“ความจำดีจังเลยนะคะ พริมอยู่ที่นั่นไม่กี่เดือนเอง”
“สี่เดือนค่ะ พริมอยู่ที่บ้านพี่ตั้งสี่เดือน พออายุครบสิบแปดได้แค่สองอาทิตย์ก็หนีไปเรียนต่อ หายตัวไปตั้งหกปี กลับมาเจอกันอีกทีก็เป็นสาวเต็มตัวแล้ว”
เขาตบพื้นที่ว่างข้างโซฟา ซึ่งพริมาที่สัมผัสได้ว่าคนตัวใหญ่กำลังอารมณ์ไม่ปกติก็รีบทำตามอย่างว่าง่าย เขายื่นโทรศัพท์ให้เธอเลือกหาเมนูที่ต้องการ แต่เลือกยังไม่ทันเสร็จก็มีข้อความจากสาวๆ เด้งเข้ามาเสียก่อน
พริมาเกลียดที่ตัวเองมือไวเพราะตอนนี้เธอกำลังนั่งมองสาวสวยจัดสวมชุดชั้นในวาบหวิวยั่วสวาทจนตาแทบถลนออกจากเบ้าเลยทีเดียว
ลืมไปได้อย่างไรว่าคุณปุณณ์เสน่ห์แรง…
“หึ! พริมเลือกเรียบร้อยแล้วค่ะ ขอบคุณนะคะ” เกลียดเหลือเกินคนเจ้าชู้ ยิ่งเขาเป็นคู่หมั้น เธอก็ยิ่งเกลียดจนไม่รู้ว่าจะพูดอะไรอีก
“พริมไม่งอนสิคะ เด็กๆ ของพี่เขารู้ขอบเขต ไม่มายุ่งกับพริมหรอกน่า ทำหน้าบึ้งเป็นเด็กไปได้”
“พี่ปุณณ์อยากทำอะไรก็ตามสบายเลยค่ะ ยังไงพริมก็ไม่คิดว่าเราจะไปกันรอดอยู่แล้ว ที่ตกลงว่าจะลองคบหากันหกเดือนนั่นก็เพราะว่าพริมไม่กล้าขัดคุณลุงกับคุณปราชญ์ ครบเวลาเมื่อไหร่พี่ปุณณ์ก็ไม่ต้องเหนื่อยคุยกับเด็กๆ ให้ไม่มายุ่งกับพริมแล้ว”
ช่วงแรกที่เธอคบหากับเขานั้นวุ่นวายแทบบ้า บรรดาเด็กในสังกัดของปุณณ์ตามมาอาละวาดเธอถึงที่ทำงาน หากวันไหนอยู่คนเดียวก็แย่หน่อย ต้องหาทางปฏิเสธพัลวันว่าข่าวการหมั้นหมายนั้นไม่ใช่เรื่องจริง แต่หากวันไหนเขาอยู่ด้วย ปัญหาทุกอย่างจะคลี่คลายได้รวดเร็วจนน่ากลัว
‘ลืมหรือเปล่าครับว่าไม่มีใครเป็นเจ้าของผมได้ ยิ่งทำแบบนี้ด้วยแล้ว ลืมไปได้เลยนะครับว่าเราเคยรู้จักกัน’
ประโยคบอกลาของเขาเด็ดขาดและดุดัน เจ็บแสบราวกับแผลถูกเกลือทา แต่พริมาไม่ใส่ใจเพราะส่วนมากคนที่เขาพูดจาร้ายๆ ด้วยนั้นไม่น่ารัก ส่วนคนที่น่ารักก็คงจะอธิบายหรือให้เหตุผลอย่างใจเย็น
พริมาไม่รู้ว่าเขากล่าวตะล่อมอย่างไร แต่สาวๆ ทุกคนล้วนพยักหน้าเข้าใจ พร้อมกัดฟันพูดว่าจะไม่มารบกวนเวลาส่วนตัวของเขาอีก บางคนถึงกับอวยพรล่วงหน้าว่าให้ชีวิตคู่มีความสุขเสียด้วยซ้ำ
“พริมคิดจริงๆ เหรอว่าเราจะไปกันไม่รอด”
“ค่ะ ไม่มีทางรอด พริมไม่ชอบผู้ชายเจ้าชู้”
