บทที่ 4 ภาพลักษณ์ 1

1433 คำ
ห้ามใจอ่อนเด็ดขาด… พริมาบอกตัวเองซ้ำๆ ระหว่างเตรียมตัวเข้าประชุมสำคัญกับบอร์ดบริหาร เมื่อวานเธออ้างว่าไม่หิวและปล่อยให้คู่หมั้นสุดฮอตจัดการมื้อเย็นตามลำพัง แม้เขาจะใจดีบอกผ่านประตูว่าเก็บอาหารไว้ให้ในตู้เย็น แต่เธอก็ไม่ยอมออกมาเผชิญหน้าให้เกิดภาวะสุ่มเสี่ยงต่อหัวใจ “ท่านประธานเรียกพบครับคุณพริม” ผู้ช่วยส่วนตัวของปุณณ์ทำหน้ามุ่ย ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าถูกดุมา ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเพราะเขาไม่เคยใจดีเวลาทำงานอยู่แล้ว ว่าแต่มีเรื่องอะไรถึงได้เรียกเธอนะ... “คุณปุณณ์คะ” พริมาเคาะประตูตามมารยาท ก่อนตรงเข้าไปหาหนุ่มใหญ่ที่กำลังชักสีหน้าอย่างไม่พอใจนัก “ทำไมเมื่อเช้าไม่รอพี่ล่ะครับ แล้วนี่มาทำงานยังไง” ที่แท้เขาไม่พอใจที่เธอไม่อยู่ทำหน้าที่คนขับรถให้นี่เอง “พอดีพริมรีบค่ะ เมื่อวานลืมเอกสารไว้ที่บริษัทเลยต้องเข้ามาเตรียมงานตั้งแต่เช้า พริมขอโทษนะคะที่ไม่ได้อยู่ขับรถให้คุณปุณณ์” พริมาบอกว่านั่งรถไฟฟ้าออกมาตั้งแต่เจ็ดโมงเช้า ซึ่งตอนนั้นเขาออกกำลังกายอยู่ที่ฟิตเนส พอกลับเข้าห้องมาอีกทีก็ไม่เจอใครแล้ว “พี่ปุณณ์...” “คะ?” “เรียกว่าพี่ปุณณ์ ไม่ใช่คุณปุณณ์” “เราอยู่ที่บริษัทนะคะ เรียกพี่ปุณณ์หรือแทนตัวเองว่าพี่คงไม่เหมาะ จริงสิคะ คุณปุณณ์ได้ยินข่าวลือหรือยังคะว่าบอร์ดไม่ค่อยพอใจที่คุณปุณณ์มารับช่วงต่อโปรเจกต์ใหม่แทนคุณปราชญ์ เพราะว่าชื่อเสียง เอ่อ... ไม่ค่อยเหมาะกับโปรเจกต์ครอบครัว” หากกลุ่มเป้าหมายเป็นคนโสด ชื่อเสียงของปุณณ์คงทำให้ลูกค้าเข้ามาจับจองห้องชุดของคอนโดมิเนียมหรูย่านริมแม่น้ำเจ้าพระยาได้ไม่ยาก แต่การขายครั้งนี้เน้นตลาดครอบครัวเป็นหลัก เขาที่เจ้าชู้จัดจนไม่มีผู้หญิงคนไหนเอาอยู่จึงดูขัดกับภาพที่บริษัทต้องการสื่ออยู่บ้าง “ในเมื่อบอร์ดไม่ชอบภาพลักษณ์ของพี่ เราก็จัดการเปลี่ยนใหม่ให้เป็นไปตามที่ทุกคนต้องการ แค่นี้ก็หมดปัญหาแล้ว” “เปลี่ยนใหม่?” พริมาถามอย่างไม่เข้าใจนัก “ยังไงพี่ก็จะแต่งงานกับพริมอยู่แล้ว เราบอกทุกคนไปเลยก็ได้นี่ว่าเราคือครอบครัวเดียวกัน เปิดตัวไปเลยว่าเราหมั้นกันแล้ว…” ปุณณ์อ้างว่าการเปิดเผยความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเธอ เปลี่ยนภาพลักษณ์หนุ่มโสดให้กลายเป็นผู้ชายอบอุ่นที่พร้อมสร้างครอบครัวจะทำให้นักลงทุนเชื่อมั่น เพียงเท่านี้บอร์ดบริหารก็คัดค้านอะไรไม่ได้แล้ว “ไม่ค่ะ เราตกลงกันแล้วนะคะว่าจะเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ พริมไม่อยากเสียชื่อ” “เสียชื่อ เสียชื่อยังไงเหรอ” ปุณณ์แกล้งถามทั้งๆ รู้อยู่เต็มอกว่าเธอคิดอะไรอยู่ แต่เขาก็ยังอยากได้ยินเธอพูดมันออกมาอยู่ดี “ก็เรื่องที่หมั้นแล้วก็ถอนหมั้น ถ้าเลือกได้พริมก็ไม่อยากให้ใครรู้หรอกนะคะว่าพริมเคยหมั้น ถึงมันจะเป็นเพราะสถานการณ์บีบบังคับก็เถอะ” “ไม่เป็นไร ไม่อยากบอกใครก็ไม่เป็นไร พี่ไม่คิดจะบังคับใจพริมอยู่แล้ว ส่วนเรื่องมาทำงานโดยไม่รอพี่ คราวหลังไม่เอาแล้วนะครับ… พี่ไม่ชอบ” คำว่า ‘พี่ไม่ชอบ’ ทำให้พริมาหนาวเหน็บทั่วร่าง ใบหน้าของเขามีรอยยิ้มประดับอยู่ก็จริง แต่ดวงตาสีเข้มคู่นั้นบอกชัดว่าจะเธออาจโดนดีหากไม่เชื่อฟัง โดนดีที่ว่าก็คงไม่พ้นเรื่องบนเตียง… หลังจากให้คำมั่นสัญญาว่าจะรอเขาทุกครั้ง พริมาก็ก้มหน้าก้มตาเดินตามคู่หมั้นเข้าห้องประชุม เขาทักทายทุกคนที่รออยู่ในห้อง ก่อนนั่งเก้าอี้ประจำตำแหน่งอย่างที่ทำมาตลอดสามเดือน กรรมการฝ่ายบริหารของบริษัททรีพี พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด นั่งทำหน้าตาเคร่งเครียดระหว่างการประชุม ทุกหัวข้อถูกหยิบยกมาถกเถียงและได้ข้อสรุปที่น่าพึงพอใจ จนกระทั่งถึงเรื่องความเหมาะสมของคุณปุณณ์ถูกนำมาพูดคุยอีกครั้ง “พวกผมเห็นว่าเราควรเลือกตัวแทนสไตล์รักครอบครัวแบบคุณปริญญ์” ทว่าปริญญ์กลับสิงคโปร์ไปแล้ว เรื่องจะให้กลับมาดูแลงานในไทยคงเป็นไปได้ยาก “จริงๆ คุณปราชญ์เพิ่งแต่งงาน ผมว่าให้คุณปราชญ์ช่วย…” พริมาเข้าร่วมประชุมแทนปราชญ์ที่ยุ่งอยู่กับการดูแลภรรยาถึงกับกลอกตา หากอยู่ที่สิงคโปร์เรื่องพวกนี้คงไม่ใช่ปัญหาใหญ่ แต่พอมาอยู่ประเทศไทยทุกคนชอบเอาใจใส่เรื่องคนอื่นมากเป็นพิเศษ เรื่องง่ายจึงกลายเป็นเรื่องยากเสียอย่างนั้น เธอมองไปยังคนที่ถูกกล่าวหาว่าภาพลักษณ์ไม่ดีพออย่างไม่สบายใจนัก เขายังคงนั่งยิ้มพรายอยู่บนเก้าอี้ ตรงหน้ามีป้ายบอกตำแหน่งประธานบริษัท แต่กลับไม่ออกความเห็นอะไรเลยสักคำ หลายคนเริ่มเรียกร้องให้ปราชญ์กลับมาดูแลงานทำให้พริมารู้สึกถูกกดดันไปด้วย เธอพยายามคิดหาทางออกว่าจะต้องทำอย่างไร เพื่อให้เจ้านายไม่ต้องกลับเข้ามาทำงานเต็มตัวได้บ้าง ทว่าทางออกที่มองเห็นกลับมีเพียงแค่ทางเดียวเท่านั้น และเธอจำต้องยอมรับมันอย่างเสียไม่ได้ “ทุกคนคะ เรื่องให้คุณปริญญ์กลับมาดูแลงานที่ไทยคงเป็นไปไม่ได้ เพราะคุณปริญญ์ต้องดูแลสาขาที่สิงคโปร์ ส่วนคุณปราชญ์ก็คงจะลางานเพื่อดูแลภรรยาอีกพักใหญ่…” “แล้วคุณพริมจะหาใครมาแทนล่ะครับ” “ก็ท่านประธานของเรานี่แหละค่ะ เดี๋ยวให้คนปล่อยข่าวออกว่าคุณปุณณ์หมั้นแล้ว ออกงานกับคู่หมั้นบ่อยหน่อยก็น่าจะแก้ปัญหาเรื่องภาพลักษณ์ได้” “ท่านประธานมีคู่หมั้นแล้วเหรอครับ” หนึ่งในบอร์ดบริหารถามอย่างไม่อยากเชื่อ ปุณณ์ ทิวานันท์ คิดสละโสด? “ค่ะ พริมเป็นคู่หมั้นของคุณปุณณ์” พริมายอมกล่าวออกมาในที่สุด เธอมองคนตัวใหญ่ที่กำลังนั่งยิ้มกริ่มอย่างอารมณ์ดี และตระหนักได้ทันทีว่าเขาวางแผนทุกอย่างเอาไว้หมดแล้ว กระทั่งความคิดเรื่องการเปิดตัวที่นำมาใส่สมองน้อยๆ ของเธอนั่นก็เช่นกัน “แต่ผมไม่เห็นด้วยกับวิธีนี้เลยนะครับ ไม่อยากให้คุณพริมต้องเสียความเป็นส่วนตัวเพราะถูกสื่อจับตามอง และที่ผมไม่บอกใครว่ากำลังจะแต่งงานสร้างครอบครัวก็เพราะกลัวว่าจะมีใครไปวุ่นวายกับคู่หมั้นนี่แหละ” ปุณณ์แสร้งถอนหายใจ พลางจ้องมองคนสวยที่เพิ่งตกหลุมพราง ทำตามทุกอย่างที่เขาต้องการโดยไม่รู้ตัว “แต่ที่คุณพริมเสนอมาช่วยบริษัทเราได้มากเลยนะครับคุณปุณณ์ ประหยัดงบประชาสัมพันธ์ไปได้เยอะเลย เพราะยังไงช่วงนี้สื่อก็จับตามองคุณปุณณ์อยู่แล้ว” “ความจริงถ้าพวกคุณสังเกตก็จะเห็นว่าตั้งแต่ผมหมั้นกับพริมและย้ายมาอยู่ไทย ผมแทบไม่มีข่าวแย่ๆ เลยนะ เรื่องเก่าๆ ที่หลุดออกมาก็น่าจะเป็นฝีมือของคู่แข่งมากกว่า แต่เรื่องนั้นช่างเถอะ ถ้าพวกคุณเห็นด้วยกับคุณพริม ผมก็ไม่มีอะไรจะขัด มีใครอยากพูดอะไรเพิ่มเติมหรือเปล่าครับ ถ้าไม่มีผมจะได้เลิกประชุม” ในห้องมีเพียงความเงียบงัน ไม่มีใครเสนออะไรอีก พริมาเองก็เช่นกัน เธอนั่งรอให้ท่านประธานผู้ควบตำแหน่งคู่หมั้นลุกออกจากเก้าอี้ประจำตำแหน่ง ทว่าวันนี้เขากลับตรงมาหาเธอที่นั่งห่างออกไป แทนการเดินออกจากห้องประชุมล่วงหน้าไปก่อน “เรากลับบ้านกันนะพริม พี่ปวดหัวมากเลย สงสัยจะไม่สบาย” ปุณณ์จงใจกล่าวเสียงดังให้ทุกคนที่อยู่ในห้องประชุมได้ยิน ตอกย้ำว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่ไปไกลเสียยิ่งกว่าคำว่าคู่หมั้น และนั่นทำให้ทุกคนสบายใจว่าทุกอย่างจะต้องออกมาดูดีในสายตาของสื่ออย่างแน่นอน ส่วนพริมานั้นทำได้เพียงขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ชิงชังตัวเองที่เดินตามเกมที่ผู้ชายเจ้าเล่ห์วางไว้อีกแล้ว!
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม