เสิ่นเจียหนิง
กึก กึก กึก กึก
เสียงรองเท้าส้นสูงดังก้องไปทั่วบริเวณออฟฟิศบนตึกสูงใจกลางเมือง เจ้าของรองเท้าพื้นสีแดงแบรนด์ Christian Louboutin เดินเฉิดฉายไปมาอย่างมั่นใจท่ามกลางสายตาที่เต็มไปด้วยความชื่นชมปนอิจฉา
"รองประธานเสิ่นมาที่แผนกบุคคลมีอะไรให้พวกเรารับใช้คะ?"
เจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคลของบริษัทรีบเอ่ยถามผู้มาเยือนอย่างทันท่วงที ใคร ๆ ในบริษัทเฟอร์นิเจอร์และออกแบบตกแต่งบ้านแห่งนี้ต่างก็รู้ดีว่ารองประธานสาวคนนี้จริงจังกับงานมากแค่ไหน
"ฉันแค่เอาใบลาพักร้อนมาส่งค่ะ ท่านประธานเซ็นอนุมัติเรียบร้อยแล้วนะคะ"
เสิ่นเจียหนิง หญิงสาวในยุคปัจจุบัน เธออายุ 28 ปีทั้งยังมีหน้าที่การงานมั่นคง มีรถมีบ้านอยู่กลางเมืองใหญ่ รายได้ต่อปีของเธออยู่ที่หลายล้านหยวน ถือว่าเธอเป็นหญิงสาวที่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานคนหนึ่ง
บริษัทนี้เธอกับรุ่นพี่ที่สนิทกันร่วมกันสร้างมันขึ้นมา ใช้เวลากว่า 3 ปี ในที่สุดบริษัทก็กลายเป็นที่รู้จักเป็นวงกว้างเพราะได้รุ่นน้องอีกหลายคนเข้ามาร่วมงาน อีกทั้งยังมีการขายในช่องทางใหม่ ๆ ที่กำลังเป็นที่นิยมในสังคมเช่นการไลฟ์สด
เธอมีพร้อมทุกอย่างแต่กลับไม่มีความสุข แฟนหนุ่มที่คบได้หลายปีก็ต้องเลิกรากันไปเพราะอีกฝ่ายนอกใจไปทำผู้หญิงคนอื่นตั้งท้อง จากนั้นเป็นต้นมาเธอจึงอยู่คนเดียวมาโดยตลอด และไม่กล้าเปิดใจให้ใครอีก
"ทราบแล้วค่ะ ดิฉันจะจัดการต่อให้เรียบร้อย ว่าแต่รองประธานเสิ่นหยุดยาวตั้ง 10 วัน จะไปเที่ยวที่ไหนเหรอคะ"
"คิดว่าจะขับรถเล่นไปเรื่อย ๆ ค่ะ ค่ำไหนก็นอนนั่น"
"เที่ยวให้สนุกนะคะ"
"ค่ะ แล้วจะซื้อขนมมาฝากนะ"
"อุ้ย ขอบคุณค่ะ"
เสิ่นเจียหนิงเดินกลับเข้าไปปิดคอมพิวเตอร์พร้อมกับหยิบกระเป๋าถือ ก่อนจะเดินออกจากออฟฟิศไปโดยที่เธอไม่รู้เลยว่า การจากไปครั้งนี้เธอจะไม่ได้กลับมาที่นี่อีกแล้ว
"หลิวหลิว งานที่ค้างคาอยู่พี่เซ็นให้หมดแล้วนะ ไว้เจอกันอาทิตย์หน้าจ้ะ"
เสิ่นเจียหนิงบอกลาเลขาหน้าห้อง เธอลาพักร้อน 10 วัน เธอตั้งใจจะไปพักผ่อนต่างเมืองเงียบ ๆ เพียงลำพัง วันนี้จึงเป็นวันสุดท้ายที่เธอต้องสะสางงานทั้งหมดให้เสร็จก่อนออกเดินทางในวันพรุ่งนี้
"ค่ะพี่เจียหนิง เที่ยวให้สนุกนะคะ แล้วเจอกันอาทิตย์หน้าค่ะ"
"จ้ะ แล้วพี่จะซื้อของมาฝากนะ"
"ว่าแต่พี่จะไปไหนคะ หนูจะได้รู้ว่าจะฝากพี่ซื้ออะไรที่เป็นของขึ้นชื่อของที่นั่น"
เจียหนิงขยี้ผมของเลขาตัวน้อยเบา ๆ เธอเอ็นดูอีกฝ่ายไม่ต่างจากน้องสาว คงมีแต่หลิวหลิวคนนี้ที่กล้าพูดคุยเรื่องทั่วไปกับเธอนอกเหนือจากเรื่องงาน
"เรานี่นะ พี่กะว่าจะขับรถไปฉางซา แต่ไม่รู้จะถึงวันไหนเหมือนกัน เอาเป็นว่าพี่จะถ่ายรูปส่งมาในวีแชทเรื่อย ๆ นะ"
"กลับไปเยี่ยมบ้านเหรอคะ หนูรอได้ ขับรถไกลขนาดนั้นต้องระมัดระวังเป็นพิเศษด้วยนะคะ"
"รู้แล้วจ้า พี่กลับแล้วนะ ยังต้องไปเก็บของที่บ้านอีก"
แสงอาทิตย์ยามเย็นทอแสงอ่อน ๆ ลอดผ่านตึกสูงระฟ้า เจียหนิงก้าวเดินออกมาจากอาคารสำนักงาน ผ่านดงผู้คนมากหน้าหลายตาที่ต่างเร่งรีบกลับบ้านหลังเลิกงาน เสียงแตรรถยนต์ดังก้องไปทั่ว ทำให้เธอรู้สึกเหมือนเป็นเพียงส่วนเล็ก ๆ ในสังคมเมืองที่วุ่นวายนี้
เจียหนิงขึ้นรถยนต์คันหรูที่จอดรออยู่ในลานจอดรถ ขณะขับรถเคลื่อนตัวไปตามท้องถนน เธอเฝ้ามองผู้คนเดินจูงมือกันไปมา คู่รักหนุ่มสาวหัวเราะคิกคัก เด็ก ๆ วิ่งเล่นอย่างมีความสุข ภาพเหล่านั้นยิ่งทำให้เธอรู้สึกเปลี่ยวเหงาอย่างบอกไม่ถูก
ถึงแม้จะมีทุกสิ่งทุกอย่างที่ใคร ๆ ก็อยากได้ แต่เจียหนิงกลับรู้สึกขาดอะไรบางอย่างไป เธอมีเพื่อนร่วมงานมากมาย มีงานทำที่มั่นคง แต่กลับรู้สึกโดดเดี่ยวในใจเสมอมา ความรู้สึกนี้ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นทุกทีเมื่อเวลาผ่านไป
เมื่อรถยนต์คันหรูเคลื่อนตัวเข้ามาจอดในโรงจอดรถในวิลล่าหรู เจียหนิงก้าวลงจากรถแล้วเดินเข้าไปในบ้านอย่างเงียบ ๆ เธอตรงไปยังห้องนอนและลากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ใบหนึ่งออกมา ก่อนเริ่มจัดเตรียมเสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัว
"ฉางซา...นานแค่ไหนแล้วที่ไม่ได้กลับไป ขอให้ที่นั่นทำให้ฉันคลายเหงาลงได้บ้างก็ยังดี"
เจียหนิงคิดในใจพลางจินตนาการถึงภาพบรรยากาศเมืองโบราณอันแสนอบอุ่นของเมืองฉางซา ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อในมณฑลหูหนาน และยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวใกล้บ้านเกิดของเธอ
การเดินทางครั้งนี้ เธอหวังว่าจะได้พบเจอกับผู้คนใหม่ ๆ และญาติพี่น้องห่าง ๆ กิจกรรมมากมายอาจจะทำให้เธอได้สัมผัสประสบการณ์ใหม่ ๆ และที่สำคัญที่สุดคือ ได้เติมเต็มความสุขให้กับชีวิตที่ขาดหายไป เจียหนิงเชื่อว่าการเดินทางครั้งนี้อาจจะทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นกว่าเดิมก็ได้
ในยามค่ำคืนหลังจากจัดกระเป๋าเดินทางเสร็จ เสิ่นเจียหนิงเลือกที่จะนั่งอยู่บนโซฟาตัวโปรดมองออกไปยังวิวเมืองที่เต็มไปด้วยแสงสี แต่กลับรู้สึกถึงความว่างเปล่าในใจ เธอเปิดเพลงบรรเลงเบา ๆ เพลงที่คุ้นเคยตั้งแต่เด็ก เพลงที่มักจะได้ยินพ่อเล่นกีตาร์ให้ฟังตอนอยู่บ้านที่ชนบท
เสียงเพลงพาให้เสิ่นเจียหนิงนึกถึงวันวานที่เคยใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายที่บ้านเกิด บ้านหลังเล็ก ๆ ที่รายล้อมไปด้วยทุ่งนาเขียวขจี เสียงหัวเราะของพ่อแม่ที่ดังก้องอยู่ในความทรงจำ ภาพของครอบครัวที่อบอุ่นค่อย ๆ ลอยขึ้นมาในหัวใจ เธอคิดถึงอาหารที่แม่ทำให้อร่อยทุกมื้อ คิดถึงบรรยากาศยามเย็นที่ได้นั่งคุยกับพ่อแม่ใต้ร่มไม้ใหญ่ คิดถึงเพื่อนบ้านที่เป็นกันเอง
แต่แล้วความคิดถึงก็ถูกตัดขาดลงด้วยความรู้สึกโหยหาที่ค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นมาในใจ พ่อแม่ของเธอจากไปตั้งแต่เธอยังเรียนไม่จบ เธอต้องย้ายเข้ามาอยู่ในเมืองเพื่อทำงานและใช้ชีวิตตามลำพัง ญาติห่างๆ ที่เคยติดต่อกันตอนเด็กก็ค่อย ๆ ห่างเหินกันไปตามกาลเวลา ในตอนนี้เธอรู้สึกเหมือนเป็นคนโดดเดี่ยวอยู่ในเมืองใหญ่แห่งนี้
เสิ่นเจียหนิงพยายามที่จะปรับตัวเข้ากับชีวิตในเมือง แต่ก็ยังคงมีความรู้สึกผูกพันกับบ้านเกิดอยู่เสมอ เธอประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน มีเงินทอง มีทุกอย่างที่คนทั่วไปใฝ่ฝัน แต่กลับรู้สึกว่าสิ่งเหล่านี้ไม่สามารถเติมเต็มความสุขในใจได้อย่างแท้จริง
"ฉันกำลังตามหาอะไรอยู่กันแน่? ความสุขที่แท้จริงคืออะไร?"
เสิ่นเจียหนิงถามตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า คำถามเหล่านี้วนเวียนอยู่ในหัวของเธอราวกับไม่มีวันหาคำตอบได้ การเดินทางไปพักผ่อนในครั้งนี้ อาจจะเป็นโอกาสให้เสิ่นเจียหนิงได้กลับมาสำรวจตัวเองและหาคำตอบที่ต้องการก็เป็นได้
หลังจากที่เสิ่นเจียหนิงใช้เวลาครุ่นคิดอยู่พักใหญ่ เธอก็ลุกขึ้นไปหยิบกล่องเก่า ๆ ที่เก็บไว้ใต้เตียงออกมา กล่องใบนี้บรรจุไปด้วยของที่ระลึกต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นรูปถ่ายเก่าสมัยเด็ก ของเล่นชิ้นโปรด หรือจดหมายที่พ่อแม่เขียนถึงเธอ
เสิ่นเจียหนิงเปิดกล่องออกมาอย่างเบามือ ใบหน้าของเธอฉายแววความสุขและความเศร้าปนกันไป เธอหยิบรูปถ่ายครอบครัวขึ้นมาดู ภาพของพ่อแม่ที่ยิ้มแย้มแจ่มใส และตัวเธอตอนเด็กที่กำลังหัวเราะอย่างมีความสุข ทำให้เธออดที่จะน้ำตาไหลออกมาไม่ได้
"พ่อ...แม่...หนูกำลังจะกลับไปเยี่ยมนะคะ"
เสิ่นเจียหนิงกระซิบเบา ๆ พร้อมกับกอดรูปถ่ายไว้แน่น เธอรู้สึกเหมือนได้กลับไปอยู่ในอ้อมกอดที่อบอุ่นของพ่อแม่อีกครั้ง ของในกล่องนี้ถือเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวทางจิตใจที่เธอทะนุถนอมเป็นอย่างดีเสมอมา