ตอนที่5

1475 คำ
(ผักบุ้ง) พวกเราทั้งสามคนเลือกมาร้านหมูกระทะหลังมอ. ร้านนี้เป็นร้านเด็ดประจำมหาวิทยาลัยของเราเลยก็ว่าได้จึงไม่แปลกที่เวลานี้ คนจะนั่งกันเต็มร้าน โชคดีที่มีโต๊ะหนึ่งว่างพอดี หากต้องรอคิวนาน ฉันว่ามีหวังสองพี่น้องคู่นี้ได้เผาร้านก่อนพอดี “คนเยอะฉิบหาย” “อย่าบ่นหน่ากาย เอาเมนูไปแล้วรีบสั่งดีกว่า หิวจะแย่” เมื่อเข้ามานั่งที่โต๊ะ พนักงานก็เดินมารับ ออร์เดอร์ หมูกระทะที่นี่จะเป็นแบบเซต ไม่ใช่บุฟเฟ่ต์ แม้ว่าจะมีเมนูไม่มากแต่ฉันยืนยันได้เลยว่ามีแต่ของอร่อยทั้งนั้น ฉัน และพวกบิวมากินกันบ่อยมาก “เอาเซตหมูชุดใหญ่มา 2” พี่กวางเริ่มสั่งเป็นคนแรก ตามมาด้วยพี่ชายของเธอ “เอามา 5 เลย” “เอาทะเลมา 5 ชุดด้วย” “ผักเซตใหญ่ 3” “เอาผักกาดเยอะ ๆ นะกาย” “เพิ่มผักกาดมาอีกสองจาน” ฉันมองสองพี่น้องสั่งอาหารกันพลางกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ พวกเขามั่นใจใช่ไหมว่าสั่งมากินสำหรับสามคน ไม่ใช่สิบคน “ผักบุ้งเอาอะไรมั้ย” ฉันยิ้มแหย ๆ ให้พี่กวาง ตอนนี้ยังมีอะไรที่ยังไม่ได้สั่งอีกอย่างนั้นเหรอ ฉันกวาดสายตามองเมนูก่อนจะสั่งของโปรดตัวเองเพิ่มมาอีกเพียงอย่างเดียว “เอาข้าวโพดแล้วกันค่ะ” “โอเค จัดไป” ไม่นานอาหารก็เริ่มทยอยมาเสิร์ฟ เนื่องจากปริมาณอาหารที่ค่อนข้างเยอะ ทางร้านจึงต้องเพิ่มโต๊ะให้เพื่อสำหรับวางอาหารเท่านั้น บรรดาหมู อาหารทะเล และผักต่าง ๆ วางเรียงรายราวกับจัดงานเลี้ยงตรงหน้าทำให้ฉันได้แต่นั่งมองตาปริบ ๆ ไม่รู้ว่าควรเริ่มจากตรงไหนก่อนดี “Lady and Gentleman” พี่กวางลุกขึ้นยืน เธอผายมือไปยังอาหารมากมายบนโต๊ะด้วยรอยยิ้มกว้าง “เวลาต่อจากนี้คือเวลาแห่งความสุข ต้องขอขอบคุณเจ้าภาพผู้หน้ายักษ์ของเราด้วย และขอเชิญน้องรักของพี่พูดอะไรเพื่อเปิดพิธีการกินหมูกระทะในครั้งนี้” ปกติเวลาไปกินเลี้ยงสายรหัสกัน ฉัน และพี่กวางชอบเล่นกันแบบนี้ แต่ไม่คิดเลยว่าครั้งนี้พี่กวางจะเล่นด้วย ฉันมองไปรอบ ๆ รู้สึกเขินอายเล็กน้อย ไม่อยากเล่นกับพี่กวางเลยจริง ๆ “ขอบคุณสำหรับคำเชิญค่ะ” ฉันหันไปโค้งคำนับพี่กวาง เล่นสักหน่อยแล้วกัน ฮ่า ๆ ฉันหันไปหยิบขวดน้ำขึ้นมาถือเป็นไมค์ “โหลเทส โหลเทส” “เนื่องในโอที เอ๊ย โอกาส” “ฮ่า ๆ” พี่กวางขำลั่น เธอเป็นคนสวยที่ไม่เคยห่วงสวยแถมเส้นตื้นมากจริง ๆ ส่วนพี่กาย ฉันคิดว่าเขาคงทำหน้าเมื่อยอย่างเคยแต่บนใบหน้าเขากลับมีรอยยิ้ม