“แล้วถ้าพี่เลิกเจ้าชู้ ไม่มองใคร ไม่ยุ่งกับใครล่ะคะ พริมจะลองเปิดใจให้พี่หรือเปล่า”
“อย่าพูดในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้เลยค่ะ พริมก็แค่ของเล่นใหม่ ไม่สิ ความท้าทายใหม่ๆ ที่พี่ปุณณ์อยากเอาชนะ ได้นอนกับพริมเมื่อไหร่พี่ก็คงเบื่อ”
“แต่พริมไม่ใช่ความท้าทายใหม่ๆ นะ พี่รู้จักพริมมาตั้งหลายปีแล้ว พริมเองก็รู้จักพี่ อย่างที่เคยบอกนั่นแหละว่าถ้าพี่ไม่เข้าใจผิดเรื่องพริมชอบนายปราชญ์ ตอนนี่เราอาจไปถึงไหนต่อไหนกันแล้ว”
สามเดือนก่อนปุณณ์ลากน้องชายที่บินกลับสิงคโปร์ไปดื่มด้วยกันเพราะต้องการทำความเข้าใจในหลายๆ เรื่อง ตอนนั้นปราชญ์กลับมาเพื่อจัดการปัญหาส่วนตัว แต่กลับต้องช่วยเคลียร์เรื่องที่เขาเข้าหาพริมาแล้วถูกบิดาจับได้ โดยมีหลักฐานเป็นแพนตี้สีหวานในมือ
ปุณณ์จำได้ดีว่าคืนนั้นถูกชกไปหลายหมัดจนแทบเดินไม่ตรงทาง แต่ก็ยังแอบลอบชมบิดาในใจว่าอายุปูนนี้แล้วยังแข็งแรงอย่างมาก
คำยืนยันของน้องชายทำให้เขาสบายใจว่าพริมาไม่ได้คิดอะไรไปมากกว่าเจ้านายกึ่งพี่ชาย แถมเธอยังเป็นคนคอยช่วยให้เขากับรสรินทร์ได้อยู่ด้วยกัน ไม่ได้คิดทำลายครอบครัวอย่างที่ถูกกล่าวหา
‘พริมเขาไม่เคยคิดอะไรแบบนั้นหรอก จริงๆ เธอรักงานมาก เรียกได้ว่าบ้างานเลยแหละ หนุ่มๆ มาจีบก็ควงแค่ชั่วคราว พอไม่ถูกใจก็รีบเท ถ้าจะมีใครที่เธอชอบก็คงเป็นพี่ปุณณ์นั่นแหละ พริมชอบชมว่าพี่ทำงานเก่ง ส่วนผมน่ะถูกบ่นตลอดว่าใจอ่อนง่าย’
ปุณณ์ไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมต้องตื่นเต้นกับความจริงที่ว่าพริมาอาจชอบเขา หลังจากคิดอยู่หลายตลบก็สรุปเอาเองว่าเพราะติดใจเรื่องที่ชิมแล้วไม่ได้กินต่อ เนื่องจากตอนนั้นเธอยังเด็กเกินไป รอให้จบปริญญาตรีสัดส่วนคงเต็มมือมากกว่านี้ นึกไม่ถึงว่าต้องรอนานกว่าที่คาดไว้มาก แถมยังมีเรื่องเข้าใจผิดคิดว่าเธอชอบน้องชายอีกต่างหาก
“ถ้าอาหารมาบอกพริมนะคะ เดี๋ยวจะลงไปเอาให้” พริมาอึดอัดจึงแกล้งของตัวไปเตรียมจานในห้องครัว พอนึกได้ว่าในห้องน้ำของคู่หมั้นมีแก้วไวน์จึงรีบเข้าไปเก็บ นึกไม่ถึงว่าเขาจะยืนคุยโทรศัพท์อยู่ในห้องนอน
