จุดเริ่มต้นของความบังเอิญ
"เวคินทร์ ภิภพธรรม์" ดร.หนุ่มนักเรียนนอก วัย 28 ปี กำลังเก็บกระเป๋าเดินทางเพื่อเดินทางกลับประเทศไทย คุยโทรศัพท์อยู่กับปลายสายคือ นายแม่วันศรี ผู้เป็นมารดา
"ครับนายแม่ ผมถึงไทยแล้วจะรีบกลับบ้านเลยครับ เหนื่อยมากคงไม่ได้แวะที่ไหนหรอกครับ"
"ดีเลยแม่จะได้นัดให้เจอกับลูกสาวของป้านุชนาถเพื่อนสนิทแม่เอง แม่จะชวนเขามาทานข้าวบ้านเรา"
"แค่นี้ก่อนนะครับนายแม่ผมยุ่งอยู่" เวคินทร์รีบตัดบทและวางสายพร้อมถอนหายใจว่าจะต้องเจอกับอะไรเมื่อกลับถึงบ้าน
"ถอนหายใจดังจังวะเพื่อน นายแม่อีกแล้วสิ ฮ่าๆๆ" ภิลพเพื่อนผู้อยู่เกือบทุกช่วงเวลาของเวคินทร์รู้โดยที่ไม่ต้องถามเพื่อนซ้ำว่านายแม่พูดอะไรกับเขา
" เออ สิวะ อยู่โสดๆแบบนี้มันเสียหายตรงไหน ฉันยังไม่อยากแต่งงาน" เวคินทร์ ตอบเพื่อนอย่างหัวเสีย
"เอาน่าลองเปิดใจดู เผื่อแกจะลืม....สิ ได้" ภิลพหมายถึงสสิมาแฟนเก่ารักฝังใจของเวคินทร์ที่ทิ้งเขาไปแต่งงาน จนทำให้เขากลายเป็นคนที่รักใครไม่เป็นมาจนกระทั่งวันนี้
"รีบๆอย่าสายนะแกไอ้ลพเดี๋ยวจะตกเครื่อง ฉันไปนอนละง่วง" เวคินทร์ทำเป็นไม่ใส่ใจคำพูดของภิลพและหาเรื่องเข้านอนแทน
แต่ใช่ว่าเขาจะนอนหลับในใจยังคงครุ่นคิดถึงแต่เรื่องวันวานที่ผ่านมาระหว่างเขากับสสิมาทั้งคืน
รุ่งเช้า เวคินทร์และภิลพพากันออกเดินทางไปที่สนามบินเพื่อเดินทางออกจากประเทศสหรัฐอเมริกากลับสู่ประเทศไทย การเดินทางครั้งนี้เวคินทร์ต้องกลับมาเพื่อสืบทอดบริษัทต่อจากพ่อของเขาที่อยากจะเกษียณตัวเองเต็มที ระหว่างอยู่บนเครื่องในใจมีแต่คิดหาทางออกว่าจะหลีกเลี่ยงการจับคู่ของนายแม่ได้อย่างไร คิดเท่าไรก็หาทางออกไม่ได้เสียที
"เอาน่าไอ้คิน ไปถึงแล้วพักผ่อนก่อนค่อยช่วยกันคิด ไปเจอกับเขาก่อนแกอาจจะถูกใจก็ได้นะ" ภิลพปลอบใจเพื่อน
"เป็นตายไงฉันก็ไม่แต่ง" เวคินทร์ยึดมั่นในความรู้สึกตัวเอง
"แกคิดว่าแกขัดนายแม่แกได้หรือ ไม่อย่างนั้นทุกคนคงไม่เรียกท่านว่านายแม่" ภิลพยิ้มมุมปากพร้อมตบไหล่เพื่อนเบาๆ
"มันต้องมีสักทางสิ" เวคินทร์พึมพำกับตัวเองเบาๆแล้วกอดอกนั่งนิ่งไปจนผลอยหลับไป
การเดินทาง 20 ชั่วโมงสิ้นสุดลงเมื่อเสียงลูกเรือสาวประกาศให้ผู้โดยสารรัดเข็มขัดเพราะเครื่องกำลังลงจอดที่รันเวย์
เหมือนนายแม่จะรู้ทันเวคินทร์ไปเสียทุกเรื่องพยายามดักทางเขาทุกทางเพื่อให้ตามใจตนเอง
"ครับ นายแม่เพิ่งลงถึงสนามบิน นายแม่นี่รู้เวลาจังเลยนะครับ" เวคินทร์เหน็บผู้เป็นแม่เบาๆแกมหยอกล้อ
"แน่นอน ไม่อย่างนั้น..."
"ทุกคนคงไม่เรียกแม่ว่านายแม่ ใช่ไหมครับ" เวคินทร์พูดแทรกจนประสานเสียงกับวันศรี
"ตาคิน อย่ามาล้อแม่นะ แต่เอาเถอะรู้ไว้ก็ดี อย่าลืมเย็นนี้แต่งตัวหล่อๆเรามีนัดทานข้าว" วันศรีเสียงสูงเมื่อถูกล้อเลียนแต่ก็ไม่ใส่ใจเพราะถึงอย่างไรเธอก็ต้องได้ในสิ่งที่ต้องการ
"ผมมีเมียแล้วครับ" เวคินทร์พูดไปส่งๆ ภิลพเพื่อนรักถึงกับมองหน้าว่าอะไรกันเนี่ย
"หา อะไรนะตาคิน แกไปมีเมียตั้งแต่เมื่อไรทำไมแม่ไม่เคยรู้ อย่าบอกนะว่าเอาฝรั่งตาน้ำข้าวมาทำเมียแม่ไม่ยอมรับหรอกนะ" วันศรีถึงกับหัวเสียในสิ่งที่ลูกชายมาบอกแบบสายฟ้าแลบ
"ถ้านายแม่ไม่เชื่อก็ถามไอ้ลพมันดูได้ครับ" เวคินทร์โยนไปที่เพื่อนแบบที่ไม่ได้เตี๊ยมกันมาก่อน
" ฉันเนี่ยนะรู้ ตอนไหนวะ" ภิลพพูดแบบไม่ออกเสียง ทำหน้าฉงนพร้อมชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง
"ถ้างั้นพามาพบแม่เย็นนี้" วันศรีเชิดหน้าและพูดเสียงเฉียบขาด
"หา ผมเพิ่งกลับมาเหนื่อยๆนะครับนายแม่" เวคินทร์กลายเป็นฝ่ายร้องหาเสียเอง
"ไม่รู้แหล่ะถ้าแกพาเมียแกมาพบแม่เย็นนี้ไม่ได้ แกต้องดูตัวกับลูกสาวเพื่อนแม่ ไม่มีทางเลือกไม่อย่างนั้นทรัพย์สมบัติทุกอย่างจะไม่มีชื่อของเวคินทร์อยู่ในพินัยกรรม" วันศรียิ้มเจ้าเล่ห์เมื่อถือไพ่เหนือกว่า
"โอ้ยยย" เสียงหญิงสาวร้องด้วยความจุกจนทำให้เวคินทร์หันไปมองทันที
"พลอยรัก" รีบเดินไม่ดูทางเลยสะดุดกับกระเป๋าเดินทางแบบล้อลากของเวคินทร์ซึ่งเขาเองก็ไม่ทันระวังเหมือนกันเพราะมัวแต่คุยโทรศัพท์มือถืออยู่กับแม่
"ซวยอะไรกันนักนะไอ้พลอยวันนี้ตกงานแล้วยังมาเจ็บตัวอีก"
หญิงสาวล้มกลิ้งกองอยู่กับพื้นร้องโอยๆแล้วก็เงยหน้าขึ้นมามองเวคินทร์ผู้เป็นเจ้าของกระเป๋าใบต้นเหตุแต่ยังไม่ทันที่จะเอ่ยปากพูดอะไร ทันทีที่เวคินทร์เห็นหน้าเธอก็คิดอะไรบางอย่างออกเลยหันกลับไปคุยโทรศัพท์กับต้นสายต่อว่า
"ได้ครับนายแม่ ผมจะพาเมียผมไปพบแม่แต่ผมขอเวลาสักวันสองวันนะครับพอดีเขาต้องแวะไปทำธุระที่อื่นก่อน" ไม่รอให้ต้นสายตอบอะไรเขาก็กดวางสายทันที
"ฉันจะคอยดู" วันศรีบ่นพึมพำกับตัวเองแบบไม่ชอบใจนัก
"เป็นอะไรไหมครับคุณ" ภิลพเอ่ยถามพร้อมยื่นมือช่วยฉุดพลอยรักขึ้นมา
แต่พอพลอยรักยื่นมือให้ภิลพ เวคินทร์ก็ยื่นมือแทรกไปดึงพลอยรักขึ้นมาแทนเสียเอง แต่ก็ดึงเร็วจนพลอยรักเซเข้าหาตัวเขาจนหน้าถลำไปจนชนหน้าอกของเวคินทร์พอได้เงยหน้ามองต่างคนต่างจ้องตากันอยู่เสี้ยววินาทีเวคินทร์ก็เอ่ยปากพูดขึ้นมา
"ผมมีงานให้คุณทำ" เวคินทร์ไม่พูดพร่ำทำเพลงหรืออรัมภบทอะไรทั้งนั้น ทั้งพลอยรักและภิลพต่างงงเป็นไก่ตาแตกไม่เข้าใจในสิ่งที่เวคินทร์พูดสักนิด
................................................................................................................