บทที่ 11 ข้อแลกเปลี่ยน

2827 คำ
หลายวันต่อมา... แม้ว่าโรงอาหารภายในบริษัทจะครึกครื้นไปด้วยผู้คนหลายร้อยคนที่มากินข้าวฟรีตามสวัสดิการของบริษัท แต่ม่านฟ้าก็ไม่ได้รู้สึกเหมือนกับทุกคนที่กำลังพูดคุยกันเฮฮา หลายวันผ่านมาเธอไม่ได้คุยกับผู้ชายคนนั้นอีก เพราะเขาไม่ให้เธอเข้าพบและเก็บตัวเช่นเดียวกัน หญิงสาวเพิ่งไปคุยกับรักษาการประธานบริษัทอย่างพาวินท์ เรื่องงานของเธอ เจ้าตัวบอกจะให้เธอย้ายมาทำงานกับเขาแทน เป็นพนักงานในส่วนของเขาเพียงเท่านี้พาคินณ์ก็ไม่สามารถไล่เธอออกได้แล้ว กระนั้นม่านฟ้าก็ไม่ได้รู้สึกดีแม้แต่น้อย “เฮ้อ...ฉันจะโกรธแกแล้วนะ โลกใบนี้มันยังไม่แตกสักหน่อย แกจำแฟนคนแรกของฉันได้ป่ะ...ที่เขาบอกเลิกฉันเพราะฉันกินข้าวเยอะน่ะ” “_” “แกก็คิดเสียว่าเลิกกับเขาไป คนเราไม่จำเป็นต้องหาเหตุผลการเลิกกันหรอก ฉันโดนบอกเลิกด้วยเหตุผลแปลก ๆ เยอะมาก อกหักไม่รู้กี่ครั้ง...” “ฮึก...” “แกร้องไห้...” บัวรินตกใจ ม่านฟ้าร้องไห้ทั้ง ๆ ที่กำลังตักข้าวเข้าปาก สาวเจ้าไม่ได้ยินคำปลอบใจของเพื่อนเลยกระมัง “อึก ฉันไม่รู้ว่าทำไมฉันถึงรู้สึกมากขนาดนี้ แต่...อึก ฉันรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองขาดอะไรไป อาจจะเป็นเพราะเราอยู่ด้วยกันมานาน” เธอว่าพร้อมกับน้ำตาหลั่งริน ความรู้สึกอกหักแบบนี้เธอไม่เคยเป็นมาก่อน “มีหลายคู่ที่เขาอยู่กันมานาน คบกันสิบปียี่สิบปีก็เลิกกันได้ เดี๋ยวแกก็จะดีขึ้น เฮ้อ...แกร้องไห้แบบนี้ยัยนั่นก็ยิ่งชอบใจนะ ดูสิ...มันมองมาทางนี้แล้ว” ม่านฟ้ารีบดึงทิชชูขึ้นมาซับน้ำตา บัวรินพูดอย่างนี้เหมือนกับจะบอกว่าอิงฟ้ามองอยู่ “สิ่งหนึ่งที่ฉันสัมผัสได้คือ...ท่านรองฯโง่ดูผู้หญิงตอแหลไม่ออก ฉันเห็นเขาทำงานดีจะตาย พออยู่กับนังนั่นไม่รู้หรือไงว่าเป็นคนยังไง มาทำงานได้แป๊บเดียวก็มีเรื่องทุกวัน เฮ้อ...” บัวรินร่ายยาวเหยียด เช่นเดียวกับม่านฟ้าที่หันไปมองอิงฟ้าที่อยู่ไกลออกไป เธอเห็นอีกฝ่ายคว่ำปากให้ “ดูสิ...มันเยาะเย้ย อย่าเอาพิมเสนไปแลกกับเกลือเลยนะ” ม่านฟ้าไม่ได้พูดอะไร มีแค่บัวรินที่ออกตัวแทนเพื่อน “ขอบใจแกนะ...