“คุณหนูที่ร้ายกาจมากเลยนะเจ้าคะ” อาหยวนเอ่ยชมเพราะตนเองมาเองตั้งหลายครั้งยังไม่เคยแม้แต่ได้ก้าวผ่านหน้าประตูจวนเลย แต่นี่คุณหนูของนางเดินทางมาครั้งเดียวหลังจากออกจากจวนนี้ไม่ใช่แค่ข้ามประตูจวนได้ยังได้ของติดไม้ติดมือทั้งยังได้เงินหลายอีแปะมิหนำซ้ำยังมีปิ่นราคาสูงกลับมาอีกด้วย เงินพวกนี้คงทำให้พวกนางอยู่อย่างสบายอีกหลายเดือนแต่เมื่อคิดอีกทีอาหยวนก็อดที่จะหนักใจแทนถงอวี้ไม่ได้เพราะสีหน้าที่เดี๋ยวดำเดี๋ยวแดงของเฉินช่านฟางอาจทำให้ถงอวี้เดือดร้อนก็เป็นได้
อีกด้านหม่าหย่งเต๋อที่ยังไม่ได้หายไปไหน เขายังอยู่ในจวนเอ่ยปลอบใจเฉินช่านฟางแม้จะรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้ยินที่ตนเองพูดก็ตามแต่เขายังรู้สึกผิด ยิ่งเห็นใบหน้ากรุ่นโกรธของนาง หม่าหย่งเต๋อรู้ว่าถงอวี้ทำเกินไป เงินส่วนนั้นเฉินช่านฟางอาจจะนำไปให้นางแล้วก็ได้เพียงแต่... เขาไม่กล้าคิดจริงๆ
นางคงชอบปิ่นชิ้นนั้นมากจึงทำให้นางวางไม่ลงเสียที ยิ่งนางโกรธเป็นฟืนเป็นไฟเขาก็ละอายใจที่ตนเองไม่อาจปกป้องนางได้ เพราะไม่อาจฟื้นมาปลอบได้จึงมีเพียงคำขอโทษแทนถงอวี้และสัญญาว่าเขาจะซื้อของล้ำค่าชดเชยปิ่นนั้นเมื่อเขาฟื้นแล้ว หรือหากนางต้องการสิ่งใดเขาจะนำมาตามที่นางต้องการ
“นายหญิง” เสียงของเจวียนเจวียนทำให้นางตวัดสายตาเกรี้ยวกราดมองจนอีกฝ่ายหลบสายตา นางรู้ว่าเวลานี้นายของตนโกรธจัด
“ยังไม่รีบไปจัดการอีก” เจวียนเจวียนรับคำเสียงอ่อนเมื่อได้ยินเสียงตวาดออกมา
“เจ้าค่ะ” เจวียนเจวียนรีบก้มหน้าเดินออกไปจัดการรายงานพ่อบ้านเรื่องผ้าที่ถงอวี้ต้องการเป็นจังหวะเดียวกับที่เหล่าไว่บ่าวคนสนิทของหม่าหย่งเต๋อเดินผ่านห้องโถงใหญ่พอดี เมื่อเขาเห็นเฉินช่านฟางนั่งอยู่ภายในห้องโถง เพราะเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่สิ่งนี้เขาจำเป็นต้องรายงาน เหล่าไว่จึงเบนกายมารายงานเรื่องของหม่าหย่งเต๋อให้อีกฝ่ายรับรู้เมื่อนางฟังประโยคนั้นถึงกับตาโต
“เจ้าพูดจริงหรือ?”
“ขอรับ ตอนนั้นบ่าวเข้าไปเช็ดตัวให้กับคุณชาย นิ้วมือของคุณชายขยับเวลานี้นายหญิงจี่อยู่ที่เรือนของคุณชายแล้วขอรับ”
“แล้วหม่าฮูหยินทราบเรื่องนี้หรือยัง?” นางกลืนน้ำลายเอ่ยถามเสียงสั่นเครือ นั่นนางรู้ว่าไม่ได้สั่นเพราะอาการโกรธถงอวี้แต่ไม่รู้ว่าอาการสั่นนั้นเกิดจากอะไรกันแน่
“ยังขอรับ” เฉินช่านฟางพยักหน้ารับรู้ก่อนที่หายใจลึกและสาวเท้าเดินไปดูหม่าหย่งเต๋อที่เรือนด้วยฝีเท้ามั่นคง
เฉินช่านฟางเดินเข้ามาทันเห็นจี่ม่านเหลียนที่กุมมือบุตรชายที่หลับตาไม่รู้สึกตัว ลำคอนางรู้สึกถึงก้อนน้ำลายที่ขมปร่าตีบตันดันขึ้นมานางจึงเบือนหน้าหนีเพื่อขับไล่น้ำตาที่เอ่อตรงหน่วยตา หม่าหย่งเต๋อซึ่งเดินตามร่างอวบอิ่มเข้ามาทันเห็นภาพตรงหน้าทั้งมารดาและคนรักมีหรือที่เขาจะไม่ปวดใจ สตรีรักทั้งสองอยู่ตรงหน้าทว่าเขากอดและถ่ายทอดความรู้สึกของตนเองในเวลานี้ไม่ได้ เขามองร่างกายที่สมบูรณ์ของตนเองแต่ผ่ายผอมลงอย่างชัดเจนอยู่เบื้องหน้าทว่าเขากลับทำอะไรไม่ได้เลย
หม่าหย่งเต๋อลองลงไปนอนทับร่างนั้นหมายจะฟื้นตื่นขึ้นมา หากแต่ละครั้งผลลัพธ์กลับเป็นเช่นเดิม เขารู้สึกได้ว่ามีบางอย่างผลักเขาอย่างแรงไม่ให้เข้าไปสิงร่างของตน เขาทำอย่างนี้ซ้ำอยู่หลายต่อหลายครั้งจนเขารู้สึกเจ็บไปทั่วสรรพางค์ส่งผลให้ร่างกายที่แน่นิ่งบนเตียงกระตุกอย่างแรง จี่ม่านเหลียนผู้เป็นมารดาเห็นอาการบุตรชายได้แต่ร้องไห้สะอื้นกรีดร้องราวคนสิ้นสติเพราะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
“หมอ! พวกเจ้าไปตามหมอมาเร็ว!” เสียงแหบพร่าสั่นเครือสั่งการดังลั่นทำให้สาวใช้รีบกระวีกระวาดออกจากเรือนเพื่อตามหมอมาดูอาการ ด้านเฉินช่านฟางที่มีอารามตกใจเช่นกันรีบสืบเท้าเข้ามาพร้อมกุมมือมารดาของสามีปลอบใจ
“เขาจะไม่เป็นอะไรได้อย่างไร เจ้าดูสิ… เมื่อครู่หย่งเต๋อเพิ่งจะกระตุก ข้าจะทำยังไงดี สวรรค์บอกข้าเถิดข้าควรทำอย่างไร ข้า... ข้าจะเขียนจดหมายหาฟ่งเฉินให้หาหมอเก่งๆ มารักษา” จี่ม่านเหลียนร้องไห้ออกมาอีกครั้งเมื่อเห็นบุตรชายมีอาการเช่นนี้ นางมิสามารถบรรยายความเจ็บปวดทรมานครั้งนี้ได้ เฉินช่านฟางเห็นอีกฝ่ายร้องไห้ฟูมฟายนางเองได้แต่สังเวชใจ เอ่ยปลอบให้อีกฝ่ายสงบ
“ท่านแม่อย่าร้องไห้เสียใจเลยนะเจ้าคะ หากท่านพี่รู้เขาจะเสียใจเอาได้ ข้าเชื่อว่าท่านพี่ต้องไม่เป็นอะไรแน่เจ้าค่ะ” จี่ม่านเหลียนหันมาพูดเสียงพร่าแกมต่อว่าดวงตานางมีม่านน้ำตาที่เอ่อจนจะร่วงลงมาอยู่รอมร่อ
“เจ้าแน่ใจได้อย่างไรว่าลูกข้าไม่เป็นอะไร” หัวใจนางเจ็บปวดราวใครนำมีดมาเฉือนทีละนิดๆ ใครเล่าจะมารู้ความทุกระทมของนาง
“ท่านแม่ สวรรค์ย่อมคุ้มครองท่านพี่เจ้าค่ะ เชื่อข้าเถอะนะเจ้าคะ” แต่เพราะนางทำอะไรไม่ได้จึงต้องข่มความเจ็บปวดเจียนตายนี้ไว้ในอกหวังว่าคำพูดของนางจะนำความมั่นใจมาสู่หัวใจยายแก่อย่างนาง
“เขาต้องไม่เป็นอะไร” เสียงเบาไม่รู้ว่าปลอบใจตนเองหรือเอ่ยปากตอบเฉินช่านฟางก็ไม่อาจรู้ได้ มันเปล่งออกมาเสียงสั่นเครือ
“เจ้าค่ะ ท่านพี่ต้องไม่เป็นอะไร” เฉินช่านฟางตอบอีกฝ่ายอย่างไม่เต็มเสียงนัก
หม่าหย่งเต๋อคุกเข่าขอโทษที่ตนอกตัญญู ยิ่งมารดาร้องไห้ฟูมฟายเช่นนั้นเขายิ่งเบือนหน้าหนีเพราะไม่อาจทนดูสภาพมารดาร้องไห้ปริ่มจะขาดใจเพราะตนเองเป็นต้นเหตุ แล้วเหตุใดกันทั้งที่ร่างอยู่ตรงหน้าแต่เขากลับเข้าร่างตนเองไม่ได้ เมื่อใดที่เขาพยายามเข้าร่างเหมือนมีแรงบางอย่างผลักไม่ให้เขาเข้าได้ แล้วเหตุใดที่เขาอยู่ใกล้ถึงไม่มีปฏิกิริยาใดๆ เกิดขึ้น