ตอนที่4

1137 คำ
ระวังแพ้ทางสิง ตอนที่ 4 บังเอิญ (ผักบุ้ง) หลังจากฉันลืมตาขึ้นภาพที่เห็นไม่ใช่ภาพของผีน่ากลัวอย่างที่ฉันคิด แต่กลับเป็นใบหน้าหล่อที่กำลังมองมาทางฉันด้วยสีหน้าบึ้งตึง และตอนนี้ฉันต้องมานั่งชดใช้สิ่งที่ตัวเองเป็นคนทำ (เขาบอกอย่างนั้น) ผู้ชายคนนี้คือผู้ชายปากดี คนเดียวกับที่ฉันเจอเมื่อวันก่อน ตอนที่ฉันเห็นผีแล้วเกือบขี่จักรยานชนเข้ากับเสาไฟฟ้านั่นแหละ “ทาให้มันเบา ๆ ได้มั้ย มือหนักฉิบหาย” ฉันต้องข่มใจตัวเองเป็นรอบที่ร้อย ชายตรงหน้าบ่นแบบนี้มาตั้งแต่ฉันเริ่มทายาให้เขาจนถึงตอนนี้ เขายังไม่คิดจะหยุดบ่น ด้วยความหมั่นไส้ ฉันเลยกดลงที่รอยช้ำนั่นเต็มแรง “โอ๊ย อยากตายรึไงวะ!” ฉันสะดุ้งเมื่อสายตาดุดันคู่นั้นหันมามอง ตอนแรกอยากพูดออกไปว่าสมน้ำหน้าแต่พอเจอแบบนี้ ความกล้านั่นหายไปหมดเลยทำได้เพียงยกมือไหว้ขอโทษ “ขอโทษคร้าบ” “เหอะ มันน่าจับหักคอจริง” น่ากลัว หยาบคาย คือคำนิยายของผู้ชายคนนี้ เห็นอย่างนั้น ฉันจึงรีบทายาให้เขา จะได้ออกจากตรงนี้สักที ซึ่งตอนนี้เรานั่งอยู่ที่โต๊ะหินอ่อนบริเวณลานจอดรถ บางทีการที่เขาคนนี้ลากฉันมายังรถของเขา อาจไม่ใช่เพียงเพื่อเอายา แล้วให้ฉันทายาให้ก็ได้ เขาอาจจะคิดแผนฆ่าฉันอยู่ในหัว ฉะนั้นรีบชิ่งจะดีกว่า ติ๊ง ติ๊ง เสียงข้อความโทรศัพท์ดังขึ้น ฉันเลยล้วงมือหยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋ากระโปรง ชื่อคนที่ส่งข้อความมาทำให้ฉันยิ้มกว้าง รีบกดเข้าไปอ่านข้อความ ‘บุ้งอยู่ไหนแล้ว’ ‘ได้ของรึยัง’ ข้อความจากพี่ต้องเตทำให้ฉันหุบยิ้มลง สิ่งที่เขาถามไม่เกี่ยวกับฉันเลยสักนิดแต่เป็นเรื่องเกี่ยวกับสิ่งที่เขาต้องการเพียงฝ่ายเดียว ฉันอ่านข้อความซ้ำพลางถอนหายใจออกมา แล้วพิมพ์ตอบกลับไป ‘แตงโมกับบิวน่าจะใกล้ถึงแล้วแหละ ’หมายความมว่าไง‘ ‘บุ้งฝากแตงโม กับบิวไปให้นะคะ พอดีบุ้งเกิดอุบัติเหตุนิดหน่อย’ ‘เหรอ เป็นอะไรมากรึเปล่า ดูแลตัวเองด้วยนะ’ น้ำตาฉันไหลลงจากดวงตาเมื่อได้อ่านข้อความนั้น น้ำตาที่ไหลลงมา ไม่ใช่เพราะดีใจที่เขาพูดเหมือนเป็นห่วงแต่มันรู้สึกจุกต่างหาก ประโยคที่เขาพูดออกมาเหมือนคนไม่สนิทกันพูดกันมากกว่า มันดูเป็นถ้อยคำที่สวยหรู แต่ฉันกลับรู้สึกห่างเหินอย่างไรก็ไม่รู้ ฉันไม่รู้หรอกนะว่าตัวฉันเองคิดมากไปรึเปล่าแต่หากฉันรู้ว่าคนที่ฉันรัก หรือแคร์ เกิดอุบัติเหตุ ฉันคงแสดงความห่วงใยมากกว่านี้ แปะ แปะ น้ำตาสีใสหยดลงบนแผ่นหลังแกร่ง นั่นทำให้คนตรงหน้าฉันหันมาโวยวาย “เธอทำน้ำลายหกใส่หลังฉันรึไง” ฉันรีบปาดน้ำตาตัวเองออกจากใบหน้า และดึงเสื้อของเขาปิดลงดังเดิม “เสร็จแล้ว ฉันไปก่อนนะ” ไม่รอให้เขาตอบรับ ฉันก็รีบลุกออกจากเก้าอี้แต่เดินออกมาได้เพียงสองก้าวก็ต้องหยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคยเรียกชื่อ “มาทำอะไรตรงนี้อะผักบุ้ง” ใบหน้าสวยเหวี่ยงของผู้หญิงที่เดินเข้ามาทักทายฉัน ทำให้ฉันยิ้มออกมาก่อนจะเดินเข้าไปกอดแขนเธอ เพราะเธอคนนี้ไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นพี่รหัสสุดที่รักของฉันเอง “พี่กวาง คิดถึงจัง” “อย่ามาเว่อร์ แล้วนี่มาทำอะไรตรงนี้ ให้ฉันจองที่นั่งไว้ให้หมารึไง” “วู้ว แรงอะเจ๊” ฉันบุ้ยปากใส่ แล้วสายตาเหลือบไปเห็นผู้ชายหยาบคายคนนั้นพอดี ฉันเลยถือโอกาสฟ้องพี่กวางเสียเลย จะได้รู้เสียบ้างว่าฉันมีพี่รหัสโหดแค่ไหน “ก็ตาคนนี้อะสิ กักขังบุ้งไว้” “กักขัง?” “น้อยหน่อยยัยปลาทองเอ๋อ เธอเป็นคนวิ่งชนฉันนะโว้ย” “นี่มันเกิดเรื่องอะไรกัน ฉันงงไปหมดแล้ว” ก่อนที่ผู้ชายคนนั้นจะพูดต่อ ฉันรีบถือโอกาสขัดขึ้นก่อน “คือบุ้งวิ่งชนเขาจริงแต่บุ้งไม่ได้ตั้งใจนะ แล้วคนตัวโตนี่ก็สั่งให้บุ้งชดใช้แถมยังดุสารพัดอีกด้วย” “ยัยปลาทอง!!” ฉันรีบหลบหลังพี่กวางเมื่อเห็นท่าทางน่ากลัวของชายคนนั้น พี่กวางหันมามองฉัน แล้วหันไปมองผู้ชายคนนั้นพลางถอนหายใจออกมา “ไปแกล้งน้องมันทำไมวะกาย” “กูนี่นะแกล้ง” “เขาโวยวายใส่บุ้งทุกห้านาทีเลยค่ะ” ฉันเขย่งตัวขึ้นกระซิบบอกพี่กวางเพิ่ม ดูเหมือนผู้ชายคนนั้นจะได้ยิน เพราะสายตาที่เขามองมานั้นน่ากลัวกว่าเดิมเป็นสิบเท่า “พอเลยทั้งคู่ กายขอโทษน้องเขาซะ” “กูต้องขอโทษเหรอ ทั้งที่กูช่วยยัยปลาทองเอ๋อนี่ไว้อะนะ” ผู้ชายคนนั้นชี้นิ้วเข้าหาตัว พูดออกมาแล้วสบถอีกยาวเหยียด ท่าทางน่ากลัวแบบนั้น ทำให้ฉันไม่กล้ามอง ทำได้แค่เพียงหลบอยู่หลังพี่กวาง “เฮ้อ พี่ขอโทษแทนพี่ชายพี่ด้วยละกัน บุ้งไม่เป็นไรมากใช่มั้ย” ฉันเบิกตากว้าง มองหน้าพี่กวางด้วยความมึนงงก่อนจะหันไปมองหน้าผู้ชายคนนั้น และหันกลับมามองหน้าพี่กวาง ทำอย่างนั้นอยู่หลายครั้ง “เลิกทำหน้าเอ๋อสักที ฉันกับกวางเป็นพี่น้องกัน” “พี่น้อง?” “เออ จะดูสูติบัตรด้วยมั้ย” “พูดกับน้องดี ๆ หน่อยกาย นี่น้องรหัสกวางนะ” พี่กวางดึงฉันเข้าไปกอดคอ “ปะ กินหมูกระทะกัน” “เอ่อ ผักบุ้งว่า...” หมูกระทะก็อยากกินอยู่หรอกนะ แต่ตอนนี้ฉันอยากออกไปจากตรงนี้มากกว่า “ไม่ต้องคิดแล้ว เดี๋ยวให้กายเลี้ยง ถือว่าขอโทษที่มันดุเราไง” ฉันหันไปมองเจ้าของใบหน้าดุดัน คิดว่าเขาจะโวยวาย หรือปฏิเสธแต่เขากลับพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “เออ จะกินก็ตามมา” พี่กวางยิ้มกว้าง ส่วนฉันได้แค่มองตามด้วยความไม่เข้าใจ ทั้งที่เขาทำท่าทางเหมือนไม่ชอบฉันเสียขนาดนั้น แล้วอยู่ ๆ จะมาตอบตกลงยอมเลี้ยงหมูกระทะเพื่อขอโทษทำไมกัน “ไปกันเถอะ โชคดีชะมัด นาน ๆ ทีกายจะเลี้ยงข้าว” ฉันได้เพียงยิ้มแหยๆ ให้พี่กวาง แล้วเดินตามเธอไปอย่างเลี่ยงไม่ได้ เฮ้อ อย่างน้อยก็มีพี่กวางอยู่ ฉันคงไม่โดนเอาไปย่างแทนหมูหรอก (มั้ง) ——————- ฝากคอมเมนท์ กดหัวใจหน่อยน้า
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม