หวงฮุ่ยเหยาจ้องมองซากปรักหักพังของอาคารสองชั้นที่เคยเป็นที่พำนักอาศัยด้วยหัวใจระทดท้อ บิดามารดาของนางโดนเปลวเพลิงเผาไหม้จนไม่เหลือซาก ไม่เหลือแม้แต่กระดูกให้ดูต่างหน้า หญิงสาวถอนหายใจเมื่อก้มลงมองดูน้องสาวและน้องชายที่ต่างร้องไห้จนตัวโยน
ค่ำคืนนี้พวกนางจะไปนอนที่ใดกัน
จะมีที่ไหนใช้เป็นที่ซุกหัวนอนได้บ้าง
พลัน…หวงฮุ่ยเหยาก็นึกถึงสหายรัก เจี๋ยกุ้ยหนิงคือกัลยาณมิตรที่เคยพึ่งพิงกันมาตั้งแต่วัยเยาว์
หวงฮุ่ยเหยาพาน้องทั้งสองเดินเท้าเปล่าท่ามกลางแดดที่ร้อนระอุในช่วงสายของวันไปที่หมู่บ้านหงเซินซึ่งห่างจากตลาดในตำบลไปเพียงแค่หนึ่งลี้เท่านั้น (500 เมตร)
เจี๋ยกุ้ยหนิงยืนกอดอกมองสามพี่น้องที่พยุงกันเดินมาทางบ้านของตนด้วยท่าทางอ่อนระโหยโรยแรง นางยิ้มเย็นพลางนึกในใจ
‘ไม่นึกว่าจะมีวันนี้ ฮึ! สาแก่ใจข้ายิ่งนัก’
ทันทีที่สามพี่น้องหอบหิ้วกันมาถึงหน้าบ้านของสหายรักของหวงฮุ่ยเหยา หญิงสาวก็รีบเอื้อนเอ่ย
“กุ้ยหนิง สหายข้า เจ้าได้ข่าวเรื่องไฟไหม้บ้านของข้าหรือไม่ ตอนนี้ข้าไม่เหลือสิ่งใดแล้ว ทั้งบ้านเรือน ร้านค้า ทรัพย์สินเงินทอง แม้แต่ท่านพ่อท่านแม่ของข้ายังต้องตายในกองเพลิง ฮือๆๆๆ” ถึงแม้ว่าจะเคยเป็นหญิงแกร่งแห่งวงการอสังหาริมทรัพย์ แต่นางก็ไม่อาจทนต่อความทุกทรมานใจที่ต้องสูญเสียบิดามารดาในกองเพลิงนั้นได้ หวงฮุ่ยเหยาจึงได้ร่ำไห้ออกมา
เจี๋ยกุ้ยหนิงถอนหายใจเสียงดัง
“ได้ยินสิ ข่าวใหญ่โตขนาดนั้นข้าจะไม่รู้เรื่องได้อย่างไร” นางพูดพร้อมกับทำสีหน้าเบื่อหน่าย
“กุ้ยหนิงสหายข้า ตอนนี้ข้าและน้องๆไม่มีที่ไป ไม่มีที่ซุกหัวนอน ระหว่างที่รอข้าจัดการกับเรื่องราวต่างๆให้เสร็จเรียบร้อย เราสามคนพี่น้องขอมาพึ่งพาเจ้ากับท่านป้าเจี๋ยสักพักได้หรือไม่ เห็นแก่ที่เราเคยเป็นสหายเคยช่วยเหลือกันมาเถิด”
เจี๋ยกุ้ยหนิงยิ้มเย็น
“ผู้ใดเป็นสหายเจ้ากัน ข้าเคยเป็นสหายแต่กับคุณหนูใหญ่สกุลหวงบุตรสาวเศรษฐีของตำบลหงเหลิงเท่านั้น บัดนี้ไม่มีแล้วคุณหนูใหญ่ลูกสาวเศรษฐี จะมีก็แต่หวงฮุ่ยเหยาคนสิ้นเนื้อประดาตัว ผู้ใดจะคบเจ้าเป็นสหายกัน คบไปจะได้ผลประโยชน์อันใด รังแต่จะมาเป็นภาระให้ข้าและท่านแม่ต้องเดือดเนื้อร้อนใจไปเสียเปล่า” เจี๋ยกุ้ยหนิงพูดพลางเบ้ปาก ตอนนี้นางไม่จำเป็นต้องซ่อนแววตาแห่งความเกลียดชังอันมีต้นเหตุมาจากความอิจฉาริษยาอีกต่อไป
“จะ…เจ้า เจ้าว่าอย่างไรนะ?” หวงฮุ่ยเหยาถึงกับตกตะลึงกับคำพูดของสหายรักที่นางเคยช่วยเหลือเกื้อกูลมานานปี หากเป็นหวงฮุ่ยเหยาคนเดิมนางคงจะร้องไห้คร่ำครวญตีโพยตีพายที่ถูกคนที่นางเคยช่วยเหลือไม่แยแส ไม่ใยดี แต่นี่คือหวงฮุ่ยเหยาหญิงเก่งและแกร่งเจ้าแม่วงการอสังหาริมทรัพย์ นางเคยผ่านร้อนผ่านหนาว ล้มลุกคลุกคลานและเจอะเจอผู้คนมาหลายรูปแบบ หวงฮุ่ยเหยาเข้าใจธรรมชาติของมนุษย์แต่ละประเภทได้เป็นอย่างดี
“อ้อ…ข้าเพิ่งรู้จิตใจที่แท้จริงของเจ้าก็วันนี้นี่เอง เจี๋ยกุ้ยหนิง สหายปลอมๆอย่างเจ้าอย่าหวังเลยว่าจะได้รับความจริงใจจากผู้ใดได้อีก”
“หึ! อย่าปากดีไปเลยฮุ่ยเหยา นังคุณหนูตกอับ เป็นอย่างไรล่ะ รู้รสชาติของความอับจนหาทาง รสชาติของความจน รสชาติของการโดนดูถูกมันเป็นอย่างไร มันขมขื่นใช่ไหมเล่า ฮ่าๆๆๆ” เจี๋ยกุ้ยหนิงหัวเราะเสียงดังด้วยความสาแก่ใจ
หวงฮุ่ยเหยาแสยะยิ้ม นางก้าวเข้ามาประชิดตัวเจี๋ยกุ้ยหนิงด้วยท่าทางมาดมั่น
“กุ้ยหนิง จำได้หรือไม่ว่าเจ้าเคยยืมเงินข้าไปเท่าไหร่ ตอนนี้เจ้าติดค้างข้าสิบห้าตำลึง คืนข้ามาซะเดี๋ยวนี้” หวงฮุ่ยเหยาพูดพลางยื่นมือออกมาเพื่อทวงเงิน
เจี๋ยกุ้ยหนิงปัดมือของอดีตสหายรักให้พ้นตัว ก่อนพูดออกมาด้วยเสียงเย้ยหยัน
“ข้าไม่ได้ขอยืม เป็นเจ้าต่างหากที่ทำเป็นใจดีมีเมตตาให้ข้ามาเอง ข้าไม่ได้ยืมสักหน่อย จะมาทวงเงินข้าได้อย่างไร สัญญากู้ยืมอันใดก็หามีไม่”
“นี่หมายความว่าเจ้าจะไม่ยอมค*****นข้าดีๆใช่หรือไม่?” หวงฮุ่ยเหยาขึ้นเสียง
“หึ! ก็ข้าบอกแล้วอย่างไรล่ะว่าไม่ได้ยืม เป็นเจ้าต่างหากที่เสนอเงินให้ข้าเอง เช่นนี้จะมาทวงได้อย่างไร อ้อ..หรือว่านี่เป็นวิธีขอเงินคนอื่นของเจ้า ข้าไม่ให้ ถึงมีข้าก็ไม่ให้ ถ้าอยากได้เงินก็พาน้องของเจ้าไปนั่งขอทานเอาสิ ไปนั่งที่หน้าร้านค้าของพวกเจ้าที่ตอนนี้กลายเป็นซากอิฐไปแล้วคงมีคนสงสารให้เงินมามากอยู่หรอก อ้อ..