เพราะฉันรู้ว่าผู้หญิงคนนั้นร้ายฉันก็เป็นห่วงเขาขึ้นมา ถ้าคนใหม่ของเขาเป็นคนดีฉันก็วางใจได้บ้าง แต่...” “แกจะเป็นคนดีไปถึงไหน คราวก่อนก็เพราะท่านรองฯเขามีปัญหาที่บ้านแกก็อยู่เป็นเพื่อนเขา แล้วเห็นไหม สุดท้ายเขาก็ไม่เห็นหัวแกอยู่ดี” “_” ม่านฟ้าก้มหน้าลงน้ำตาก็ร่วงแหมะ เธอส่ายหน้าเบา ๆ ไม่อยากยอมรับความจริงเรื่องนี้ “ไหนแกบอกว่าผู้ชายที่แม่หามาให้โอเคเลย แกไม่นัดเขามาเจอล่ะ ออกไปทำอะไรกับคนอื่นบ้าง...” “เราตกลงเป็นเพื่อนกัน ฉันไม่อยากให้เขามารอฉัน อึก...เขาเป็นคนดีมากเลย” “อ้าว! แล้วมันไม่ดีหรือไง” “ขอเวลาฉันสักพัก ฉันยังคิดถึงพาคินณ์อยู่” “ฉันว่าแกกลายเป็นพวกชอบความรุนแรงแล้วล่ะ เฮ้อ...แล้วถ้าสมมติว่าคุณพาทิศกลับมาแกจะยังแต่งงานกับเขาไหม” “หึ...” ม่านฟ้าแค่นหัวเราะอย่างนึกขัน “แกคิดว่าพี่พาทิศอยากแต่งงานกับฉันจริง ๆ เหรอ...ฉันก็เป็นแค่ตุ๊กตาที่เขาควงออกงานได้เท่านั้นแหละ เราหมั้นกันตั้งแต่ขึ้นปีหนึ่ง ผ่านมาสิบปีแล้วเขาก็ยังไม่คิดจะแต่งงานจริง ๆ จัง ๆ เลย” “อ้าว...แล้วแกจะตกลงหมั้นกับเขาไปทำไม” บัวรินส่ายหน้า เธอไม่เข้าใจเลยจริง ๆ ทว่า “...เพราะพาคินณ์อยากเอาชนะไงฉันก็เลยตอบไปแบบนั้น ถ้าเขาไม่คิดแบบนั้นฉันก็ไม่ตอบแบบนั้นหรอก” ม่านฟ้าเม้มริมฝีปากเข้าหากัน เธอเลือกเขาตั้งแต่ที่รู้ว่าจะต้องย้ายไปเรียนโรงเรียนเดียวกับเขาแล้ว “เฮ้อ...แกควรเอาตัวเองออกจากผู้ชายแบบนั้น” “_” ม่านฟ้าหน้ามุ่ย มันไม่ง่ายเหมือนกับที่พูดเลย แม้แต่ตอนนี้เธอยังคิดถึงตอนที่เขาชวนออกไปกินข้าวข้างนอก มันมากกว่าผูกพันเสียอีก “เดี๋ยวฉันขอไปทำงานก่อนนะ” “เดี๋ยวสิ!” บัวรินถือจานตามเพื่อนไป ม่านฟ้าไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน อาการเหม่อลอยเพราะอกหักทำให้เธอดูน่าสงสาร พลอยทำให้อิงฟ้าหัวเราะเยาะ เวลาบ่ายของวัน ร่างท้วมของเดชคุณเดินเข้ามาพร้อมกับเลขาฯคนสนิท ชายวัยกลางคนในชุดสูทเรียบหรู จะเรียกว่าวัยกลางคนก็ไม่ถูก เขาอายุมากกว่าประธานบริษัทคนอ่อนเสียอีก ทว่าหน้าตาและบุคลิกของตนนั้นไม่ได้แก่ตามอายุเสียด้วยซ้ำ แถมเจ้าตัวยังไม่คิดวางมือแม้นว่าจะถึงวัยเกษียณแล้ว บริษัทเดอะเกรทฟีเจอร์กรุปเติบโตด้วยความรวดเร็วกว่าห้าสิบปี ครอบครัวของเขาเป็นผู้ถือหุ้นแต่ไม่ได้เป็นผู้ก่อตั้งเหมือนกับตระกูลเกียรติภูมิ ทว่าการขึ้นเป็นประธานกรรมการบริหารนั้นไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นเจ้าของ ผู้ที่จะได้เป็นประธานบริษัทเป็นใครก็ได้ที่ได้รับความไว้วางใจจากคณะกรรมการ ถึงแม้ว่าจริง ๆ แล้วคนขึ้นเป็นประธานจะได้เงินไม่มาก สู้นอนรอเอาเงินปันหุ้นจะดีกว่า ทว่าอำนาจและความน่าเคารพนั้นต่างกันโดยสิ้นเชิง เดชคุณหวังอย่างนั้นมานานทว่าเขากลับไม่ได้ กรรมการที่ถือหุ้นใหญ่ด้วยกันลงคะแนนเสียงตามจำนวนหุ้นที่ถืออยู่ ครอบครัวเกียรติภูมิยังคงได้รับความน่าเชื่อถือมาโดยตลอด แม้นว่าตนจะพยายามหาพรรคพวก แต่คะแนนก็ไม่สู้ครอบครัวนี้อยู่ดี ทว่าคราวนี้แหละที่เขาจะทำได้ แม้นว่าจะไม่ได้เป็นประธานบริษัทเอง ทว่าลูกหลานของเขาหลังจากนี้...ได้เป็นแน่ ทว่าขณะที่ร่างหนากำลังจะเดินขึ้นลิฟต์ของผู้บริหารนั้น “คุณพาวินท์มาครับ” เสียงของเลขาฯคนสนิทก็ดังขึ้น เดชคุณขบกรามแน่นทันที เขาเกลียดสามพี่น้องนี้มาก ฆ่าไปคนหนึ่งก็เหลืออีกสองคน ดีที่พาคินณ์นั้นกำลังจะมาอยู่ข้างเขาตามแผน แต่ไอ้เจ้านี่นี่สิ “ผมขอไปก่อนก็แล้วกัน” ชายหนุ่มวัยรุ่นลูกว่าอย่างไม่เคารพคนแก่กว่า ท่าทีหมางเมินไม่ทักทายเขานั้นทำให้ผู้อาวุโสกว่าโกรธ “สวัสดีครับคุณพาวินท์ ได้ยินข่าวว่ากำลังจะแต่งงานใช่ไหมครับ” “ครับ แต่ผมไม่ได้เชิญใคร...เราจัดงานแต่งส่วนตัวน่ะครับ” พาวินท์หันมายิ้มให้กับเดชคุณระหว่างรอลิฟต์ อาจจะเป็นเพราะตนเรียนต่างประเทศมาทำให้เขาคิดเสมอว่าคนทุกคนเท่ากันไม่ว่าจะแก่กว่าหรือเด็กกว่า ซึ่งคำพูดของเขาทำให้เดชคุณโกรธจนควันออกหู “ผมไม่คิดว่าคุณจะพูดกับผมแบบนี้นะครับ อย่าลืมว่าถ้าคุณพาทิศยังไม่กลับมาทำงานได้ ตำแหน่งที่คุณเข้ามารักษาการแทนพี่ชายของคุณเราต้องลงคะแนนใหม่อยู่ดีว่าคุณเหมาะที่จะนั่งเก้าอี้แทนพี่ชายคุณหรือเปล่า” “หึ...ขู่ผมเหรอครับ คุณลุงพูดอย่างนี้...คุณลุงอยากได้คะแนนเสียงเองเหรอครับ แต่ผมคิดว่าถึงจะมีคนลงคะแนนให้ผมน้อย แต่ก็น่าจะเยอะกว่าคุณลุงอยู่ดี” พาวินท์ว่าอย่างยียวน ตั้งแต่เขามาทำงานที่นี่แทนพี่ชายคนโตก็มีคนพูดขู่เขาแบบนี้ตลอด ชายหนุ่มไม่เคยคิดอยากก้มหัวให้ใครเพื่ออำนาจหรอก เขาไม่จำเป็นที่จะต้องทำแบบนั้น “ผมไม่ได้ขู่คุณหรอกครับ หึ...ใครจะไปกล้าขู่คุณล่ะครับ” แววตาของเดชคุณนั้นทำให้พาวินท์ชะงักไป เขาไม่ได้กลัวอีกฝ่าย แต่เขารู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากล...อยู่ ๆ พาวินท์ก็นึกถึงคนที่ทำร้ายพี่ชายของเขา ทว่า ติ๊ง! “ลิฟต์มาแล้วครับ เชิญก่อนเลยครับ” พาวินท์หลุดออกจากภวังค์ความคิด เขาก้าวขาเข้าไปในลิฟต์พร้อมกับความคิดในหัวที่กำลังตีกันวุ่น หากมีใครสักคนต้องการนั่งเก้าอี้แทนพี่ชายของเขา หนึ่งในนั้นเป็นลุงเดชคุณ เพียงแต่ว่าเขาไม่เคยนึกถึงว่าอีกฝ่ายจะทำร้ายพี่ชายของเขา เพราะพ่อของเขาไว้ใจลุงเดชคุณมาก พาวินท์คิดว่าตนควรไปปรึกษาพาคินณ์ แต่ช่วงนี้พี่ชายคนกลางอารมณ์ไม่ดีสักเท่าไร ติ๊ง! เสียงแจ้งเตือนลิฟต์ปลุกร่างหนาให้หลุดจากภวังค์อีกครั้ง พาวินท์เดินไปเปิดประตูห้องทำงานของพี่ชายอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยทำให้เจ้าของห้องสะดุ้งพลางรีบพับหน้าจอโน้ตบุ๊กทันทีอย่างมีพิรุธ “ประตูเขาไม่ได้มีไว้แค่กั้นห้อง เขามีไว้ให้เคาะด้วยเผื่อมึงไม่รู้” พาคินณ์พยายามนิ่งสงบ ทว่าก็ไม่ทันเสียแล้ว “ดูอะไร หืม...” พาวินท์กำลังจะเดินมาคว้าโน้ตบุ๊กของพี่ชายแต่ก็ถูกฝ่ามือของพาคินณ์ปัดมือทิ้ง “ไอ้นี่! มีอะไร...งานการไม่รู้จักทำ” พาคินณ์ดึงลิ้นชักออกมาพร้อมกับวางโน้ตบุ๊กราวกับว่ามันเป็นของมีมูลค่าหลายล้าน ซึ่งท่าทีของพี่ชายนั้นน่าสงสัย แต่พาวินท์ก็มีเรื่องสำคัญกว่าจะบอก “ผมแค่สงสัยอะไรบางอย่างน่ะ...แล้วเรื่องคนร้ายพี่สืบไปถึงไหนแล้ว ทำไมไม่บอกอะไรผมเลยล่ะ...แล้วกล้องหน้ารถพี่พาทิศ ได้ยินว่ากู้ได้แล้ว เอามาให้ผมดูบ้างดิ” “อย่ายุ่งหน่า กูบอกให้มึงอยู่เฉย ๆ ไง กูจัดการเอง” “ผมไม่อยากให้พี่ทำอะไรคนเดียว เอาจริงนะเว้ย... ผมเสียพี่พาทิศไปแล้วผมไม่อยากเสียใครไปอีก” “หรือมึงอยากให้ลูกให้เมียมึงเสียมึงไปแทนล่ะ” พาคินณ์สวนขึ้น ซึ่งคำพูดของพาคินณ์ทำให้พาวินท์นิ่งไป “มึงมีครอบครัวแล้ว มึงอย่ายุ่งกับเรื่องนี้จะดีกว่า กูจัดการเอง” “ผมไม่สบายใจนี่...” “อย่างน้อยก็ยังเหลือมึงที่จะดูแลพ่อแม่...เชื่อกู” พาวินท์มองใบหน้าของพี่ชายที่เอ่ยพูดน้ำเสียงแน่วแน่ ก่อนที่พาวินท์จะยอมในที่สุด “เมื่อกี้ผมเจอลุงเดชคุณ...ผมรู้สึกแปลก ๆ” “_” “เราไม่เคยสังเกตลุงเดชคุณเลย ช่วงนี้ก็ไม่ค่อยเข้าบริษัทด้วย ผมว่า...” “มึงเอาเวลาไปทำงานเถอะ ไหนบอกว่าจะไปที่เกาะก่อนไง” พาคินณ์พยายามเปลี่ยนเรื่อง และมันก็ได้ผลเมื่อเริ่มพูดเรื่องงานแต่งงานขึ้นมาพาวินท์ก็สนใจทันที “เอ้อใช่...ผมจะมาบอกด้วยว่าผมลางานไปก่อนนะ พี่ต้องไปงานแต่งผมด้วยนะ” “เอ้อ รู้หน่า” พาวินท์ฉีกยิ้ม ซึ่งเจ้าตัวไม่ได้บอกว่าได้ชวนม่านฟ้าไปด้วย หลายวันมานี้ดูเหมือนว่าสองคนนี้จะตีตัวออกหากกัน เขาแทบไม่เจอทั้งคู่ยืนข้างกันหรือทะเลาะกันเลย ทว่าก่อนที่เขาจะไป “เดี๋ยว...กูได้ยินมึงให้ม่านฟ้าไปทำงานด้วย” “อ้อ ครับ...เอาจริงพี่ทำงานมานานแล้วก็น่าจะมีความเป็นมืออาชีพมากพอ เธอทำงานได้ดีตลอด เราเสียเธอไปเหมือนกับเสียทองคำ” “กูก็ยังไม่ได้ว่าอะไร...” พาคินณ์ว่าอย่างปลง ๆ แม้นว่าน้องชายจะพยายามอธิบายเหตุผล “ออกไปสิ” “อะไรวะ...เป็นหมาผมไม่ช่วยนะ” พาคินณ์ไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาเอนแผ่นหลังพิงพนักพิงมองแผ่นหลังหนาของน้องชายเดินออกจากห้องไป ทว่าหลังจากนั้นไม่นาน ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! “เข้ามา...” เสียงเคาะประตูส่วนใหญ่มักเป็นเลขาฯของเขา ซึ่งก็จริง เลโก้เดินเข้ามาหาคนเป็นนาย “คุณเดชคุณรอที่ห้องแล้วครับ” พาคินณ์พยักหน้ารับเบา ๆ เขาเหยียดยิ้มมุมปากเมื่ออยู่ ๆ พ่อของอิงฟ้าก็ติดต่อมาบอกว่ามีเรื่องคุยด้วย คงเป็นเรื่องที่เขาคิดไว้แน่ ๆ ...ชายหนุ่มเดินออกจากห้องทำงานของตน เขาสะดุดกับร่างบางที่กำลังยืนหันหลังให้กับห้องทำงานของเขาพอดี ไม่รู้ว่าม่านฟ้ามาทำอะไรตรงนี้ และเขาไม่อยากคุยกับเธอ พาคินณ์เลือกที่จะเดินสวนเธอไปโดยไม่ได้สนใจว่าเธอกำลังจะขอคุยด้วย ซึ่งร่างบางก็ไม่ได้เอ่ยเรียกเขาเช่นกัน เธอมองแผ่นหลังหนาที่กำลังหายลับเข้าไปในห้องของหนึ่งในกรรมการบริหารอย่างเดชคุณ เป็นเรื่องปกติที่เขาจะเข้าไปคุยเรื่องงาน ทว่าตอนนี้ที่เธอเพิ่งรู้ว่าเดชคุณเป็นพ่อของอิงฟ้า... “เลโก้ ทำไม...ทำไมเขาไปคุยอะไรกัน” พอเห็นเลขาฯขอเขาออกมา ม่านฟ้าก็รีบเอ่ยปากถาม “ผมไม่คิดว่าบอสอยากบอกอะไรคุณนะครับ” “_” ม่านฟ้าพูดไม่ออก เธอก้มหน้าลงไม่กล้าสู้หน้า “บอกตามตรงว่าผมรู้สึกดีที่บอสเลิกยุ่งกับคุณ ที่ผ่านมาคุณคงไม่เคยรู้ว่าบอสเสียใจเรื่องของคุณมากแค่ไหน มีแค่ผมที่บอสได้ระบายความรู้สึก อย่าพยายามดึงบอสกลับมาเลยดีกว่าครับ คุณสองคน...