แต่พอเห็นว่าฉันมองอยู่กลับแยกเขี้ยวใส่เสียอย่างนั้น “ต้องขอขอบคุณน้องหมู เห็ด เป็ด ไก่ กุ้ง หอย ปู ปลาที่สละชีวิตอันมีค่ามาให้เราวันนี้ ฉะนั้นวันนี้พวกเราสามคนจอมเขมือบจะเขมือบทุกอย่างบนโต๊ะไม่ให้เหลือ” “พอเลย ๆ ใครเป็นจอมเขมือบกับเธอวะ” พี่กายดึงฉันให้นั่งลง ฉันกำลังจะอ้าปากพูดแต่เขาดันยัดหมูใส่ปากฉันเป็นการปิดปากเสียก่อน “กินเข้าไป จะได้เลิกบ้า” ทันทีที่เนื้อหมูนุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำซอสแตะต่อมสัมผัสรสชาติ ดวงตาฉันก็เบิกกว้าง ความอร่อยของมันทำเอาฉันลืมเรื่องเครียดทุกอย่างไปชั่วพริบตา “กายอย่าพึ่งกินสามชั้นได้มั้ย กวางตั้งไว้ให้มันเกรียม ๆ เนี่ย” “กินเกรียม ๆ มันไม่ดีนะ” พรึบ ตะเกียบของฉัน และพี่กวางจับหมูสามชั้นบนกระทะที่พี่กายกำลังจะหยิบไปกินพร้อมกัน แล้วยังพูดพร้อมกันอีกว่า “หมูสามชั้นแบบเกรียมดีที่สุด!” “เหลือเชื่อเลย พวกเธอเนี่ย” พี่กายมองหน้าพวกเราพลางส่ายหน้า แล้วถอนหายใจออกมา “ผักบุ้งขอใส่ข้าวโพดนะค้า” ฉันเทข้าวโพดลงในช่องสำหรับต้ม นี่ถือเป็นจุดเด่นของหมูกระทะไทยเลยก็ว่าได้ ฉันอยากกราบแนบตักคนคิดเตาหมูกระทะเสียจริงที่ได้สร้างเตาออกมาแบบนี้ หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่าการใส่ข้าวโพดเป็นเม็ด ๆ ลงไปในน้ำซุปนั้นวิเศษขนาดไหน แล้วยิ่งน้ำหมักจากหมูที่เราปิ้งด้านบนไหลลงมาแล้วนั้น ยิ่งทำให้น้ำซุปทั้งหอม หวาน เค็มนัวอย่าบอกใครเลย “เฮ้ย อย่าใส่เยอะดิ อร่อยรึเปล่าก็ไม่รู้” ฉันหันไปมองคนที่พึ่งสบประมาทสูตรลับเฉพาะของฉัน แล้วหันกลับมาตักข้าวโพดในน้ำซุปแล้วป้อนใส่ปากเขา “เป็นไง อร่อยใช่มั้ย” พี่กายไหวไหล่เล็กน้อย “ก็ดี” ไม่น่าเชื่อว่าอาหารที่สั่งมามากมาย ทยอยหมดไปอย่างรวดเร็ว เวลาผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงที่ฉันกินอย่างต่อเนื่อง ทำให้ฉันเริ่มรู้สึกอิ่ม และจุก แต่สิ่งที่ทำให้จุกมากกว่าอาหารดูเหมือนจะเป็นเพลงจากร้านหมูกระทะ เคยมีใครทำวิจัยรึยังว่าทำไมร้านหมูกระทะชอบเปิดเพลงเศร้า และเหมือนจะมีคนหนึ่งด้วยแล้วที่คิดเหมือนฉันตอนนี้ “เคยสงสัยกันปะ ทำไมร้านหมูกระทะชอบเปิดเพลงเศร้า?” “เพราะอยากให้มึงนั่งกินเงียบ ๆ ไง” ช็อตฟิวขั้นแรงสูงมาก พี่กายหันมองฉัน และพี่กวางที่มองตรงไปยังเขาด้วยสายตาไม่พอใจ “เลิกมองแบบนั้น เดี๋ยวพ่อก็ควักลูกตาหรอก” “อย่าไปสนใจเลยบุ้ง ว่าแต่ทำไมบุ้งน้ำตาคลอเบ้าอะ?” ฉันเงยหน้าขึ้น ใช้มือพัดน้ำตาไม่ให้ไหลมา กลั้นมันไว้สุดความสามารถ น้ำตาครั้งนี้ ไม่ได้มาเพราะควันหมูกระทะแต่อย่างใด แต่มาจากเพลงในร้านหมูกระทะต่างหาก “เพลงมันเศร้าอะเจ๊” “เฮ้ย จะร้องทำไม เพลงเศร้าก็ต้องชนดิวะ” พี่กวางหยิบหมูสามชั้นขึ้นมาชนเข้ากับหมูสามชั้นในมือฉัน เราเอาหมูสามชั้นเกรียม ๆ เข้าปากแล้วกอดคอกันร้องตามเพลงที่กำลังเปิดอยู่ “เหนื่อยพอแล้วที่พยายามทำให้เธอรัก” “แต่ไม่ได้ ให้รักเธอทั้งหัวใจคงไม่พอ” “รู้แล้วว่ารักไม่มีความหมาย” “พึ่งเข้าใจ ว่าคนมันไม่ใช่ก็คือไม่ใช่อยู่ดี” เพลงนี้มันเหมือนมีดกรีดลงกลางหัวใจฉันซ้ำ ๆ หน้าพี่ต้องเตลอยมาซ้อนทับกับเตาหมูกระทะในตอนนี้ เฮ้อ บางทีฉันก็ถามตัวเองนะว่าตอนนี้กำลังทำอะไรอยู่ ทั้งที่ฉันเองรู้ดีอยู่แล้วว่า ‘คนมันไม่ใช่ ก็คือไม่ใช่อยู่ดี’ กลับกลายเป็นว่า วันนี้ไม่ได้กินหมูกระทะเพียงอย่างเดียวแต่ได้กินน้ำตาด้วย อยากฝากถึงร้านหมูกระทะทุกร้านไว้ตรงนี้เลยนะคะ ถ้าจะเปิดเพลงเศร้าขนาดนี้เตรียมเหล้าไว้ให้หนูด้วย “ไง หมดสภาพเลยดิ” “อย่าแซวได้ปะ” ฉันบอกพี่กายด้วยเสียงแหบแห้ง เนื่องจากร้องเพลงกับพี่กวางเยอะไปหน่อย “ทีอย่างนี้ละ ทำมาเป็นอาย ตอนกอดคอร้องเพลงกลางร้านหมูกระทะกับไอ้กวางไม่เห็นอาย” “ไม่พูดด้วยแล้ว จอดด้านหน้าเลยค่ะ บ้านผักบุ้งอยู่ด้านหน้านี้แล้ว” ตอนแรกฉันจะนั่งรถกลับบ้านเอง แต่พี่กวางไม่ยอม เธอเลยให้พี่ชายของเธอมาส่งฉันที่บ้านส่วนตัวเธอเองนั้น แฟนมารับกลับไปก่อนหน้านี้แล้ว ฉันคิดว่าพี่กายคงไม่มาส่งฉันแน่เพราะไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่เขาต้องมาส่งแต่สุดท้าย เขากลับขับรถมาส่งฉันถึงบ้านจริง ๆ “เธออยู่บ้านคนเดียวเหรอ” “ยุ่งไรด้วยค่ะ” “เหอะ ปากดีจริงนะ” เมื่อรถจอดหน้าประตูบ้าน ฉันจึงเปิดประตูเดินลงไป จังหวะที่กำลังจะปิดประตู สำนึกดีบางอย่างก็เข้ามาในหัว ฉันเลยยื่นหน้าเข้าไปขอบคุณคนในรถ ถึงเขาจะหยาบคายแต่อย่างน้อยเขาก็เลี้ยงหมูกระทะ และมาส่งฉันถึงบ้าน “ขอบคุณ” พูดจบฉันก็รีบวิ่งเข้าบ้าน เมื่อได้ยินเสียงรถขับออกไป ฉันจึงหันกลับไปมอง ทำไมกันนะ ทำไมถึงรู้สึกว่าหัวใจเต้นแรงขนาดนี้เป็นเพราะรอยยิ้มของพี่กายเมื่อครู่อย่างนั้นเหรอ “ผักบุ้ง กลับมาแล้วเหรอ” เสียงที่คุ้นเคยทางด้านหลังเรียกให้ฉันหันกลับไปมอง “พี่ต้องเต”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม