ตอนที่ 3 ข้าขอยืม

1731 คำ
หลังจากแยกย้ายกับเฉิงเฟยหรง หวงฮุ่ยเหยาก็ถูกสาวรับใช้ส่วนตัวตามให้ไปดูน้ำมันกุ้ยฮวาสำหรับชะโลมเส้นผมช่วยให้ผมหอมซึ่งหลี่ไป๋หลานผู้เป็นมารดานั้นสั่งจองกับร้านขายเครื่องประทินโฉมของสตรีในเมืองไห่หูไว้หลายเดือนแล้ว น้ำมันกุ้ยฮวาผมหอมนี้เป็นของหายากราคาแพง สกัดจากดอกกุ้ยฮวาที่เพิ่งบานยามเช้าจำนวนหนึ่งโต่วคลุกเคล้ากับน้ำมันงาชั้นดีหนึ่งชั่ง ร้านเครื่องประทินโฉมในเมืองไห่หูต้องรับมาจากร้านใหญ่ในไท่ซานซึ่งเป็นเมืองหลวงอีกต่อหนึ่ง “น้ำมันกุ้ยฮวาผมหอมได้แล้วหรือเจ้าคะท่านแม่?” หวงฮุ่ยเหยาเอ่ยถามอย่างดีอกดีใจ หวงฮูหยิน หรือ หลี่ไป๋หลานยิ้มรับด้วยรอยยิ้มละไม นางสุขใจเหลือล้นที่สามารถเนรมิตความงดงามให้แก่บุตรสาวของตนได้จนได้ชื่อว่าเป็นสตรีที่โดดเด่นอันดับหนึ่งของตำบลหงเหลิง “วันนี้รถม้าของทางร้านไปรับของจากไห่หู แม่จึงให้เขาไปรับของที่ร้านขายเครื่องประทินโฉมมาด้วย” “ท่านแม่ช่างเมตตาลูกนัก ลูกขอบพระคุณท่านแม่มากๆเจ้าค่ะ ลูกรักท่านแม่ที่สุดเลย” หวงฮุ่ยเหยาโอบกอดมารดาอย่างรักใคร่ “วันนี้สระผมแล้วลองใช้น้ำมันกุ้ยฮวาผมหอมนี้ชะโลมผมดู แม่ก็อยากรู้นักว่ามันจะหอมสักเพียงใด จะคุ้มค่ากับราคาขวดละสามตำลึงหรือไม่?” “อะไรนะเจ้าคะท่านแม่ ! ขวดนึงตั้งสามตำลึงเชียวหรือ?” หวงฮุ่ยเหยาอุทานอย่างตกใจ ผู้เป็นมารดายิ้มหวานพลางเอามือลูบหัวบุตรสาวเบาๆสองสามที “สำหรับบุตรสาวหัวแก้วหัวแหวนของเถ้าแก่หวงแล้ว แค่นี้ไม่ถึงกับแพงหรอก ขอเพียงเจ้าใช้แล้วพอใจแม่จะสั่งจองเพิ่มอีกสักสิบยี่สิบขวดก็ยังได้ อย่าได้คิดมากไปกับเงินเพียงเล็กน้อยเพียงเท่านี้ เจ้าต้องรู้จักใช้ของดีๆมีราคา ต่อไปเป็นฮูหยินของขุนนางแล้ว เจ้าต้องวางตัวให้สูงส่ง ผู้คนจะได้ยกย่องยำเกรง” หลี่ไป๋หลานนึกวาดฝันแทนบุตรสาวเมื่อนางได้กลายเป็นฮูหยินของขุนนางขั้นสูง นางเชื่อมั่นว่าคนดีมีความรู้ความสามารถอย่างเฉิงเฟยหรงจะต้องสอบได้เป็นขุนนางอย่างแน่นอน ดีไม่ดีอาจจะได้เป็นถึงจ้วงหยวน ( จอหงวน) เมื่อผู้เป็นมารดาออกไปแล้ว สาวรับใช้นางหนึ่งก็เข้ามารายงานคุณหนูใหญ่ของพวกเขาว่า “คุณหนูใหญ่เจ้าคะ เอ่อ…แม่นางเจี๋ยกุ้ยหนิง สหายของคุณหนูมาขอพบเจ้าค่ะ” ด้วยความที่เจี๋ยกุ้ยหนิงนั้นไม่ได้มีศักดิ์เป็นคุณหนู ฐานะของครอบครัวนางนั้นสุดจะยากจน จึงไม่อาจที่จะให้ผู้ใดเรียกว่าคุณหนูได้ แต่เพราะเป็นสหายของเจ้านายตน บรรดาบ่าวรับใช้ของสกุลหวงจึงใช้คำเรียกเจี๋ยกุ้ยหนิงว่า….แม่นาง “อ้อ…รีบเชิญนางเข้ามาเลย วันนี้ข้ามีของดีให้นางดู” หวงฮุ่ยเหยาทั้งตื่นเต้นและดีใจที่รู้ว่าสหายรักมาเยี่ยมเยียน การมาเยี่ยมเยียนถึงบ้านสหายรักของเจี๋ยกุ้ยหนิงนั้นหนีไม่พ้นเรื่องการหยิบยืม นางใช้คำว่า ‘หยิบยืม’ เพราะนางไม่ได้ขอ แต่จะได้ใช้คืนเมื่อไหร่ก็สุดจะรู้ได้ “คุณหนูเจ้าคะ แม่นางเจี๋ยกุ้ยหนิงมาแล้วเจ้าค่ะ” สาวรับใช้คนเดิมเดินนำเจี๋ยกุ้ยหนิงขึ้นมาที่ชั้นสองซึ่งเป็นส่วนห้องพักส่วนตัวของหวงฮุ่ยเหยา “เจ้ามาพอดีเลย มาดูนี่สิ ข้ามีอะไรจะให้ดู” หวงฮุ่ยเหยาเอ่ยด้วยน้ำเสียงใสกังวานโดยไม่ทันได้สังเกตสีหน้าของผู้เป็นสหาย “ฮุ่ยเหยา” เจี๋ยกุ้ยหนิงเอ่ยด้วยเสียงอ่อยๆ ใบหน้าของนางตอนนี้ดูซีดเซียวเหลือประมาณ ทันทีที่หวงฮุ่ยเหยาเหลือบมองใบหน้าของสหายรักนางก็ต้องตกใจ “เจ้าเป็นอันใด เหตุใดจึงหน้าซีดเช่นนี้ เจ้าไม่สบายหรือไม่ มานั่งพักก่อน” หวงฮุ่ยเหยารีบประคองสหายให้นั่งพักบนเก้าอี้ไท่ซือ โดยมากเก้าอี้ไท่ซือนี้จะปรากฏเป็นเครื่องเรือนของขุนนางและคหบดี ในตำบลหงเหลิงนี้มีเพียงบ้านสกุลหวงเท่านั้นที่มีเครื่องเรือนประเภทนี้ใช้ “ข้าไม่เป็นอันใด แต่…แต่..ท่านแม่ของข้า…ฮือๆๆๆ” พูดยังไม่ทันจบเจี๋ยกุ้ยหนิงก็ร่ำไห้ออกมา “ท่านป้า ท่านป้าเจี๋ยเป็นอันใดรึ?” หวงฮุ่ยเหยาเอ่ยถามอย่างตกอกตกใจ “ท่านแม่อาการปวดท้องกำเริบอีกแล้ว ยาที่ท่านหมอให้มาก็หมดแล้ว เงินที่มีก็ซื้ออาหารหมดแล้วเช่นกัน ผักที่ข้าปลูกและกะว่าจะนำไปขายก็ยังไม่โตพอที่จะขายได้….ข้า…ข้าหมดหนทางแล้ว ฮือๆๆๆ” หวงฮุ่ยเหยาโอบกอดสหายรักเพื่อปลอบใจ “อย่าได้ร้องห่มร้องไห้ไปเลย เอาอย่างนี้ เอาเงินที่ข้าไปซื้อยาให้ท่านป้าก่อน สิบตำลึงพอหรือไม่?” หวงฮุ่ยเหยาพูดพลางหยิบเงินสิบตำลึงจากถุงผ้าไหมสีฟ้าอ่อนส่งให้สหายรัก ซึ่งเจี๋ยกุ้ยหนิงก็รีบยื่นมือไปรับแทบจะทันที “ข้าขอบใจเจ้ายิ่งนัก ข้ากับท่านแม่เป็นหนี้บุญคุณเจ้ามาหลายครั้งแล้ว เงินที่ยืมไปครั้งก่อนห้าตำลึงก็ยังไม่ได้นำมาคืนเจ้าเลย คราวนี้กลับต้องมารบกวนเจ้าอีกแล้ว ข้าละทั้งเกรงใจและละอายใจจริงๆ” หวงฮุ่ยเหยาส่งยิ้มบางๆให้กับสหายรัก “เจ้าอย่าได้คิดเช่นนั้น เราเป็นสหายกันมาตั้งแต่วัยเยาว์ เจ้าเป็นคนดีมีความกตัญญูข้าเองก็ไม่อาจนิ่งดูดายทนเห็นเจ้าลำบากได้” “ข้าขอบใจเจ้าจริงๆ สหายรักของข้า” เจี๋ยกุ้ยหนิงบีบมือหวงฮุ่ยเหยาเบาๆด้วยความซาบซึ้ง เมื่อเจี๋ยกุ้ยหนิงสบตากับสหาย พลันสายตาของนางก็ปะทะเข้ากับคิ้วงามของหวงฮุ่ยเหยา “เอ๊ะ! เหตุใดวันนี้คิ้วของเจ้าดูสวยแปลกตา” นางเอ่ยถามออกไปด้วยความสนใจระคนอยากรู้ หวงฮุ่ยเหยายิ้มละไมก่อนจะเดินไปหยิบบางสิ่งบนโต๊ะเครื่องแป้งมาให้สหายรักดู “หินสือไต้ สตรีทางเมืองหลวงนิยมใช้เขียนคิ้วกันนักในตอนนี้ พอดีท่านแม่ของข้าสั่งมาให้ข้าเพิ่มอีกยี่สิบอัน เจ้าลองเอาไปใช้ดูสิ” หวงฮุ่ยเหยายื่นแท่งหินสีดำให้แก่สหาย เจี๋ยกุ้ยหนิงรีบรับมาอย่างตื่นเต้น “แล้วใช้อย่างไร?” นางไม่เคยใช้หินแบบนี้เขียนคิ้ว ปกติเจี๋ยกุ้ยหนิงจะใช้เถ้าถ่านจากการจุดไม้ขีดไฟให้ไหม้ แต่สีดำจากเถ้าไม้ขีดส่วนมากมักจะมีคุณภาพไม่ดี สีไม่ค่อยสม่ำเสมอ สีไม่สวย ไม่ติดทน ต้องคอยส่องคันฉ่องและเขียนซ้ำ หากบางคราลืมคิ้วก็จะดูแหว่งไปเลย ทั้งสองข้างไม่เท่ากัน “ง่ายมากและสะดวกมากด้วย เพียงแค่ผสมน้ำนิดหน่อยจากนั้นใช้พู่กันหรือปลายปิ่นแตะแล้ววาดคิ้วได้เลย ลองดูไหมเล่า ข้าจะทำให้ดู รับรองว่าพอเขียนคิ้วเสร็จเจ้าจะกลายเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งของแคว้นฝูเลยล่ะ” พูดจบหวงฮุ่ยเหยาก็ใช้ผ้านุ่มๆเช็ดคิ้วทั้งสองข้างของสหายเพื่อลดความมันและใช้พู่กันแตะน้ำกับแท่งหินสือไต้แล้ววาดคิ้วให้กับเจี๋ยกุ้ยหนิงด้วยท่าทางคล่องแคล่ว เจี๋ยกุ้ยหนิงนั้นก็นั่งนิ่งๆให้สหายของตนวาดคิ้วให้แต่โดยดี นางกำลังลุ้นว่าหินสือไต้นี้จะทำให้คิ้วของนางงดงามขนาดไหน “เสร็จแล้ว เจ้าลองมองตนเองในคันฉ่องดู แล้วอย่าตกตะลึงจนตาค้างล่ะ” หวงฮุ่ยเหยาพูดด้วยความรู้สึกชื่นชมในรูปโฉมของสหายตนพลางยื่นกระจกขนาดเท่าสองฝ่ามือส่งให้ เจี๋ยกุ้ยหนิงรับคันฉ่องนั้นมาส่องดูด้วยความตื่นเต้น ทันทีที่เห็นเงาของตนในกระจก เจี๋ยกุ้ยหนิงเป็นต้องอ้าปากค้าง “งามจริงๆ เจ้าวาดคิ้วเก่งจริงๆ เจ้าต้องสอนข้าบ้างแล้ว” “มิใช่ข้ามีฝีมือหรอก แต่เป็นเพราะน้ำหมึกที่ได้จากหินสือไต้นี้คุณภาพดีจริงๆ สีเข้ม สม่ำเสมอ ติดทนนานและเขียนง่าย” “โอว…เช่นนั้นแท่งหมึกนี้เจ้าให้ข้าใช่หรือไม่?” เจี๋ยกุ้ยหนิงเอ่ยอย่างลิงโลด หวงฮุ่ยเหยาพยักหน้ายิ้มๆ “เจ้าช่างดีเหลือเกิน สหายรักของข้า ว่าแต่…เจ้ามีพู่กันที่ไม่ใช้แล้วหรือไม่ ตอนนี้ที่บ้านข้าไม่มีของพวกนี้เลย” “มีสิ ลืมไปแล้วหรือว่าที่ร้านค้าของสกุลหวงนั้นขายทุกสิ่ง” “จริงสิ ข้าลืมไป เช่นนั้นข้าขอยืมเจ้าไปใช้สักอันนะ” เจี๋ยกุ้ยหนิงเอ่ยอย่างเว้าวอน “ย่อมได้อยู่แล้ว ของข้ามีอยู่หลายอัน ให้เจ้ายืมไปใช้สักสองอันยังได้เลย” หวงฮุ่ยเหยาพูดพลางส่งสายตาบอกสาวรับใช้คนสนิท “เสี่ยวฟาง ช่วยหยิบพู่กันบนโต๊ะเครื่องแป้งให้ข้าสักสองอันที” เสี่ยวฟางที่คุ้นเคยกับความช่างขอ และช่างยืม ของสหายผู้นี้ของผู้เป็นนายก็อดอิดออดไม่ได้ “เร็วๆสิเสี่ยวฟาง ข้าจะรีบไป ต้องรีบเอาเงินไปซื้อยาให้ท่านแม่ของข้า” เจี๋ยกุ้ยหนิงอดทำท่าทางฮึดฮัดไม่ได้เมื่อรู้สึกว่าโดนสาวรับใช้คนสนิทของสหายแกล้งทำตัวชักช้าถ่วงเวลา “เจ้าค่ะ แม่นางเจี๋ยกุ้ยหนิง” เสี่ยวฟางหยิบพู่กันขนาดเล็กบนโต๊ะเครื่องแป้งของผู้เป็นนายส่งให้กับมือของหวงฮุ่ยเหยาอย่างเลี่ยงไม่ได้ โดยที่นางเลือกหยิบพู่กันใช้แล้วที่ดูเก่าที่สุดบนโต๊ะเครื่องแป้งนั้น 1 โต่ว = 10 ลิตร 1 ชั่ง = 500 กรัม
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม