“ท่านพ่อไม่ต้องห่วงลูกหลายเรื่องที่เคยห่วงมาก่อนหน้านี้ ตอนนี้ถึงคราวต้องงัดเอากลยุทธ์ที่ท่านพ่อเคยสั่งสอนมาใช้ในยามวิกฤติ”พูดปลอบใจบิดา แม้วาจาจะเข้มแข็งเพียงใดแต่ใจดวงน้อยกับไหวเอน
ศาลาฉาฮวาที่งดงาม เจิ้งจินเทานั่ง ขัดสมาธิ หลับตานิ่ง รอให้หลินฮวามา
ทรุดกายลงนั่งด้านตรงกันข้าม เงียบกริบอีกคนยังหลับตานิ่ง
“เจ้ามาช้า คราวหลัง อย่าให้ข้าต้องรอ”น้ำเสียงเรียบเฉย แต่ หลินฮวากลับรู้สึกว่านั่นคือคำสั่ง
“ข้าไม่ได้อยากมา”
“เสี่ยวตงยกเครื่องเสวย”ไม่สนใจว่าหลินฮวาจะกล่าวว่าเช่นไร
เสี่ยวตง ยกเครื่องเสวยตรงหน้าคนทั้งสอง หลินฮวามองเครื่องเสวยอย่างตื่นตาตื่นใจ เคยเข้าวังหลายครั้งก็ไม่เคยได้ร่วมเสวยสักครั้งด้วยบิดาบอกหลินฮวาว่ากิริยาเช่นหลินฮวาไม่สมควรร่วมเสวยอย่างยิ่ง
เผลอทำตาโตด้วยความตื่นเต้นกับ เครื่องเสวยที่น่ากินตรงหน้าหยิบตะเกียบเมื่อเห็นว่า เจิ้งจินเทายังนั่งหลับตานิ่ง เหมือนไม่สนใจจะกิน คีบเอาเครื่องเสวยที่คิดว่าน่ากินที่สุด แต่เจิ้งจินเทายกมือขึ้นฟาดที่มือบางอย่างแรงจนตะเกียบหลุดมือ
“ท่าน”สีหน้าอีกคนยังเรียบเฉยมีแต่ท่านพ่อเท่านั้นที่กล้าทำแบบนี้กับ หลินฮวา
“ผู้น้อยเช่นไรจึงกล้าเสวยก่อน”หลินฮวาถอนหายใจ เสี่ยวจงหยิบตะเกียบ หลินฮวากลับนึกว่าเขาจะส่งตะเกียบอันใหม่ให้ เอื้อมมือไปรับแต่ เสี่ยวจงกับคีบ เครื่องเสวยนู้นนิดนี่หน่อยใส่ปากเคี้ยวเบาๆ
“เชิญต้าหวัง”ผายมือเชิญ เจิ้งจินเทา ที่ใช้ตะเกียบคีบเครื่องเสวยเข้าปากเคี้ยว เบาๆ เหมือนกลัวว่ามันจะแหลกเหลว
“ข้ากินได้หรือยัง”เสี่ยวจงส่งตะเกียบอันใหม่ให้ เจิ้งจินเทาเพียงแค่เหลือบตามอง แม้จะไม่ได้ตั้งใจกิน กินเหมือนคนไม่หิว ทว่ากลับไม่สนใจว่าหลินฮวาจะกินอะไร
“ไม่กินแล้ว”หลินฮวาวางตะเกียบชวนมาเสวยด้วยกัน แต่กลับทำเหมือนหลินฮวามาแย่งกิน
ยังคงนิ่งไม่รับรู้สิ่งใด
“ท่านจะทำแบบนี้ไม่ได้ ชวนข้ามาร่วมเสวยแต่ทำเหมือนกับ...ข้า ไม่มีตัวตน”เจิ้งจินเทาเลิกคิ้ว มอง หลินฮวาเพียงแว๊บเดียว
“ให้ข้าป้อนหรือไร”เสี่ยวจงอมยิ้ม
“จะมาทำเป็นเย็นชาแบบนี้ไม่ได้อีกไม่กี่วันเราสองคนจะแต่งกัน”เลือดขึ้นหน้าเมื่อเจิ้งจินเทาทำท่าทีเย็นชาไม่สนใจว่าหลินฮวาจะโมโหแค่ไหน
“”ต้าหวัง ปิงซูเยี่ยน ขอประทานอภัยที่มาช้า การเดินทางจากตระกูล ปิงมาที่นี่ค่อนข้างใกล้ จึง กะระยะเวลาการเดินทางผิดไป”หลินฮวาหันมองร่างอ้อนแอ้น ใบหน้าสวยหวาน ปานเทพีสวรรค์อีกทั้งเสียงพูดแผ่วเบา อ่อนหวานปานน้ำผึ้ง ของซูเยี่ยน ผู้ที่จะมาเป็นชายาเอก หลินฮวาอ้าปากค้าง
“เสี่ยวตง ยกเครื่องเสวยอีกชุด”น้ำเสียงราบเรียบไม่แม้แต่ชายตามอง คนมาใหม่ที่ไม่ว่าจะเป็นพระในวัดหากเห็นนางคงไม่อาจละสายตา
หลินฮวาลุกจากที่นั่ง กำลังจะก้าวขาออกไป ไม่กินก็ได้ เพราะมีนางมาร่วมเสวยด้วยจึงไม่สนใจว่าหลินฮวาจะมาจะไปอย่างนั้นหรือ กำลังก้าวขาออกจากศาลา
“จะไปไหน นั่งลงเสียข้าไม่อยากบังคับใคร”
“ข้า ไม่อยากกินแล้ว”หลินฮวาเริ่มรู้สึก เหมือนมีแรงกดดันบางอย่างอีกครั้งในตอนนี้
“ต่อไปเมื่อแต่งเข้า จวนอ๋องเจ้าทั้งสองต้องร่วมเสวยเช้าเย็น เช่นนั้นต้องทำให้เป็นเรื่องที่คุ้นเคยจึงดี”หลินฮวาถอนใจนั่งลงช้าๆ เหลือบตาเห็น ซูเยี่ยนย่อตัวลง อย่างดงาม นั่งลงข้างๆ เจิ้งจินเทา
“พี่สาวท่านมานั่งตรงนี้เถิด”หลินฮวาขอสับทีกับซูเยี่ยนเพราะไม่อยากหันหน้าเข้าหาเจิ้งจินเทานั่นเอง รอยยิ้มหวายหยดย้อย ไม่มีปฏิเสธของซูเยี่ยนทำเอาหลินฮวารู้สึกหงุดหงิด นางทำไม่ไม่ตีโพยตีพาย
“เจ้านั่งลงตรงนั้น”เจิ้งจินเทาเอ่ยขึ้นด้วยเสียงดุเข้ม หลินฮวานั่งลงเหลือบตามอง เจิ้งจินเทา ที่ยัง คีบเครื่องเสวยใส่ปาก และคีบใส่ในชามของซูเยี่ยนที่ยิ้มหวานคอยอยู่ก่อนแล้ว
หลินฮวาใช้มือฉีกน่องไก่มากัดกิน โดยไม่สำรวมกิริยา
“ข้า ชื่นชมท่านแม่ทัพไม่น้อย แต่ก็เข้าใจดีว่าบุรุษเลี้ยงดูบุตรีเพียงลำพังบุตรีมักจะมีกิริยาหยาบกระด้าง พรุ่งนี้ ฮองเฮาให้เจ้าไปเรียนรู้กฎระเบียบในวังหลวงที่ตำหนักชิงหนิงกง”พูดด้วยน้ำเสียง เรียบเฉยเช่นเดิม หลินฮวารู้สึกเหมือนถูกตบหน้านี่ว่ากันถึงบิดาเชียวหรือ แม้จะรู้ดีว่าตัวเองจะทำให้อ่อนหวานเช่นนางทำไมจะทำไม่ได้แต่ในเมื่อ ไม่พอใจเขาเรื่องอะไรจะอ่อนหวานให้เขาเห็น ไม่ได้อยากแต่งเข้าจวนอ๋องเสียหน่อย
“หากอยู่ต่อหน้าฮองเฮา เจ้าทำกิริยาเช่นนี้เกรงว่าฮองเฮาจะว่ากล่าวเอาได้ เจ้าคิดเองจะดีไม่น้อยว่า ควรจะวางตัวเช่นไร”หลินฮวาอ้าปากค้างนี่ด่ากันซึ่งๆ หน้าเลยหรือไร
“อิ่มแล้ว” วางน่องไก่ลงในชามไม่ยอมกิน จะอิ่มได้อย่างไรในเมื่อกินไปไม่กี่คำ
“เสี่ยวจงส่งนางกลับเรือนรับรอง”เสี่ยวจงผายมือเชิญหลินฮวา
ถึงเรือนรับรองหลินฮวา คว้าหมั่นโถ มากัดอย่างแรง แล้วก็ปาทิ้งไม่อร่อยแข็ง และจืดแม่ทัพเจี้ยนหลินมองลูกสาวด้วยสายตางงงัน
“ทำไมกลับมาไวเช่นนี้”
“หลินฮวากำลังคิดว่าหากเขาจะมีชายาเอกแล้วทำไมฝ่าบาทจึงแต่งหลินฮวาเป็นชายารองอีกคน”บิดายิ้มอ่อนโยน
“การมีชายาหลายคน เป็นเรื่องที่บุรุษทั่วไปชมชอบ ฝ่าบาทคงตั้งใจประทานสมรสชายาเอกให้แต่แรกแล้ว แต่เพราะเราสองคน มาที่นี่จึง ไม่แคล้วให้เจ้ารั้งตำแหน่งชายารองเสีย เพื่อตั้งใจจะรั้งพ่อให้อยู่ที่นี่ด้วยเช่นกัน เรื่องรักใคร่เห็นว่าต้าหว้งคง ไม่คิดถึงข้อนี้ แต่ที่ฝ่าบาทต้องทำเช่นนี้เพราะเหมือนกับจะ ให้ความสำคัญกับต้าหวัง ไม่น้อยที่เดียว”
“ท่านพ่อไม่ต้องห่วงทุกอย่างไม่มีอะไรน่าห่วงลูกจะต้อง อยู่ในฐานะชายารองอย่างมีความสุข”กล้ำกลืนความขมขื่นไว้กลัวบิดาจะเห็นมัน แสร้งยิ้มกว้างกลบเกลื่อน ความกังวลภายใน
“ว่าแต่ มีอะไรให้ลูกกินแก้หิวบ้างไหม” ยิ้ม เหมือนเด็กเล็กๆ
“ ยังทำตัวเหมือนเด็กๆ ไม่ผิดเช่นนี้พ่อจะวางใจให้เจ้าแต่งเข้าจวนอ๋องขายหน้า พ่อได้อย่างไรกัน”หลินฮวากอดเอวหนาซบหน้าลงบนอก หัวเราะเสียงใส
“ไม่เป็นไรไปหาอะไรกินในห้องเครื่องลำพังดีกว่า”วิ่งออกจากห้องไปทันที
หลินฮวามาถึงห้องเครื่องในเวลาไม่นานนักนางกำนัลห้องเครื่อง วัยกลางคนยืนขว้างอยู่หน้าห้อง
“ ท่านป้ามีอะไร เหลือให้ข้ากินบ้างไหม”พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน
“คุณหนูต้าหวังรับสั่ง ให้เก้บกวาดเครื่อเงสวยจนสิ้นแล้ว หากคุณหนูมาอย่าได้ ให้อะไรคุณหนูปกิน หลินฮวาอ้าปากค้าง
“ใจดำที่สุด”
“ต้าหวังใจดีที่สุดเจ้าค่ะ ต้าหวังยังสั่งอีกว่า...หากคุณหนูไม่พอใจก็ให้ไปต่อว่าต้าหวังต้าหวังรออยู่ที่ห้อง”คิดจะ ดัดนิสัยหลินฮวาหรือไร อย่าหวังไม่มีทางไม่ไปไม่กินก็ได้
“นั่งหน้าเง้าอยู่ ตรงสวน ดอกเหมยแกว่งขาไปมา คนอะไรใจดำสิ้นดี รู้ก็รู้ว่าหลินฮวากินไม่อิ่มยังแกล้งถือว่าเป็นจวนของตัวจะทำอย่างไรก็ได้อย่างนั้นหรือ
ดีอย่างนั้นจะได้รู้ว่าคนอย่างหลินฮวาไม่มีทางยอมเด็ดขาด เสียงท้องร้องจ้อกแจ้ก ยกมือขึ้นลูบท้องไปมา
ลี่กังเดินยิ้มมาแต่ไกล
“ทำไมหน้าตาบูดบึ้ง”
“คารวะไท่จือ”ลุกขึ้นย่อตัวอย่างรวดเร็วอย่างเสียไม่ได้
“คราวนั้นยัง มีแรง ทะเลาะกับข้ามาวันนี้โดนอาเล็กจัดการจน... หมดเรี่ยวแรงเชียวหรือ”
ทำหน้าตูมก่อนจะพูดเบาๆ เหมือนบ่น
“ข้าไม่มีอารมณ์จะทะเลาะกับท่านวันนี้หิวจะตายอยู่แล้ว”เจิ้งลี่กังยิ้ม
“ปะ”คว้ามือ หลินฮวา ที่ขืนตัวไว้
“เจ้าหิวไม่ใช่หรือตำหนักบูรพาของข้าเจ้าจะกินอะไร ที่นั่น ห้องเครื่องทำของอร่อยไว้มากมาย”หลินฮวา ยิ้มแก้มปริเหมือนเด็กๆ แกะมือเจิ้งลี่กังออกมองยิ้มๆ เหมือนจะบอกว่ามันไม่เหมาะ แล้วก็เดินนำเขาไปที่ตำหนักบูรพา เจิ้งลี่กัง ส่ายหน้ายิ้มๆ ความรู้สึกบางอย่างบังเกิดขึ้นในหัวใจ