เฉินช่านฟางได้สติขึ้นมารีบสาวเท้าปากร้องห้ามทันที อย่างไรจะให้ผู้อื่นรู้ไม่ได้เพราะนั่นไม่ใช่แค่ชื่อเสียงของหม่าหย่งเต๋อเท่านั้น ไม่แน่ว่าอนาคตก็อาจจะดับไปด้วยเช่นกัน
“เดี๋ยว!” นางเดินมาขวางทางหน้าถงอวี้พร้อมเห็นสีหน้าที่แน่วแน่ว่าเรื่องที่อีกฝ่ายจะไปร้องเรียนนั้น นางเตรียมการมาอย่างดี ทำให้
เฉินช่านฟางระงับโทสะเอ่ยเสียงอ่อนลงทันที
“ฮูหยินเรามาคุยกันดีๆ ดีกว่านะ หากท่านไปถึงที่ว่าการนั่นเท่ากับอนาคตของท่านพี่และรวมไปถึงเจ้าด้วย”
“จุ๊ๆ อนุเฉิน หากข้าจะกล่าวว่าไม่เกี่ยวอะไรกับข้า คงทำให้เจ้าไม่พอใจสินะ” ถงอวี้ส่งแววตาท้าทายให้ เพราะแท้จริงแล้วก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับนาง ใครจะตกระกำลำบากเกี่ยวอะไรกับตนเองด้วยเล่า ริมฝีปากเฉินช่านฟางกระตุก กัดฟันกรอดแต่ถงอวี้กับยิ้มหวานส่งให้ก่อนเบี่ยงตัวเดินไปอีกหลายก้าว
“เรื่องเงินข้าขอคุยกับท่านแม่ก่อน” ถงอวี้หยุดฝีเท้าหันมา
“อนุเฉิน ท่านแม่อายุมากแล้วนะ สมควรแล้วหรือที่ต้องนำความลำบากใจไปมอบให้แก่ท่าน ข้าเป็นประเภทที่ทำอะไรแล้วต้องได้ผลลัพธ์ชัดเจนแล้วตอนนี้ข้าขี้เกียจรอ อีกทั้งที่มาถึงที่นี่ก็เพื่อตั้งใจจะคุยกับเจ้าดีๆ จึงไม่ได้ไปที่ว่าการ เพราะเห็นแก่หน้าท่านพี่ แต่ในเมื่อคนที่นี่ชอบทำอะไรเป็นขั้นตอนซึ่งแต่เดิมก็มักซุกซ่อน หมกเม็ดอยู่แล้ว” นางสืบเท้าก้าวมาประชิดเฉินช่านฟางเอ่ยเสียงเย็น
“ให้โลกได้รับรู้ สนุกกว่ากันเยอะเลย”
“เจ้า!” ถงอวี้ไม่ได้เกรงกลัวกลับยักคิ้วข้างหนึ่งส่งให้อย่างท้าทาย
“ได้... ข้าจะมอบเงินให้”
“ดี! อ้อ... เจ้าจะนำเงินส่วนไหนมาให้ข้า ข้าไม่สนใจอยู่แล้ว ข้าไม่ได้กังวลเรื่องนี้หรอกนะ” ถงอวี้พูดพลางเดินกลับไปนั่งที่เก้าอี้ตัวเดิม รินน้ำชาให้แก่ตนเองดื่มอย่างอ้อยอิ่ง เฉินช่านฟางมองด้วยแววตาเกรี้ยวกราดซึ่งท่าทางของนางนี้หม่าหย่งเต๋อไม่เคยเห็นมาก่อน
ถงอวี้เริ่มพูดอีกครั้งด้วยท่าทีไม่ทุกข์ร้อนพร้อมกับสายตาจ้องไปที่นิ้วของตนเองซึ่งในเวลานี้นางกำลังแคะเล็บอย่างอ้อยอิ่งอยู่
“เดิมทีข้าตั้งใจว่าจะรีบมาแล้วรีบกลับ เพราะรู้ว่าถ้าท่านพี่มาเห็นก็คงไม่พอใจและอาจจะสร้างความขุ่นเคือง เพราะไหนจะเหนื่อยจากที่ทำงานแล้วต้องมาเหนื่อยใจที่จวนอีก ว่าก็ว่าเถอะ... ข้าแต่งมายังไม่ถึงครึ่งปีปรนนิบัติท่านพี่ได้ไม่เต็มที่ จะบอกว่าเจ้าลำบากก็ไม่ถูกต้องนัก เพราะเรื่องอย่างว่ามันสุขสมด้วยกันทั้งคู่...” ประโยคนี้ทำให้เฉินช่านฟางและหม่าหย่งเต๋อใบหน้าแดงก่ำไม่ต่างกัน
“หรือที่ข้าพูดมาไม่ถูกต้อง? เจ้าถึงต้องหน้าแดงก่ำถึงเพียงนั้น เอาน่า... เรื่องแบบนั้นแม้ข้าจะไม่สันทัดแต่ดูจากสีหน้าเจ้าบ่งบอกได้ว่าอยู่ดีมีสุข ทั้งอิ่มท้องและอิ่มตัณหา”
