอเค” หัวข้างล่างงั้นเหรอ ได้เลย... ฉันลดระดับสายตามามองเป้ากางเกงมันทันที พอทำท่าจะเดินเข้าไปเตะ ไอ้ดินก็รีบยกมือกุมเป้าตัวเองเป็นการปกป้อง แหม เสียดายจัง “ฉันบอกแล้วไงว่านายมันปอดแหก” ยิ้มนิด ๆ เพื่อตอกย้ำคำพูดเมื่อช่วงเย็น ทำเอามันหัวเสียจนต้องยกนิ้วชี้หน้าอย่างแค้นเคือง “ปอดแหกไหมไม่รู้ ที่รู้ ๆ เธออาจจะถูกฉัน ‘จับแหก’ เร็ว ๆ นี้ก็ได้นะไอ้ฟ่าง ระวังตัวไว้” “แหกเหิกอะไรวะ!” เปล่า นี่ไม่ใช่คำพูดฉัน แต่เป็นของไอ้นนท์...หนึ่งในกลุ่มเพื่อน มันเพิ่งเดินเข้าร้านมา “พวกมึงกัดกันอีกแล้วเหรอ” เมื่อมาถึงก็ตรงเข้ามากอดคอฉันพร้อมก้มมองเหยือกเหล้าปั่นที่นอนแอ้งแม้งอยู่บนพื้น “กัดอย่างเดียวไม่สะใจหรอกมึง ต้อง ‘กิน’ ด้วยถึงจะดี” แต่ละคำที่หลุดจากปากมันนี่... “จะกินจะแหก จะห่าเหวอะไรก็เหอะ! พวกมึงช่วยไปนั่งดี ๆ ได้ไหม ยังตกเป็นเป้าสายตาไม่พออีกเหรอ” อ้าว เสียงพี่เคย์ ลืมไปว่าพี่เขาก็ยืนอยู่ตรงนี้ด้วย “ถึงกูจะสูงแค่ร้อยหกสิบเก้า แต่จะมาทำเป็นไม่เห็นหัวกูไม่ได้นะเว้ย” “อ้าวไอ้พี่เคย์ หวัดดีมึง” ไอ้นนท์ก้มมองเจ้าของร้านพร้อมรอยยิ้ม “ว่าแต่...ตกเป็นเป้าสายตาไรอะ เมื่อกี้มีเรื่องอะไรกัน ไหนเหลามา” “เสือก/เปล่า” ฉันกับไอ้ดินตอบพร้อมกันแต่คนละประโยค ทำเอาฉันและมันต้องจ้องหน้ากันอีกครั้ง คำว่า ‘เสือก’ คือของมัน ส่วนคำว่า ‘เปล่า’ คือของฉัน หลังจบประโยคนั้นไอ้นนท์ถึงกับกะพริบตาปริบ ๆ แต่สุดท้ายมันก็เลือกที่จะไม่ถามอะไรอีก หลังจากนั้นพวกเราก็กลับไปนั่งที่เดิมและสั่งเครื่องดื่มมาพอสมควร เนื่องจากไอ้เพื่อนเวรทั้งหลายกำลังทยอยมา บางคนติดเมียไง กว่าจะเสด็จมาได้ต้องกราบเมียแล้วกราบเมียอีก รอบก่อนหนึ่งในกลุ่มถูกเมียทำโทษให้เงินติดตัวมาแค่ 50 บาท น่าสงสารซะไม่มี “อ้อ สรุปไอ้เหี้ยนั่นมันจงใจจะเกาะแกะเธอว่างั้น” เมื่อสถานการณ์เข้าสู่สภาวะปกติแล้ว ฉันตัดสินใจเล่าให้ไอ้นนท์ฟังว่าเกิดอะไรขึ้น ทว่าไม่ได้เล่าในส่วนของอดีตแฟน เพราะรู้สึกว่ามันไม่จำเป็นเท่าไหร่ และต่อให้จำเป็นฉันก็ไม่อยากพูดถึงอยู่ดี “เออ มันจะต่อยไอ้ฟ่างด้วย” คราวนี้ไอ้ดินที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเอ่ยขึ้น “คราวก่อนก็จุ้นจ้านหยงทีหนึ่งละ เห็นเพื่อนกูสวยไม่ได้” “แต่ปกติไอ้ฟ่างมันต้องเกรี้ยวกราดกว่านี้ดิ” ไอ้นนท์ทำหน้าสงสัยเมื่อเห็นฉันนั่งจิบเหล้าสบายใจเฉิบ “รู้สึกว่าอารมณ์เย็นลงกว่าเมื่อก่อนเปล่า?” เปล่า ที่ฉันไม่อาละวาดหรือแผลงฤทธิ์อย่างที่ควรจะเป็น...ไม่ใช่เพราะอารมณ์เย็นลง ฉันแค่ถูกแบ่งเบาความรู้สึกเดือดดาลไปครึ่งหนึ่งแล้วต่างหาก ตอนเย็นฉันโทรหาไอ้เพื่อนบ้าตัวไหนไม่ติดเลย มีแค่ไอ้ดินที่รับสาย ตอนโดนคุกคามเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน คนที่เข้ามาช่วยฉันก็เป็นไอ้ดิน แถมมันยังจัดการตั๊นหน้าไอ้เวรนั่นไปหนึ่งทีอีกด้วย สะใจโคตร ฉันอารมณ์ดีขึ้นมาเลย ถึงจะต้องมาเสียอารมณ์และกัดกับมันต่อก็เหอะ ปล่อยให้วันหนึ่งแล้วกัน “ช่างฉันเถอะน่า” ตอบปัดขณะจ้องหน้าไอ้ดิน มันกำลังสูบบุหรี่ด้วยท่าทางแบด ๆ ขัดกับใบหน้าโอป้าผู้แสนดีอย่างสิ้นเชิง “ไอ้ดิน” ฉันเรียกมัน “เรียกไม” “อยากได้ไรไหม” จบคำถามนั้นไอ้ดินถึงกับชะงัก มันเปลี่ยนมาหรี่ตามองฉันทันที ก็ต้องงงอยู่แล้ว ตั้งแต่เป็นเพื่อนกันมาฉันไม่เคยถามอะไรแบบนี้กับมันเลย ส่วนเหตุผลที่ฉันมาถามเอาตอนนี้ก็ไม่มีอะไรซับซ้อน แค่ตอบแทนเฉย ๆ น่ะ อีกอย่าง...ฉันไม่อยากเป็นหนี้บุญคุณมันด้วย “อยาก” หลังเงียบไปครู่หนึ่ง ไอ้ดินก็ยอมขยับปากเอ่ย “อยากได้เธอเป็นเมีย” โถ ไอ้เวร...
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม