“ฮึก ฮื่อๆ”
เสียงสะอื้นไห้ของสาวน้อยนันทิญาร้องออกมาด้วยความเสียใจ ร่างบอบบางกอดกรอบรูปใบใหญ่ไว้แนบอก ในรูปภาพใบนี้มีรูปของผู้ชายวัยทำงานใส่ชุดสูทมองออกมาด้วยยิ้ม แต่คนในรูปไม่สามารถทำให้เด็กสาวยิ้มออกมาได้เลย มีแต่จะยิ่งร้องไห้ออกมามากมายเท่านั้น
“คุณพ่อค่ะ ทำไมคุณพ่อต้องทิ้งเค้กไป เค้ก เค้กคิดถึงคุณพ่อ...” เสียงหวานร้องไห้ออกมาราวกับจะขาดใจ ตอนนี้โลกของสาวน้อยได้แตกสลายไม่มีชิ้นดี เพราะผู้เป็นบิดาเสียชีวิตกะทันหันด้วยอุบัติเหตุ เมื่อสามวันก่อน
สายตากลมโตแหงนมองกลุ่มควันสีดำเทาที่ลอยขึ้นไปยังฟากฟ้า เรื่องทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก เร็วจนสาวน้อยตั้งตัวไม่ทัน และรู้สึกรับไม่ได้กับเรื่องราวที่เกิดขึ้น ตอนนี้เธอรู้สึกสิ้นหวัง และเคว้งคว้างอย่างมาก
“ไม่เป็นไรนะจ้ะหนูเค้ก คุณพ่อของหนูเขาไปสบายแล้ว หนูยิ่งร้องไห้แบบนี้ท่านจะมีห่วงเอานะ”
เสียงของ ‘นางอรอุมา เมธาพิภัทร’ บอกกับสาวน้อยที่เธอรักเหมือนหลานแท้ ทั้งๆที่เธอกับนันทิญาไม่มีอะไรเกี่ยวข้องทางสายเลือดเลย หรือพูดง่ายๆทั้งสองก็เป็นเพียงแค่คนรู้จักกันเพียงเท่านั้น เพียงแต่เธอเป็นเพื่อนรักของวีรดา มารดาของสาวน้อยก็แค่นั้นเอง
อรอุมารู้สึกรักและเอ็นดูลูกของเพื่อนสนิทมาก เธอรักเด็กคนนี้มาก จนเมื่อวีรดาเสียชีวิตลงเธอได้สัญญากับอีกฝ่ายไว้ว่าจะดูแลลูกของเพื่อนให้ดีที่สุด และเธอก็ทำตามที่พูดกับอีกฝ่ายอย่างไม่มีขาดตกบกพร่อง เธอรักและดูแลเอาใจใส่นันทิญา เลี้ยงดูเขาราวกับลูกสาวแท้ๆของเธอ
จนเมื่อมาถึงวันนี้...วันที่นายประพจน์ บิดาของสาวน้อยเสียชีวิตไปอีกคน และด้วยเหตุนี้เองอรอุมาจึงตัดสินใจแล้วว่าเธอจะต้องทำอะไรสักอย่าง ขืนปล่อยให้สาวน้อยนันทิญาอยู่เพียงลำพัง อาจเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นได้ ถึงแม้ในบ้านหลังที่อาศัยอยู่จะมีคนรับใช้และคนงานอาศัยอยู่มากมาย แต่เธอก็ไม่ไว้ใจเท่ากับให้สาวน้อยมาอยู่ใกล้ตัวเธอ
เพราะฉะนั้นเธอจึงตัดสินใจ เธอจะรับเลี้ยงนันทิญามาเป็น ‘บุตรบุญธรรม’
“ไม่เป็นไรนะจ้ะ...ต่อไปนี้น้าจะอยู่ดูแลหนูแทนคุณพ่อหนูเองนะ” อรอุมาบอกออกมาเสียงสั่น ก่อนจะดึงร่างบอบบางเข้ามากอด เธอรู้สึกสงสารสาวน้อยมากตอนที่เห็นน้ำตาใสใสไหลออกมาจากดวงตากลมโตคู่นั้นของอีกฝ่าย
“ฮึก คุณพ่อ...คุณพ่อค่ะ ฮื่อๆ”
“ไม่เป็นไรนะจ้ะ น้าอยู่นี้แล้ว น้าจะไม่ทิ้งหนูไปไหน...”
และหลังจากจบงานศพของนายประพจน์ อรอุมาก็รับนันทิญาไปเลี้ยงดูที่บ้านของเธอ เธอจัดการเปลี่ยนแปลงทุกอย่างที่เกี่ยวกับสาวน้อย จะเหลือก็แต่นามสกุลที่เธอไม่ได้เปลี่ยนแปลงให้เป็น ‘นันทิญา เมธาพิภัทร’ ตามที่ตั้งใจไว้แต่แรกที่ตั้งใจอุปการะ แต่เป็น ‘นันธิญา ประเสริฐทรัพย์’ เหตุก็เพราะสาวน้อยได้ขอไว้เพื่อเป็นการระลึกถึงบิดาที่ล่วงลับไปแล้วนั้นเอง
“เค้กขอบคุณคุณน้ามากนะค่ะ ที่ทำตามที่เค้กขอ” สาวน้อยบอกกับอรอุมาเสียงสั่นเครือ
“เรื่องแค่นี้เอง ขอแค่หนูมาอยู่กับน้าแค่นี้น้าก็ดีใจแล้วจ้ะ”
“แล้วลูกชายของคุณน้าล่ะค่ะ”
นันทิญาถามถึงอคินลูกชายเพียงคนเดียวของอรอุมาเสียงสั่นเครือ พลันหัวสมองก็นึกไปถึงเด็กหนุ่มหน้าตาดี รูปร่างสูงโปร่ง ในตอนที่สาวน้อยรู้จักอีกฝ่ายนั้นคือตอนที่เธออายุได้แค่เจ็ดขวบเท่านั้น ถึงอีกฝ่ายจะมีอายุห่างจากเธอมากแต่เขากับหน้าตาอ่อนกว่าวัยอยู่มาก
และหลังจากที่เจอกันครั้งนั้นระหว่างเธอกับเขา เธอก็ไม่เคยเจออีกฝ่ายอีกเลย เพราะได้ข่าวว่าเด็กหนุ่มไปเรียนต่อต่างประเทศ และเพิ่งกลับมาถึงประเทศไทยไม่กี่วันนี้เอง สาวน้อยจึงไม่แน่ใจเท่าไหร่ว่าเขาจะรับเธอเข้าไปอยู่ในครอบครัวของเขาได้หรือเปล่า หรือจะต่อต้านเหมือนอย่างพวกละครหลังข่าวที่เล่นในตอนเย็น
“...น้าบอกกับพี่เขาไว้แล้ว หนูสบายใจได้ หนูไม่ต้องกลัวน้าจะคอยปกป้องหนูเอง”
“ก็ได้ค่ะ หนูเชื่อใจคุณน้าค่ะ”
สาวน้อยนันทิญาบอกกับหญิงวัยกลางคนด้วยรอยยิ้มนิดๆ แต่ข้างในเธอกลับรู้สึกกลัวและสังหรณ์ใจแปลกๆ เธอรู้สึกกลัวว่าจะมีเรื่องร้ายกับเธอไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
บ้านเมธาพิภัทร เวลา 19.34 น.
“นี่เหรอครับเด็กที่คุณแม่อยากให้มาอยู่ด้วย”
เสียงห้าวแต่ฟังดูดุดันของชายหนุ่มคนหนึ่งเอ่ยถามอรอุมา ก่อนจะใช้สายตาคมเข้มมองร่างบางของสาวน้อยนันทิญาด้วยความไม่ชอบใจ ร่างบางในชุดเดรสสั้นเหนือเข่าตอนนี้นั่งอยู่บนโซฟา แต่สาวน้อยกลับก้มหน้าลงเมื่อรู้สึกถึงการมองของร่างสูงที่มีสถานะเป็นถึง ‘ลูกชายหัวแก้วหัวแหวน’ ของอรอุมา
“ใช่อย่างที่แม่เคยบอกเราไป หนูเค้กเขาเพิ่งสูญเสียครอบครัวไปเมื่อไม่กี่วันก่อน แม่อยากให้น้องมาอยู่ในความดูแลของแม่ โซ่ไม่มีปัญหาอะไรใช่มั้ย” อรอุมาจ้องมองลูกชายคนเดียวที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับนันทิญา ก่อนจะหรี่ตามองร่างสูงที่มองร่างบางด้วยความนิ่ง
“ถึงผมขัดขวางคุณแม่ก็จะพาเธอเข้ามาที่นี้อยู่ดีนี่ครับ”
‘อคิน เมธาพิภัทร’ หันไปบอกมารดาของเขา ก่อนจะยิ้มเย้ยหยันก่อนจะหันสายตาคมไปยังร่างบางที่นั่งก้มหน้าไม่ยอมสบตาเขาอีกครั้ง และการกระทำนั้นของผู้หญิงคนนั้นก็ทำให้เขารู้สึกขัดใจเอามากๆ พื้นมันมีอะไรดีนักหนา ทำไมเธอถึงเอาแต่มองมันแทนที่จะเงยหน้าขึ้นมามองเขา
“รู้ไว้แบบนี้ก็ดีแล้วจ้ะ และอีกอย่างอย่ามาทำให้หนูเค้กเขาตกใจกลัวล่ะ ไม่งั้นอย่าหาว่าแม่ไม่เตือน”
“หึ! แล้วนี่จะมองพื้นอีกนานมั้ย ไม่มีมารยาท!”
“โซ่! แม่เพิ่งบอกไปหยกๆว่าอย่ามาทำให้หนูเค้กเขากลัว นี่ไม่ฟังกันเลยใช่มั้ย” อรอุมาที่ได้ฟังถึงกับอยากหาอะไรไปตีปากพ่อคนตัวดี มีอย่างที่ไหนไปหาเรื่องนันทิญาก่อน ไม่ไหวเลยลูกชายคนนี้
“...”
นันทิญาไม่ได้ตอบอะไร เธอกำมือบางไว้บนตักก่อนจะค่อยๆเงยหน้าขึ้นไปมองร่างสูงในชุดนักศึกษาตรงหน้า ไม่รู้ทำไม ตั้งแต่เธอสบตาคมคู่นั้นเธอก็รู้สึกอยากจะร้องไห้ให้กับชีวิตของเธอเหลือเกิน อารมณ์เธอตอนนี้มัน
“ก็มันจริงนี่ครับ มีอย่างที่ไหนมองพื้นมากกว่าจะมองหน้าผม” อคินบอกมารดาออกไปด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะใช้สายตาเหยียดไปทางนันทิญา “...แล้วนี่เธอจะมาอยู่ในฐานะอะไร ‘เด็กคุณแม่’ หรือ ‘เด็กรับใช้’”
“โซ่! มันจะเกินไปแล้วนะ ถ้าเราไม่พอใจที่แม่พาหนูเค้กเข้ามาอยู่ในบ้านแม่พาหนูเค้กออกไปอยู่ที่อื่นก็ได้นะ” อรอุมาที่รู้สึกทนไม่ไหวกับความปากเสียของพ่อตัวดี จึงพูดขึ้นมาด้วยความไม่ชอบใจเอามากๆ
“ผมก็แค่ล้อเล่นนิดเดียว ทำไมคุณแม่จะต้องขึ้นเสียงจริงจังด้วยล่ะครับ”
“แต่มันเกินไปนะ น้องเขาเป็นผู้หญิงแล้วอีกอย่างน้องเขา...”
“ไม่เป็นไรค่ะคุณน้า เค้กไม่เป็นอะไร...เค้กทำได้ทุกอย่างขอแค่คุณโซ่สั่ง”
ประโยคแรกนันทิญาบอกกับอรอุมาก่อนจะหันไปบอกกับร่างสูงของอคินเสียงเรียบ ตอนนี้เธอรู้สึกไม่ดีเอามากๆ แต่ก็พยามเก็บอาการไว้สุดความสามารถเพราะ ไม่อยากให้หญิงวัยกลางคนมีปัญหากับลูกชายของเธอ
“หึ! เข้าใจพูดให้ตัวเองดูดีนะ ท่าทางเด็กคนนี้ของคุณแม่จะฉลาดกว่าที่ผมคิดนะครับ แบบนี้คุณแม่ก็ไม่ต้องห่วงเธอแล้วนะครับ เพราะเธอฉลาดพูดให้ตัวเองดู ‘น่าสงสาร’”
“โซ่...แม่ขอล่ะ ถ้าไม่ชอบก็แค่อย่ายุ่ง”
“ใครบอกว่าผมไม่ชอบกันครับ ผมยังไม่เคยบอกสักคำว่า ‘ไม่ชอบ’”
อคินเน้นคำว่าไม่ชอบเสียงดังก่อนเหลือบสายตาไปยังร่างบางของเด็กสาว “...ที่จริงผมน่ะ ‘ชอบ’ เธอมากเลยล่ะครับ ยังไงก็ขอให้มีความสุขในบ้านหลังใหม่แล้วกัน” บอกกับเด็กสาวเสียงนิ่งก่อนจะลุกและพาร่างสูงราวกับนายแบบออกไปจากห้องรับแขก และนั้นทำให้บรรดาสาวใช้น้อยใหญ่ต่างพากันหลบหลังเสากันแทบไม่ทัน
ก่อนจะพากันใช้มือกุมหน้าอกกันเสียยกใหญ่ เพราะรู้ถึงกิตติศัพท์ของอคินดี
ชายหนุ่มเป็นผู้ชายปากร้าย และเอาแต่ใจที่สุด ก็ตั้งแต่ที่คุณผู้ชายเสียไปตอนนั้นอคินอายุได้สี่ขวบ นิสัยของเขาก็เปลี่ยนไปตั้งแต่ตอนนั้น
“ช่างเขาเถอะนะ หนูไม่ต้องกังวลพี่เขาไม่มีอะไรแค่ชอบทำให้กลัวไปงั้นแหละ”
“ค่ะ”
นันทิญาบอกกับหญิงวัยกลางคนที่ดึงเธอเข้าไปกอดไว้ ก่อนจะรู้สึกหนักใจกับเรื่องก่อนหน้านี้ ผู้ชายอะไรปากร้าย ปากเสียที่สุด ชอบพูดจาร้ายๆใส่เธอ ทั้งที่เธอกับเขาก็เพิ่งเจอกัน ถึงแม้จะไม่ใช่ครั้งแรกที่เราสองคนเจอกันก็เถอะ