“มันจะมากไปแล้วนะถง-อวี้” เฉินช่านฟางชี้หน้าทว่าถงอวี้ตวัดตามองด้วยแววตาเยือกเย็นจนอีกฝ่ายผงะเพราะวัวสันหลังหวะทำให้นางวางมือลงและลดท่าทีเมื่อครู่นี้ ทำให้ถงอวี้พอใจทว่าหม่าหย่งเต๋อกับสงสัย
ถงอวี้เอ่ยเสียงเย็น ใบหน้านิ่ง “ข้าจะพูดให้เข้าใจทีเดียวเลยนะ ข้าไม่ต้องการมาที่นี่บ่อยนัก ข้าเคยส่งให้อาหยวนมาที่นี่เพื่อมาขอเงินในส่วนของข้าไปซ่อมจวนแต่เมื่อเจ้าแล้งน้ำใจและเพิกเฉยกับเรื่องนี้ เช่นนั้นเรื่องจวนของใต้เท้าเจ้าต้องเป็นคนรับผิดชอบในส่วนตรงนี้โดยไม่ยุ่งเกี่ยวกับเงินในส่วนที่เป็นของข้า
ประการต่อมาเงินในส่วนของข้า ข้าจะไม่สนใจว่าเหตุใดถึงมาไม่ถึงมือข้า หรือว่าแท้ที่จริงเจ้าอาจจะให้คนของเจ้าแสร้งนำเงินส่งไปให้ข้าแต่สุดท้ายดันย้อนกลับมายัดใส่กระเป๋าเจ้าเองซึ่งข้าไม่ใช่คนโง่ นั่นเพราะข้าเป็นผู้หญิงเหมือนกับเจ้าและที่สำคัญพวกเจ้าบีบให้ข้าเป็นสตรีขี้งก คนขี้งกมักคิดเหมือนคนขี้โกง ดังนั้นข้าต้องได้เงินครบถ้วนพร้อมดอกเบี้ยเพราะถือว่าข้าปล่อยเงินกู้ไปให้เจ้า”
“เจ้า!” ถงอวี้ยกมือห้ามเพราะไม่ต้องการให้เอ่ยแทรก เพราะนางเองกลัวที่จะลืมสิ่งที่อยู่ในหัวทั้งตอนนี้นางกำลังตั้งท่าอย่างผู้เหนือกว่า
“อย่าเสียมารยาท ข้ายังไม่พูดไม่จบ! ต่อนะ... ข้าไม่มีเวลาที่จะซื้อชุดใหม่ ไม่สิ! พูดผิด ข้าไม่มีเงินซื้อหรือตัดชุดใหม่ ข้าต้องการผ้ามาตัดชุดซึ่งไม่ต้องลำบากเรียกช่างมาแค่เจ้าส่งผ้าเนื้อดีมาสักหลายๆ พับก็พอ ส่วนอีกเรื่องที่สำคัญมากข้าต้องการให้เจ้าเป็นเดือดเป็นร้อนเกี่ยวกับจวนหลังเก่าของท่านพี่ ที่ข้าพูดเจ้าพอเข้าใจไหมอนุเฉิน” ถงอวี้รออยู่นานแต่ก็ไม่ได้รับคำตอบรับจากอีกฝ่าย ถงอวี้จึงพูดเสียงยานและนุ่มนวลขึ้น
“ข้าไม่ได้ขออะไรเกินความสามารถของเจ้าเลยนะ” เฉินช่าน ฟางหอบหายใจลึกก่อนจะกัดฟันพูด
“ได้!” เสียงห้วนดังเอ่ยออกมาอย่างไม่พอใจนักแต่ถงอวี้ไม่สนใจ นางลุกขึ้นเดินตรงไปหาอีกฝ่ายและยืนประชิดตัว
“ข้ารู้ว่าเจ้าแค้นเคืองข้าอยู่ในใจก็จงให้มันอยู่ในใจ หากข้าเป็นอันตรายแม้แต่นิด ข้ารับประกันได้ว่าทุกคนไม่แม้แต่ในจวนจะต้องรู้ เมื่อข้าตายเจ้าก็ม้วย ไม่ต้องคิดมาก... รู้ไว้ว่าข้าเตรียมการไว้หมดแล้ว” ถงอวี้ก้าวถอยหลังออกมาและพูดเสียงหวานให้อีกฝ่าย
“ปิ่นนี้สวยดีนะ ข้าขอเป็นของขวัญวันมาเยือนสักหน่อย” ถงอวี้ดึงปิ่นที่ดูมีราคาออกมา อีกฝ่ายขมวดคิ้วมุ่นทว่านางยิ้มพลางเอ่ยกลั้วขำ
“เจ้าได้มากกว่าข้านะ แค่ชิ้นเดียวอย่างกไปหน่อยเลย ทุกอย่างที่ข้าขอเจ้าก็เตรียมให้พร้อมส่งคนไปมอบให้ที่จวนก็พอ ข้าจะรอ อ้อ... ข้ารอในสิ่งที่เรียกร้องนะ ไม่ต้องการอย่างอื่นที่นอกเหนือกว่านี้” กล่าวจบถงอวี้หันกายไปนั่งที่เก้าอี้ตัวเดิมอีกครั้งพร้อมกับอาหยวนก็ยืนประกบเพื่อป้องภัยให้นายสาว ปล่อยให้อีกฝ่ายกำหมัดแน่นด้วยความคั่งแค้นตวาดกลับไป
“ทำไมเจ้ายังไม่กลับ!”
“ข้ารอขาหมู”