“อย่าส่งรูปมาอีกนะครับ ผมไม่อยากให้คู่หมั้นไม่สบายใจ… ครับ ผมหมั้นแล้ว ไว้แต่งเมื่อไหร่จะส่งการ์ดให้นะครับ” เขาพูดพลางยิ้ม เบี่ยงตัวหลบพริมาที่เข้าไปเก็บแก้วไวน์ในห้องน้ำ และพอเธอออกมาก็รีบคว้าร่างเข้ามาแนบอกอย่างนุ่มนวลที่สุด
“พี่จัดการให้แล้ว สบายใจหรือยัง”
“พริมจะเอาแก้วไปเก็บ” พริมาขืนตัวออกจากอ้อมกอดแข็งแกร่ง ไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมต้องรู้สึกวูบวาบในอกเมื่อเขาบอกกับปลายสายว่ามีคู่หมั้นและขอไม่ให้ทางนั้นส่งรูปมายั่วยุอารมณ์อีก
หัวใจของเธอเต้นแรงราวกับกำลังดีใจ แต่ทำไมต้องดีใจด้วยล่ะ เขาทำแบบนั้นก็เพราะต้องการเอาชนะ ไม่ใช่เพราะว่าเป็นคนดี ทุกอย่างที่เห็นก็แค่ละครที่จะทำให้เธอใจอ่อน ยอมนอนกับเขาก็เท่านั้น
“พริม พี่กำลังพยายามเพื่อเราอยู่นะ” ปุณณ์ไม่ยอมให้อิสระกับคนตัวเล็ก แต่ยังใจดียอมคลายกอดไม่ให้แน่นจนเกินไปนัก
ทว่าแรงต่อต้านของพริมาทำให้เขาพ่นลมหายใจอย่างหงุดหงิด ไม่ว่าจะทำอย่างไรเธอก็ไม่เคยพอใจเลยสักอย่าง วันนี้อุตส่าห์กลับมาเซอร์ไพรส์ก็ยังทำหน้าราวกับเห็นผี ไม่ใช่ว่าที่สามีภรรยาที่ควรจะทำความรู้จักกัน
“แต่พริมไม่อยากให้พี่ปุณณ์พยายามนี่คะ พริมอึดอัด อยากอยู่คนเดียว ถึงเวลาก็ค่อยแยกย้ายกันไป”
“แยก? นี่พริมคิดว่าพี่ล้อเล่นเรื่องของเรางั้นเหรอ”
“แล้วทำไมต้องจริงจังด้วยล่ะคะ เราไม่ได้รักกันซะหน่อย เพิ่งจะเคยคุยกันก็หลังเกิดเรื่อง นับดูแล้วเรารู้จักกันแค่สามเดือนเองนะคะ”
“พี่ไม่ใช่เด็กแล้วนะคะ คุยแค่สองสามประโยค จูบอีกนิดกอดอีกหน่อยก็รู้แล้วว่าหัวใจต้องการอะไร ที่สำคัญผู้ชายอย่างพี่ถ้าลองมั่นใจอะไรแล้ว ไม่ว่าจะยากแค่ไหนก็ไม่มีวันถอนตัวแน่ๆ… ว่าแต่พริมเถอะ พร้อมที่จะให้พี่กอดแรงๆ แล้วหรือยัง” เขาทาบจูบลงบนแก้มนิ่ม ก่อนเลื่อนริมฝีปากหยักขบใบหูเล็กอย่างอ่อนโยน
“อื๊อ พี่ปุณณ์…” พริมาเผลอครางหวาน เมื่อได้ยินเสียงของตัวเองก็ทำตาโต รีบผละออกจากอ้อมกอดของผู้ชายเสน่ห์แรงและวิ่งหนีกลับเข้าห้องนอนทันที
เรื่องข่าวลือที่ว่าคุณปุณณ์ ทิวานันท์ มีแรงดึงดูดทางเพศสูงจนสาวๆ ที่เคยคบหาตัดใจลำบาก พริมาบอกได้คำเดียวเลยว่าเป็นเรื่องจริงร้อยเปอร์เซ็นต์
เธอถูกกอดจูบไม่กี่ครั้ง แต่แค่นั้นหัวใจก็แทบกระเด็นกระดอนออกไปกองแทบเท้าของเขาแล้ว!