ในบ้านหลังกะทัดรัด ท่ามกลางธรรมชาติที่ยังคงสะอาดสดใสห่างไกลมลพิษ ชายหนุ่มรูปร่างสูงสมาร์ตกำลังยืนหันหลังทำอะไรบางอย่างอยู่หน้าเตาแก๊ส เสียงผัดๆ ทอดๆ จากกระทะดังเป็นระยะ
บนร่างหนามีผ้ากันเปื้อนลายคิตติ้สีชมพูคล้องคอและผูกกับเอว ขัดแย้งกันอย่างสิ้นเชิง กับกางเกงสแล็กเนื้อดีสีดำและเสื้อเชิ้ตแอร์โรว์สีฟ้าอ่อนที่ชายเสื้อเก็บซ่อนไว้อย่างเรียบร้อยในกางเกง คาดเอวด้วยเข็มขัดหนังเข้าชุดกัน
ธารนที วิเวศน์วัฒนากุล ชายหนุ่มคนเดียวของบ้าน อายุยี่สิบแปดปี อมยิ้มด้วยความภูมิใจเมื่อผัดผักรวมมิตรหมูกรอบของโปรดของผู้หญิงที่เขารักที่สุด สุกหอมกรุ่นได้ที่พร้อมเสิร์ฟ
มือหนาเอื้อมไปหยิบจานขนาดกลางสำหรับใส่กับข้าว ก่อนจะบรรจงตักอาหารกลางวันวางในจานอย่างตั้งใจ เขาเอากระทะและตะหลิวไปแช่ไว้ที่อ่างล้าง ก่อนจะเดินกลับมายกเอาจานผัดผักและอาหารอีกสองสามอย่างที่เตรียมไว้แล้วไปวางที่โต๊ะกินข้าวที่อยู่ด้านนอก
กลิ่นที่เกิดจากการทำอาหารยังลอยอวลคละคลุ้งอยู่ในครัว จึงเดินไปเปิดหน้าต่างไม้บานหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ห่างจากเตา ให้ลมธรรมชาติโชยเข้ามาและแสงแดดได้สาดส่อง เพื่อให้ครัวที่ยังคงมีกลิ่นจากอะไรต่อมิอะไรอับชื้นน้อยลงไปบ้าง
ธารนทีถอดผ้ากันเปื้อนออกเป็นลำดับสุดท้าย หลังจัดวางอาหารกลางวันและน้ำดื่มเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก่อนจะเดินออกไปยังหน้าบ้าน ที่มองเห็นร่างของใครบางคนนั่งซึมอยู่
“คิดถึงยายอยู่หรือครับแม่” วงแขนแกร่งสวมกอดลงไปบนเอวหนาของมารดา ที่กำลังนั่งเช็ดน้ำตาเงียบๆ
“แม่ร้องไห้อีกแล้วนะครับ” เขาพูดต่อเมื่อยังไม่มีคำตอบใดๆ เปล่งออกมา นอกจากมืออวบๆ ที่ยกขึ้นเช็ดป้ายน้ำตาออกไปเท่านั้น
“แม่เปล่าร้องนะ น้ำตามันไหลเอง”
“โธ่ แม่ครับ ผมรักแม่นะครับ…อาหารกลางวันเสร็จแล้ว เราไปกินกันดีกว่า กำลังร้อนๆ เลย เดี๋ยวเย็นแล้วจะไม่อร่อยนะครับ”
“จ้ะ” นางรับคำบุตรชาย ก่อนจะลุกขึ้นเดินตามแรงประคองไปยังโต๊ะที่มีอาหารจัดเตรียมไว้
ธารนทีเลื่อนเก้าอี้ให้มารดานั่งครั้นเดินมาถึง ก่อนที่เขาจะนั่งลงฝั่งตรงข้าม มือหนาชะงักการกระทำที่กำลังจะตักกับข้าว เมื่อเห็นสายตาของบุพการีมองเหม่อจดจ่ออยู่กับอาหารบนโต๊ะ แต่ยังไม่ยอมแตะต้อง
“แม่ครับ…”
“ถ้ายายยังอยู่ก็คงดีสิเนอะ เราจะได้กินข้าวด้วยกันสามคน”
“ยายก็ยังไม่ได้จากไปไหนนี่ครับ ยายยังอยู่ตรงนี้…”
มือหนาตบเบาๆ ลงบนอกข้างซ้าย ก่อนจะยิ้มให้คนหน้าเศร้าที่นั่งตรงข้าม แล้วพูดต่อ
“อยู่ในใจของพวกเราไงครับ”
“จ้ะ” อีกครั้งที่นางสุดารับคำอย่างว่าง่าย ไม่มีคำพูดใดจะเหมาะกับนางเท่าคำนี้อีกแล้ว