หากว่าไม่พอกินก็ไปขายตัวเป็นนางโลมที่หอคณิกาในเมืองไห่หูสิ รูปร่างหน้าตาอย่างเจ้าอีกทั้งยังเป็นคุณหนูตกยากคงมีผู้ชายแก่ๆรับไปเลี้ยงเป็นอนุอยู่หรอก” เจี๋ยกุ้ยหนิงเอ่ยวาจาทิ่มแทงด้วยความสาแก่ใจ วันนี้อดีตสหายรักที่นางเฝ้าอิจฉาริษยามาตั้งแต่เยาว์วัยบัดนี้ชีวิตถึงคราวตกอับเสียแล้ว ดีเสียจริง…นางอยากจะทำการเหยียบย่ำให้หวงฮุ่ยเหยาผู้นี้ตกต่ำให้มากที่สุด เมื่อเช้าประมาณยามเหม่า (05.00-06.59น.)เจี๋ยกุ้ยหนิงที่ตื่นขึ้นมาแต่เช้าเพื่อมาเตรียมหุงหาอาหารให้มารดาได้ยินเสียงผู้คนที่เดินผ่านไปมาพูดคุยกันเสียงดังถึงเรื่องไฟไหม้ร้านเถ้าแก่หวงในตลาด นางจึงได้รีบรุดกึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้าไปในตลาดเพื่อที่จะได้เห็นความพินาศย่อยยับของครอบครัวอดีตสหายรักด้วยตาของตนเอง
“หึ! ไม่นึกเลยว่าวันนี้จะได้เห็นธาตุแท้ตัวตนของสหายรักเช่นเจ้า กุ้ยหนิง จำเอาไว้ คนอย่างข้าล้มได้ก็ลุกได้ ว่าแต่เจ้าเถอะยากจนข้นแค้นมานานคงเคยคิดจะไปขายเรือนร่างแลกเงินที่หอคณิกามานับครั้งไม่ถ้วนละสิ ไม่เช่นนั้นคงไม่กล้ามาแนะนำข้าหรอก” หวงฮุ่ยเหยานั้นไม่ยอมผู้ใดง่ายๆอยู่แล้ว นางรีบต่อปากต่อคำกลับไปด้วยวาจาเผ็ดร้อนทันที
“นะ…นี่…นี่เจ้า เจ้ากล้าดีอย่างไรมาพูดจาดูถูกข้า ทำเป็นปากดีไปเถอะ คอยดูนะ…แม้แต่พี่เฟยหรงคนรักของเจ้าก็คงจะไม่ใยดีเจ้าเช่นกัน สตรีที่เหลือแต่ตัวอีกทั้งยังหยิบจับทำอันใดไม่เป็นเช่นเจ้าคนฉลาดอย่างเขาคงไม่แต่งให้เป็นภาระเขาหรอก ในเมื่อเจ้าหมดผลประโยชน์แล้วก็คงไม่มีเหตุผลอันใดที่เขาจะทำเป็นรักเจ้าอีกต่อไป”
หวงฮุ่ยเหยาฟังคำของอดีตสหายรักด้วยใจที่นิ่ง แม้ว่าเฉิงเฟยหรงจะเป็นความหวังเล็กๆของนาง แต่นางก็เตรียมใจกับความผิดหวังเอาไว้แล้ว สตรีที่ผ่านโลกมาเกือบร้อยปี เรียนรู้เล่ห์กลมารยาของผู้คนมากหน้าหลายตามานานหลายสิบปีย่อมเข้าใจในสัจธรรมของชีวิตมนุษย์
จิตใจมนุษย์ยากแท้หยั่งถึง
แต่วันนี้นางกำลังจะได้รู้ถึงจิตใจที่แท้จริงของชายคนรักที่เคยพร่ำบอกว่ารักนางนักรักนางหนา หลังจากที่ได้เรียนรู้นิสัยใจคอที่แท้จริงของอดีตสหายรักมาแล้ว