ชินจิงที่เดินตามมาด้วยยืนขนาบข้างโดยอีกฝ่ายจูงมือไม่ปล่อย ส่วนเขาได้แต่มองไปยังเบื้องหน้าอย่างตั้งใจ จนหม่าหย่งเต๋อที่ยืนมอง ถงอวี้ลงสระน้ำยังเหลียวหน้ามามองเด็กที่มิได้มีความสัมพันธ์ทั้งทางกายและทางใจแวบหนึ่งเขารู้สึกชาวาบ สมองขาวโพลนหัวใจกระตุกรุนแรงเพราะจู่ๆ เด็กน้อยกลับยิ้มหวานส่งให้พร้อมชี้มาทางเขาที่ยืนอยู่ริมสระ ก่อนที่เด็กน้อยสะบัดมือจากผู้เฒ่าซุ่ยและวิ่งไปทางขอบสระ
ซุ่ยกวนตกใจหัวใจแทบวายทว่าเคราะห์ดีที่เด็กน้อยชะงักฝีเท้าหยุดลงแทบจะประชิดตัวหม่าหย่งเต๋อ หัวใจเขาเองก็เช่นกันที่จะกระดอนออกมาจากทรวงอกเสียให้ได้ ตอนนี้เขาไร้ร่างหากเด็กตกลงไปเขาย่อมไม่มีปัญญาช่วยเด็กน้อยได้
ชินจิงหรี่ตามองบางสิ่งพร้อมๆ กับหม่าหย่งเต๋อที่มองเขากลับเช่นกัน เขาเห็นบุตรชายจ้องเขาอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะขยี้ตาและหันกลับไปทางถงอวี้
“ท่านแม่ตัวนั้น” เด็กน้อยหันไปทางสระเอ่ยออกด้วยเสียงชัดเจน หัวใจชายแก่ยังสั่นไหวคิดไม่ออกถ้าเหลนพลาดตกลงไปแม้จะช่วยได้แต่ความกลัวย่อมฝังใจเด็กไม่น้อย เขาจึงย่อกายตำหนิทว่าเจือความเมตตาสั่งสอน
“ครั้งหน้าเจ้าอย่าซนแบบนี้นะ หากตกลงไปใครหรือจะช่วย ลำพังแม่เจ้าก็ว่ายน้ำไม่เป็น แม้น้ำจะไม่ลึกแต่นั่นก็ไม่สามารถยืนยันได้ว่าเจ้าจะปลอดภัย” เด็กน้อยพยักหน้ารับพร้อมกับที่ชี้มือชี้ไม้ให้มารดาพยายามใช้กระชอนตักปลาในกระชังอย่างขะมักเขม้น เมื่อได้ตามที่ใจต้องการนางถึงขึ้นจากสระน้ำ ถงอวี้รีบจัดการกับเสื้อผ้าของตนก่อนจะไปจัดการกับปลาในตะกร้าไม้สานอีกครั้ง
ถงอวี้อดที่จะสะท้อนใจไม่ได้ชีวิตก่อนเคยฆ่าแต่แมลงและมด มาชาตินี้เพิ่มเลเวลต้องฆ่าปลาเชือดไก่แล้วชาติหน้านางไม่ต้องฆ่าคนเลยหรือ!? ถงอวี้เอ้ยถงอวี้...
หลังมื้อค่ำสิ้นสุดถงอวี้นอนยืดกายกางแขนกางขาอยู่บนเตียง บิดกายไปมาส่วนหม่าหย่งเต๋อมองกิริยาไม่งามด้วยแววตานิ่ง
ไม่นานอาหยวนเคาะประตูและเดินเข้ามาด้านในห้องอย่างนึกห่วงนายสาวที่ต้องทำงานเยี่ยงบ่าวไพร่ ไม่ต่างอะไรกับตน ภาพถงอวี้นอนเช่นนั้นกลายเป็นภาพชินตาของนางไปเสียแล้วแม้แต่ก่อนจะเอ่ยปากตักเตือนแต่ก็จริงอย่างที่ถงอวี้แย้ง ‘เก็บความสำรวมไปใช้เมื่อมีแขกเถอะ’
“คุณหนูเมื่อยหรือเจ้าคะ” อาหยวนเอ่ยถาม ถงอวี้ตอบในลำคอพร้อมกับบิดขี้เกียจ
“วันมะรืนพี่หยวนนำปลาตากแห้งไปขายที่ตลาด” ถงอวี้เอ่ยสั่งอย่างติดขี้เกียจพร้อมๆ กับหมุนตัวนอนคว่ำหน้า
“เจ้าค่ะ” อาหยวนรับปากพร้อมไปนั่งที่เตียง เอื้อมมือไปนวดบ่าของอีกฝ่ายอย่างเอาอกเอาใจ
“ทำไมคุณหนูคิดจะหย่ากับใต้เท้าหม่าด้วยเล่าเจ้าคะ หากคุณหนูหย่าบ่าวคิดว่า...”
“เฮ้อ…พี่หยวน มีคนเคยกล่าวว่าสตรีเรามีสองชีวิต ชีวิตแรกคือตอนเกิด ชีวิตที่สองคือหลังจากออกเรือน พี่ลองคิดดูสิว่าชีวิตที่สองดีกว่าชีวิตแรกอย่างไร” อาหยวนฟังคำพลันส่ายหน้าเอ่ยตามความจริง
“ก่อนคุณหนูจะมาอยู่กับนายท่าน ชีวิตคุณหนูดีกว่านี้เจ้าค่ะ” ถงอวี้ยิ้มรับเพราะนั่นคือความทรงจำของเจ้าของร่างที่ตนได้รับเช่นกัน เพียงแต่นางไม่กล่าวออกมาเท่านั้น
“ข้าแค่กำพร้าแม่ แต่ไม่คิดว่าบิดาจะไม่ใส่ใจบุตรีของอดีต ฮูหยิน” ถงอวี้เอ่ยน้ำเสียงเรียบแต่ทำให้คนฟังอย่างอาหยวนปวดใจ ก้มหน้าบีบนวดนายสาวหวังว่าการกระทำของตนจะช่วยบรรเทาความทุกข์ที่นายประสบมา อาหยวนเติบโตมาจนรู้ความก็เห็นเด็กสาวนี้ไร้มารดา เด็กอย่างนางในวัยหกขวบจึงช่วยเลี้ยงดูคุณหนูอาภัพผู้นี้พร้อมกับนายท่านและหญิงผู้เฒ่าซุ่ย
“แต่หากคุณหนูหย่า จะ...เอ่อ...” ถงอวี้เอ่ยปากทันทีทำให้อาหยวนต้องปิดปาก
“เฮ้อ! พี่คิดว่าหน้าตาอย่างข้าจะไม่มีใครมาสนใจ? รอให้ข้าได้หนังสือหย่าก่อนสิ ข้าจะพิสูจน์ให้พี่ดูว่าหญิงหม้ายคนนี้จะมีสินสอดมาวางเพื่อขอข้าเป็นฮูหยินเลย”
“เหมือนคุณชายเจิ้งใช่ไหมเจ้าคะ” คำพูดของอาหยวนสะกิดให้
หม่าหย่งเต๋อที่นั่งฟังคำสนทนาของสตรีทั้งสองอยู่ถึงกลับหูผึ่งขึ้นมาแต่ไม่น่าแปลกหรอกนางมีใบหน้างดงามหมดจดแต่ถ้าแต่งไปแล้วสิ บุรุษนั้นจะรู้ว่านางนี่แหละจิ้งจอกร้อยเล่ห์เหลี่ยม
“อือหื้อ...” นางลากเสียงยาวทำให้อาหยวนยิ้มหัวเราะชอบใจ คุณชายเจิ้งไป่ซูบุตรชายคนรองของเจิ้งเฟิงพ่อค้าขายซีอิ้วในตลาดที่พอใจต่อหญิงมีพันธะ ทั้งยังเป็นธุระหาจวนหลังใหม่ให้พวกนางอยู่แทนจวนหลังเก่าที่อาศัยไม่ได้
‘เจิ้งไป่ซู...ไป่ซู ชื่อคุ้นๆ เอ๊ะ! หรือว่าจะเป็นไอ้อ้วนไป่ซูจอมขี้แง ที่มักจะยืนด้านหลังข้าเสมอตอนโดนคนอื่นแกล้ง แต่เจ้านั่นแต่งฮูหยินแล้วนี่!’
“คุณชายเจิ้งดีไปหมดทุกอย่างเสียแต่เจ้าชู้แลดูเป็นชายเจ้าสำราญ ปากหวานกับสตรี หน้าไหว้หลังหลอก ทำดีหวังผล ภาวะผู้นำไม่มี ดีที่ไม่ใช่อันธพาลแต่สันดานไม่น่าคบทำพันธุ์” อาหยวนฟังถึงกับหน้าเปลี่ยนสี เมื่อครู่คุณหนูเพิ่งจะบอกเองว่าคุณชายเจิ้งดีไปหมดทุกอย่าง แล้วเหตุใดประโยคท้ายๆ ฟังดูทะแม่งจัง ส่วนหม่าหย่งเต๋อฟังแล้วรู้สึก
รื่นเริงในใจ
‘ถือว่าเจ้ายังฉลาด’
“แล้วใต้เท้าหม่าเล่าเจ้าคะ” อาหยวนเอ่ยถามด้วยความสงสัยอย่างกระตือรือร้น
“รายนั้นน่ะหรือ...” นางขมวดคิ้วเล็กน้อย หม่าหย่งเต๋อรอฟังอย่างใจจดใจจ่อ ในใจคิดแทนนางไปแล้วว่านางจะเทิดทูนบูชา เห็นเขาเป็นแผ่นฟ้ามิเช่นนั้นนางจะยอมลงทุนตกน้ำต่อหน้าและให้เขาลงไปช่วยจนบีบบังคับให้แต่งงานได้หรือแต่ประโยคที่เขาอุตส่าห์ตั้งใจฟังบั่นทอนความรู้สึกให้หงุดหงิด
“โง่! ใจแคบ! ขาดความรับผิดชอบ! แต่ถ้าพูดถึงเรื่องดีคงมีเรื่องเดียวที่ข้าเห็นชัดเจน...”
‘เรื่อง?’
“เรื่องอะไรเจ้าคะ” อาหยวนเอ่ยถามพร้อมๆ กับหม่าหย่งเต๋อ
“รวย!” นางหันไปมองอาหยวนแวบหนึ่งก่อนยิ้มที่มุมปาก ส่วนคนที่ถูกกล่าวถึงกลับเดือดดาลทว่าทำอะไรนางไม่ได้ เพียงเอ่ยแย้งออกมาเต็มเสียง ‘รวย! ข้ามีดีมากกว่ารวย เจ้าจะปรามาสข้าเกินไปแล้ว’
“อย่าบอกนะว่าพี่หยวนคิดไม่ได้” อาหยวนใช้ความคิดตามที่ ถงอวี้บอกสุดท้ายร้องเสียง ‘อ๋อ’ ออกมาจากลำคอซึ่งเสียงนี้สร้างความครื้นเครงในใจถงอวี้ได้ดี “พี่ช่วยพาชินจิงมาที่นี่ด้วย อย่าได้ต้องกวนท่านตาเลย” อาหยวนรับคำและเดินออกจากห้องไป
เมื่อในห้องเพียงลำพังถงอวี้จึงหยิบเงินออกมานับเพื่อคำนวณตัวเลขในหัวและเปิดกระดาษที่นางทำเป็นเล่มเพื่อเขียนบัญชีรายรับรายจ่ายจากก้อนถ่านที่เหลาเป็นแท่งกลมคล้ายชอล์ก
“พี่หยวนเอ๊ย... พี่หยวน ถ้าสตรีผู้นั้นอยากขึ้นตำแหน่งก็มีแค่สองวิธี ไม่ข้าตายก็ต้องหย่า”
คำพูดของถงอวี้เพียงวันนี้วันเดียวเป็นการเปิดหูเปิดตาเขาอย่างมาก มิหนำซ้ำยังสร้างความละอายใจให้หม่าหย่งเต๋อไม่น้อย เขาคงต้องมองนางให้ละเอียดกว่านี้