ที่ลูกชายพูดนั้นถูกทุกอย่าง ตั้งแต่เขาเติบโตมา ก็เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงหลักในการดูแลทุกคนในบ้าน แทนผู้นำครอบครัวอย่างพ่อของเขาที่เสียชีวิตไปนานแล้ว
นางรู้ว่าธารนทีเหนื่อยกับภาระหลากหลายที่ต้องรับผิดชอบ แต่เขาก็ไม่เคยปริปากบ่น ดังนั้น เพื่อความสบายใจของเขา นางจะไม่เศร้าให้บุตรชายต้องกังวลใจไปด้วย
“ลองชิมนี่นะครับ ของโปรดแม่” ผัดผักรวมมิตรหมูกรอบถูกตักมาเสิร์ฟถึงจานอย่างเอาใจ เรียกรอยยิ้มให้เกิดขึ้นบนใบหน้าที่เคยเศร้าหมองของมารดาได้เป็นอย่างดี
“อร่อยมากเลยลูก”
“งั้นกินเยอะๆ นะครับ”
“ก็เพราะแม่ทำตามที่น้ำบอกนั่นแหละ ถึงได้อ้วนเป็นหมูแบบนี้”
นางสุดาต่อว่าลูกชายไม่จริงจังนัก แต่ก็อดกล่าวโทษไม่ได้ ก็เรื่องของน้ำหนักกับผู้หญิงมันเป็นอะไรที่สร้างความกังวล และเหตุผลส่วนใหญ่ก็เพราะพ่อลูกชายตัวดีที่มีฝีมือปลายจวักนี่ล่ะ
“งั้นเดี๋ยวน้ำจะพาแม่วิ่งออกกำลังกายทุกเย็นดีไหมครับ”
“ไม่มีทางจ้ะ แม่ขออ้วนแบบนี้ดีกว่าต้องไปวิ่งรอบหมู่บ้านกับน้ำ”
ธารนทีส่ายหน้ายิ้มๆ ให้กับคำปฏิเสธทันท่วงทีของแม่ นี่ล่ะหนา คนเรามักมีข้ออ้างเสมอในการที่จะแก้ไขสิ่งที่ตัวเองไม่ชอบใจ แต่ไม่ว่ามารดาเขาจะเป็นยังไง เขาก็มั่นใจว่าจะดูแลท่านได้ดี ให้สมกับที่ท่านรักและดูแลเขามาตลอดทั้งชีวิต…
“ขับรถดีๆ นะลูก”
นางสุดาบอกลูกชายที่เปิดประตูเข้าไปนั่งและคาดเข็มขัดนิรภัยจนเรียบร้อยแล้ว
“ครับผม” ธารนทียิ้มให้มารดาอย่างอ่อนโยน สายตาที่มองด้วยความเป็นห่วงเป็นใยอย่างท่วมท้นนั้น ทำให้เขาต้องเอื้อมมือไปจับมือของท่าน ก่อนจะเอ่ยบอกให้คลายใจ เหมือนเช่นแทบทุกวันที่กลับมารับประทานอาหารกลางวันที่บ้านแล้วต้องขับรถกลับไปทำงานต่อในช่วงบ่าย
“ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับแม่ อยู่บ้านคนเดียวอย่าแอบไปร้องไห้อีกนะครับ” ผู้เป็นลูกเอ่ยยิ้มๆ ก่อนจะได้รับสายตาดุๆ ส่งกลับมา
“ไม่ต้องมาแซวแม่เลย รีบไปเถอะ จะบ่ายแล้ว อย่าขับรถเร็วนักล่ะ”
“ครับเจ้านาย”
ยิ้มให้ท่านอีกครั้ง ก่อนจะสตาร์ตรถให้เคลื่อนออกไปจากบ้านสองชั้นหลังขนาดกลาง ที่อบอวลไปด้วยความอบอุ่นในครอบครัว
ธารนทีขับรถไปเรื่อยๆ โดยไม่รีบร้อน ตอนนี้เป็นเวลา 12.45 น. จากบ้านเขาไปที่ทำงาน ขับรถไปประมาณไม่เกินสิบนาทีก็ถึงแล้ว เขาจึงไม่จำเป็นต้องขับรถไวให้เสี่ยงอันตราย
แล้วชายหนุ่มก็มาถึงจุดหมายปลายทางอันเป็นสถานที่สร้างรายได้ให้เขา นับตั้งแต่เรียนจบสัตวแพทย์จากมหาวิทยาลัยชื่อดังในกรุงเทพฯ และกลับมาอยู่ที่บ้านกับมารดา ก็ได้งานเป็นสัตวแพทย์ประจำอยู่ที่ไร่แห่งนี้