ต่างคนต่างอยู่ดีแล้ว” “_” ม่านฟ้าเม้มริมฝีปากเข้าหากัน เธอกลืนน้ำลายลงคอก่อนจะเดินกลับเข้าพักของตัวเองไป ร่างบางหย่อนสะโพกลงนั่งที่เก้าอี้ เธอควรเริ่มต้นใหม่อย่างที่บัวรินบอก ปล่อยให้เขาไปตามทางที่เลือก แต่เธอก็ทำไม่ได้ แม้นจะไปกินข้าวกับสิงหาทุกวัน เธอยังเหม่อคิดถึงเขาคนนั้น ไม่รู้ว่าเขาคิดถึงเธอเหมือนกันไหม แต่เธออยากบอกกับว่าคิดถึงเขาเหลือเกิน... ขณะเดียวกันภายในห้องทำงานของเดชคุณ หน้าที่ของกรรมการบริหารมักจะได้ลงความคิดเห็นในการตัดสินใหญ่ ๆ ของผู้บริหาร ตรวจสอบติดตามการดำเนินการโครงการใหญ่ ๆ ที่บริษัทกำหนดภายใต้การตัดสินใจของประธานกรรมการบริหาร ซึ่งเดชคุณไม่ได้มาทำงานบ่อยนัก “ไม่เจอกันนานเลยนะครับ” พาคินณ์เหยียดยิ้ม เขาไม่อยากให้เดชคุณไปหาที่ห้องเลยอาสามาคุยกันที่นี่แทน “ครับ แปลกใจอยู่เหมือนกันว่าทำไมคุณลุงไม่ค่อยเข้าบริษัทฯ” “หึ จะว่าผมวางใจการทำงานของคุณก็ได้ครับ” พาคินณ์เหยียดยิ้มอีกครั้ง เขานั่งลงบนโซฟาภายในห้องทำงานของเดชคุณ ซึ่งมีขนาดเล็กกว่าห้องทำงานของเขา ทว่า “แต่ผม...ไม่วางใจคุณพาวินท์สักเท่าไร” พาคินณ์หันกลับมาสนใจเดชคุณทันทีที่อีกฝ่ายกำลังพูดถึงน้องชายของเขา ชายหนุ่มย่นคิ้วเข้าหากัน “อย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลยนะครับ คุณพาวินท์ไม่ได้สนใจตำแหน่งประธานเลย แต่พ่อคุณ...ยังมองข้ามคุณไป” “อึก...” พาคินณ์กลืนน้ำลายลงคอเมื่อถูกจี้ใจดำ เดชคุณพูดถูก แม้แต่ตอนที่พี่ชายหายตัวไปบิดาก็เลือกให้น้องชายของเขาที่ใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศโดยส่วนใหญ่มานั่งเก้าอี้ประธานบริษัทแทน ไม่ได้สนใจว่าเขาจะรู้สึกอย่างไรเมื่อไม่ถูกเลือก “ผมทำงานกับคุณมานานมากครับ หึ...ผมคิดว่าคุณทำงานได้ดีกว่าพี่ชายของคุณ ได้ดีกว่าน้องชายของคุณซะอีก” “ผมก็คิดแบบนั้น...” พาคินณ์พึมพำออกมาเบา ๆ ซึ่งคำพูดของเขาทำให้เดชคุณยกยิ้มมุมปากเมื่อเห็นว่าพาคินณ์เริ่มคล้อยตาม “ผมมีข้อแลกเปลี่ยนมานำเสนอครับ” พาคินณ์สบตากับผู้อาวุโสกว่า เขากลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก สิ่งที่เขาต้องการทั้งหมดอยู่ตรงหน้าแล้ว “แต่งงานกับอิงฟ้าแล้วผมจะลงคะแนนให้คุณแข่งกับคุณพาวินท์...”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม