รุ่งสางเขาเฝ้ามองพฤติกรรมของถงอวี้ ทั้งไม่เคยคิดว่านางจะลุกขึ้นมาขยับแขนขาออกแรงวิ่ง มิหนำซ้ำนางยังแสดงท่าทางต่างๆ เรียกเหงื่อให้ผุดตามกรอบหน้าซึ่งเป็นเรื่องน่าประหลาดใจแก่เขาไม่น้อย ทว่าการกระทำของนางไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับคนที่นี่เพราะนางเคยให้คำตอบไว้ว่าร่างกายต้องแข็งแรงเสมอและนั่นเป็นเรื่องที่ถูกต้องทั้งซุ่ยกวนยังเห็นพร้องไปกับหลานสาวที่นับวันจะมีความคิดใหม่ๆ เข้ามาเสมอ
“ออกกำลังอีกแล้วรึ?” ซุ่ยกวนถามพร้อมกับที่ตนก็แกว่งแขนไปมาตามที่หลานสาวเคยสอนไว้
“เจ้าค่ะ ท่านตาเช่นกันใช่ไหมเจ้าคะ” ซุ่ยกวนพยักหน้า ยิ่งเห็นใบหน้าหลานสาวมีความสุข เขาเองก็พลอยสุขใจไปด้วย แม้จะยังรู้สึกปวดใจที่ยอมปล่อยให้หลานสาวมาอยู่กับบิดาจนชีวิตของถงอวี้ลำบากไม่น้อย อดีตขุนนางเก่าตำแหน่งต่ำต้อยเลี้ยงคนทั้งจวนมาแล้วและจะมีเหตุใดที่ไม่สามารถเลี้ยงหลานสาวและเหลนได้
“ข้าจะรำมวย ท่านตาจะรำกับข้าด้วยไหมเจ้าคะ”
“ดี! ข้ากำลังจะหาเพื่อนรำอยู่พอดี” ถงอวี้เดินมาขนาบข้างและเริ่มรำโดยมีซุ่ยกวนรำตามไปด้วย นางไม่บอกหรอกว่าสิ่งนี้ช่วยในเรื่องใด แต่รับรองได้ว่ามีประโยชน์สำหรับผู้สูงอายุแม้ซุ่ยกวนจะเคยถามว่านางไปเรียนมาจากไหน ถงอวี้ได้แต่โกหกว่าเห็นคนฝึกยุทธจึงลอกเลียนแบบมา หากแท้ที่จริงนางเรียนมาต่างหาก ทักษะการใช้ชีวิตของคนในยุคที่ดิ้นรนกับความวุ่นวายในเมืองหลวงทำให้นางดำรงชีพได้อย่างมั่นคง การต่อสู้เป็นอีกวิชาแขนงหนึ่งที่หญิงสาวควรที่จะต้องเรียนรู้และถูกจัดอยู่ในหน่วยการเรียนรู้ทางการศึกษา
“วันนี้ได้ยินว่าเจ้าจะไปเก็บฟืน”
“เจ้าค่ะ ตอนนี้อากาศยังร้อน หากเข้าฤดูหนาวจะลำบากช่วงใกล้ๆ หนาว คนจะขึ้นเขาไปเก็บกันเยอะ ข้าไม่อยากแย่งกับคนอื่น”
“ให้ตาไปเองเถอะ เจ้าอย่าได้ลำบาก”
“ข้าออกกำลังกายให้ร่างกายแข็งแรงไปเพื่ออะไรเล่าเจ้าคะ ข้าล้มยังหาย แต่ถ้าท่านตาล้ม... ข้าต้องลำบากมากขึ้นนะเจ้าคะ” สิ่งที่นางกล่าวมาล้วนถูกต้องหากเขาล้มมาหลานต้องลำบากคอยปรนนิบัติเขา แล้วไหนจะชินจิงยังเล็กคงลำบากน่าดู เขาจะทำอย่างไรดีหรือจะเขียนจดหมายส่งให้บุตรชายมารับดีไหม
“เอาอย่างนี้ดีไหมเสี่ยวอวี้ ตาว่าพวกเรากลับหมู่บ้านกันเถอะ ไหนๆ เจ้านั่นก็ไม่ได้สนใจใยดีเจ้า ส่วนเรื่องหย่าก็เลิกสนใจไปเสีย เขาไม่หย่าก็ยกตำแหน่งให้ภรรยาอื่นเป็นฮูหยินใหญ่ไม่ได้”
“จะดีหรือเจ้าคะ” ถงอวี้ถามด้วยความลังเลทั้งที่ในใจโลดเต้น
หม่าหย่งเต๋อยืนขมวดคิ้วคัดค้านเสียงแข็ง แม้เขาไม่ได้มีใจต่อสตรีผู้นี้แต่เขาก็เป็นลูกผู้ชายพอทั้งไม่ชอบให้ใครมาตัดสินใจแทนเขา... แต่ถ้าหย่า
‘เฉินช่านฟาง’ อนุของเขาก็สามารถเป็นฮูหยินได้ ไม่ถูกต้อง! มีบางอย่างไม่ถูกต้องแต่เขาไม่รู้ว่าเรื่องอะไร
“ทำไม? หรือเจ้ายังรักเจ้านั่นอยู่” ซุ่ยกวนเอ่ยถามเสียงแข็ง ทำให้วิญญาณเขาหันมามองหน้าฮูหยินของเขาอย่างต้องการคำตอบเช่นกัน เขาเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจและไม่รู้ทำไมถึงคาดหวังกับคำตอบของนางนัก
“รัก? ท่านตาล้อข้าเล่นแล้ว หน้าตาเขาเป็นอย่างไรข้ายังจำไม่ได้เลย ข้าอยากได้ใบหย่าเพราะไม่แน่สักวันข้าอาจจะเจอหนุ่มถูกใจและปลูกต้นรักกับเขาสักคน หากข้ายังได้ชื่อว่าเป็นสตรีของจวนนั้นท่านตาคิดว่าคนอื่นไม่ตราหน้าข้าว่าเป็นหญิงแพศยาที่สวมหมวกเขียวให้สามีหรือเจ้าคะ ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วเขาก็สมควรได้รับอยู่” นางกล่าวกลั้วยิ้มแต่วิญญาณไร้ร่างกลับไม่ขำตาม เขายืนกำหมัดกัดกรามแน่นตะเบ็งเสียงลั่นอย่างไม่พอใจ
‘ข้านี่นะสมควรได้รับ? สตรีน่าตาย รอให้ข้าฟื้นได้ก่อนเถอะ ต่อให้เกิดใหม่ข้าก็จะชำระแค้นที่เจ้าเอ่ยวาจานี้ออกมา’
“แล้วเจ้าจะทำยังไงถึงจะได้ใบหย่ามา”
“ขอคงต้องไปเยือนจวนนั้นสักครั้งแล้วแหละเจ้าค่ะ”