ด้านหม่าหย่งเต๋อได้เดินไปยังเรือนของตนนานแล้ว เขามองสภาพร่างของตนที่หลับตานิ่งโดยมีบ่าวคนสนิทเช็ดตัวให้ไม่ห่างกาย
‘ลำบากเจ้าแล้วเหล่าไว่’
“คุณชาย เมื่อไหร่ท่านจะฟื้นขอรับ ข้าปวดใจจะแย่อยู่แล้วนะขอรับ”
‘ข้าก็อยากจะฟื้น เมื่อครู่ข้ายังลองไปนอนทับร่างตัวเอง ข้ายังเข้าร่างไม่ได้เลย’ หม่าหย่งเต๋อเอ่ยด้วยน้ำเสียงเปี่ยมไปด้วยความทุกข์ใจกับสิ่งที่ตนเองเผชิญ ทว่าจู่ๆ เหล่าไว่ก็มีสีหน้าดีใจน้ำเสียงตื่นเต้น
“คุณชาย คุณชายกระดิกนิ้วได้ คุณชายได้ยินที่ข้าน้อยพูดใช่ไหม” เหล่าไว่เอ่ยน้ำตาซึมแล้วรีบสาวเท้าออกไปรายงานจี่ม่านเหลียนทันที
ทางอาหยวนได้เดินมารายงานเรื่องราวที่ไปสืบแก่ถงอวี้เรียบร้อย นางเพียงนิ่งเฉยคิดอยู่ครู่หนึ่งเพราะเจ้าของถุงเงินดันนอนไม่รู้สึกตัว เช่นนั้นคนมีอำนาจทุกอย่างต้องถูกเปลี่ยนมือ คิดไม่ผิดจริงๆ ที่นางเลือกสวมชุดนี้มา วันนี้คงมีเรื่องสนุกไม่น้อยแน่ ถงอวี้ดีดลูกคิดอย่างเถ้าแก่หน้าเลือด
ถงอวี้รออยู่พักใหญ่เฉินช่านฟางได้เดินนำสาวใช้ออกมา ทั้งยังถูกอีกฝ่ายประเมินด้วยสายตาแม้จะไม่พอใจแต่ก็ยังคงเก็บงำความรู้สึกที่ถูกเหยียดทางแววตาไว้ ทำท่าทีสงบเสงี่ยมอย่างคนรู้ฐานะและสถานภาพของตนเอง
“ไม่คิดว่าฮูหยินจะกล้าขัดคำสั่งเดินทางมาถึงจวนด้วยตนเอง” ถงอวี้ได้มองอีกฝ่ายด้วยแววตานิ่ง ‘ผีเน่ากับโรงผุช่างเหมาะสมจริงๆ ถงอวี้เอ๋ย ดีแล้วที่เจ้าออกมา คับที่อยู่ได้คับใจอยู่ยากจริงๆ’
“ข้ามานี่เพราะมีจุดประสงค์ แท้จริงไม่กล้าขัดคำสั่งท่านพี่แม้แต่น้อย”
“หึ! ดูท่าคงต้องการเงินล่ะสินะ เจวียนเจวียน” สาวใช้เดินอ้อมผู้เป็นนายหยิบถุงเงินยื่นให้ ถงอวี้ยื่นมือรับอย่างไม่อายเพราะจุดประสงค์ที่นางมาก็เพื่อมารับเงิน ในเมื่ออีกฝ่ายส่งให้นางไม่สนใจหรอกว่าอีกฝ่ายจะมองตนเองอย่างไร เพียงแต่เงินแค่นี้ไม่พอที่ตนเองดั้นด้นมาถึงที่นี่
เงินถุงนี้เป็นค่าชดเชยที่อาหยวนมาครั้งแรก วันนี้นางจะขนไปให้เยอะ ในเมื่อที่นี่เป็นกรงทอง นางก็จะขอซี่ไม้จากกรงให้นกกระจาบนกกระจิบอย่างนางไปทำรังหน่อยแล้วกัน
นางเปิดถุงออกมีเงินเพียงไม่กี่สามสิบอีแปะ นางปรายตามองอีกฝ่ายแวบเดียวเห็นรอยยิ้มสะใจบนใบหน้า ถงอวี้เก็บเงินพร้อมปิดปากถุงยื่นส่งให้อาหยวน ‘สวมบทนางร้ายใช่ไหม ได้! เดี๋ยวแม่จะจัดให้’ คิดแล้ว
ถงอวี้จึงเปิดปากพูดออกมาอย่างไม่นึกเกรงใจอีกต่อไป
“นี่ถือว่าเป็นค่าเดินทางที่อาหยวนเทียวไปเทียวมาก็แล้วกัน ต่อไปข้าจะพูดถึงเงินทุกเดือนที่ข้าต้องได้รับ” เฉินช่านฟางขมวดคิ้วมุ่น ก่อนพ่นเสียงออกมาทางลำคอ
“ข้าส่งให้เจ้าทุกเดือน คิดจะกรรโชกทรัพย์กันหรือฮูหยิน” คำพูดนี้เข้าหูหม่าหย่งเต๋อที่เดินออกมาพอดี เขานึกไม่ผิดว่าเฉินช่านฟางต้องจัดการเรื่องนี้แล้ว หากถงอวี้ไม่ได้รับก็หาใช่ความผิดของนาง อาจเป็นใครที่ยักยอกเงินไปก็เป็นได้
“อนุเฉิน ทั้งข้าและเจ้ารู้อยู่แก่ใจ ที่นี่ข้าไม่มีพวกแต่ไม่ใช่กับเจ้า เจ้าพูดอะไรก็ต้องเป็นตามนั้นหรือ? เอาอย่างนี้แล้วกัน ในเมื่อเจ้าไม่ให้เงินที่ข้าสมควรได้ทุกเดือน ข้าคงต้องไปขอท่านพี่เอง”
“หึ! ก็เอาสิ เจ้าไปขอกับท่านพี่ได้เลย แต่เกรงว่าเจ้าจะฝันสลายก่อนน่ะสิ” เฉินช่านฟางกล่าวอย่างผู้กำชัย แต่เพราะถงอวี้รู้เรื่องหม่าหย่งเต๋อมาพอควร นางไม่โง่เดินไปขอชายที่นอนเป็นผักไร้ความรู้สึกนั่นหรอก
“ขอบคุณที่เตือน เพียงแต่... ไม่รู้ว่ามันจะสร้างความอับอายให้คนในจวนนี้ต่อหน้าชาวบ้านร้านตลาดหรือเปล่านี่สิ” เฉินช่านฟางจ้องอีกฝ่ายตาเขม็ง
“เจ้าจะทำอะไร?”
“ไปที่ว่าการ! ไปอาหยวน เราไปร้องทุกข์หน้าที่ว่าการ ตีฆ้องร้องป่าวเรื่องในจวนผู้ตรวจการ ให้ชาวบ้านรับรู้กันทั่วว่าขุนนางตำแหน่งใหญ่ดูแลภรรยาเอกอย่างไร เรื่องยกอนุข่มภรรยาเอกจวนอื่นอาจจะมี แต่ไล่ออกจากจวนไม่ดูดำดูดี หูเบาเชื่อคำหวาน แค่ดูจากการแต่งตัวของข้าก็พอจะเดาได้ว่าอนุท่านผู้ตรวจการส่งเงินมาให้จริงหรือไม่ ถ้าพวกเขาอยากพิสูจน์เรียกชาวบ้านให้เดินทางไปจวนข้าก็รู้แล้วว่าพูดจริงหรือแค่กล่าวเท็จให้สนุกปาก สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น” ถงอวี้เอ่ยเสียงหนักแน่น อาหยวนรับคำพร้อมก้าวตามผู้เป็นนายที่เดินนำตนเองไปหลายก้าว