เสียงนาฬิกาปลุกที่ตั้งเอาไว้ในโทรศัพท์มือถือดังอยู่สองสามครั้งชินวุธก็สอดมือลอดผ้าห่มออกมาควานหามันแล้วคว้าไปดู เขาหรี่ตามองเวลาในหน้าจอแล้วกดปิดมัน จากนั้นวางมันลงบนโต๊ะโคมโฟข้างเตียงแล้วขยับผ้าห่มออกจากตัวก่อนจะลุกนั่ง ยกมือขยี้ตาสองสามที อ้าปากหาวหวอดอีกทีแล้วขยับลงจากเตียงเดินเข้าห้องน้ำเพื่อจัดการตัวเอง
เมื่อทำธุระส่วนตัวและอาบน้ำให้สดชื่นแล้วเขาก็ออกมาแต่งตัวด้วยเสื้อยืดคอโปโลสวมใส่สบายกับกางเกงผ้าเนื้อดี หวีผมเสยขึ้นให้เรียบร้อย เสริมหล่อด้วยครีมบำรุงผิวของผู้ชาย จากนั้นจัดเตรียมเอกสารการทำงานและโน้ตบุ๊ก เสร็จแล้วปิดเครื่องปรับอากาศ ล็อกห้องแล้วถือกระเป๋าเดินลงบันไดไปชั้นล่าง
ชินวุธมองล็อบบี้ชั้นล่างที่เงียบสงัด แม้ว่าตอนนี้จะไม่ใช่เวลาเช้าตรู่ ออกจะสายด้วยซ้ำ แต่ที่นี่กลับไม่มีคนแม้แต่คนเดียวซึ่งมันแปลกมาก ปกติเวลานี้ควรจะมีคนที่รีบเร่งไปทำงาน มีเด็กนักเรียนสะพายกระเป๋า มีแม่บ้านออกไปจับจ่ายตลาด หรือคนแก่สักคนที่จะลงมาเดินเล่นด้านหน้าอพาร์ตเมนต์ หรือทุกคนออกไปกันหมดแล้วนะ แล้วไปยังไง ในเมื่อที่นี่อยู่ห่างจากหมู่บ้าน แล้วเขาก็ไม่เห็นรถยนต์หรือรถจักรยานยนต์สักคันที่จอดตรงลานจอดรถนอกจากรถของเขาคันเดียว
"ขับรถระวังด้วยนะ หมาชอบวิ่งออกมาจากซอยเล็กท้ายหมู่บ้าน"
เสียงทักห้วน ๆ แสนไร้มารยาททำให้ชินวุธชะงักมือที่กำลังจะเปิดประตูรถแล้วหันไปหาเจ้าของเสียง
"ผมรู้แล้ว" เขาตอบกลับด้วยน้ำเสียงห้วนพอกันแล้วเปิดประตูขึ้นไปนั่งในรถ
ชินวุธขับรถออกจากลานข้างอพาร์ตเมนต์พลางมองผ่านกระจกไปยังพนักงานไร้มารยาทที่มาตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ ตอนเขาลงมาที่ลานจอดรถเขาไม่เห็นใครสักคนเลยนี่ แล้วอินทรามาจากไหนกัน แต่เมื่อเบนสายตาไปมองถนนชั่วแวบก็เบนกลับมามองผ่านกระจกอีกครั้ง เขากลับไม่เห็นอินทราอยู่ตรงไหนของลานจอดรถเลย จะว่าวิ่งเข้าไปข้างในอพาร์ตเมนต์ก็ไม่น่าจะใช่ เพราะเขาละสายตาจากอินทราไปไม่ถึงสองวินาทีด้วยซ้ำ
"มันไปไหนเร็วจังวะ" ชินวุธบ่นเบา ๆ ด้วยความแปลกใจ แต่ชั่วครู่เขาก็เลิกสนใจพนักงานอพาร์ตเมนต์หน้านิ่งราวกับไร้อารมณ์คนนั้นแล้วขับรถเข้าหมู่บ้าน
นับว่าโชคดีที่หมู่บ้านนี้มีร้านขายโจ๊กกับข้าวต้มอยู่ข้างตลาด มีกาแฟขนมปังปิ้ง มีรถเข็นขายน้ำเต้าหู้กับปาท่องโก๋ด้วย ในตลาดก็มีคนขายข้าวกล่องราคาถูกสำหรับนักเรียนที่มารอรถรับส่งไปเรียนในตัวเมือง มีข้าวเหนียวหมูทอดไก่ทอดทำเป็นห่อวางเรียงบนถาดด้วย นับว่าเป็นหมู่บ้านที่เจริญใช้ได้ ทีแรกเขาคิดว่าหมู่บ้านเล็กแบบนี้คงหาของกินยากและอาจจะต้องอาศัยข้าวกล่องหรือแซนด์วิชในร้านสะดวกซื้อ แต่ถ้ามีร้านแบบนี้เขาก็ไม่ต้องกังวลเรื่องมื้อเช้าก่อนไปทำงานอีก
ชินวุธสั่งโจ๊กหมูกับกาแฟมานั่งกินพลางมองไปรอบร้าน มีชาวบ้านหลายคนมองมาที่เขาเหมือนจะแปลกใจที่เห็นคนแปลกหน้า แต่เพียงครู่เดียวทุกคนก็เลิกสนใจเขา อาจจะเป็นเพราะมันมีคนต่างด้าวมาทำงานกันเยอะ และมีคนจากที่อื่นมาทำงานด้วย
หลังจัดการมื้อเช้าจนอิ่มชินวุธก็ขับรถไปที่โรงงานผลิตใบชาอบแห้ง อันที่จริงหมู่บ้านนี้ไม่ได้ปลูกชากันหรอก ที่นี่จะปลูกข้าวและข้าวโพดเป็นหลักหมุนเวียนกับผักระยะสั้นอย่างผักกาด ต้นหอม ผักชี อะไรพวกนี้ หมู่บ้านที่ปลูกชาจะอยู่บนภูเขาที่ลึกไปในป่าซึ่งมันยากกับการไปสร้างโรงงาน ทางบริษัทจึงมาสร้างโรงงานที่หมู่บ้านนี้แทนแล้วให้หมู่บ้านในหุบเขาเอาใบชามาส่ง
เมื่อมาถึงโรงงาน กลิ่นใบชาอบแห้งก็ลอยตามลมมาจนหอมฟุ้ง ยังดีที่โรงงานนี้ตั้งอยู่ห่างจากโรงงานอื่นและห่างจากหมู่บ้านด้วย กลิ่นกับเสียงและควันไฟจากการอบจึงไม่รบกวนหมู่บ้าน
ชินวุธขับรถไปจอดใต้ร่มเงาไม้ของลานจอดรถข้างอาคารสำนักงาน หยิบกระเป๋าเอกสารแล้วลงจากรถเดินเข้าออฟฟิศ
"สวัสดีครับคุณชินวุธ ผมชื่อนพดล เป็นผู้จัดการโรงงานที่นี่ครับ" นพดลยกมือไหว้ด้วยความสุภาพ
"สวัสดีครับ งานเป็นยังไงบ้าง มีปัญหาอะไรหรือเปล่า" ชินวุธถามแล้วนั่งลงที่โซฟารับแขก
"เรียบร้อยดีครับ" นพดลตอบแล้วนั่งลงที่โซฟาอีกตัว
ชินวุธคุยกับผู้จัดการโรงงานซึ่งเป็นคนในจังหวัดนี้แต่ไม่ใช่คนในหมู่บ้านนี้ เขาตรวจสอบบัญชีกับรายงานประจำวันของโรงงานทั้งหมด จากนั้นแก้ไขให้ระบบงานเป็นแบบเดียวกันกับทุกสาขา ซึ่งผู้จัดการที่นี่อาจจะไม่เข้าใจหรือทำไม่ถูกต้อง เนื่องจากตอนรับสมัครงานประจำโรงงานที่นี่ ผู้จัดการที่นี่กับพนักงานระดับหัวหน้าเข้าอบรมการทำงานเพียงแค่สัปดาห์เดียว และมีคนจากกรุงเทพมาเทรนด์ให้เพียงครึ่งเดือน ทำให้ผู้จัดการและพนักงานของโรงงานนี้อาจจะยังไม่เข้าใจระบบงานทั้งหมด ทางบริษัทจึงส่งผู้จัดการจากกรุงเทพซึ่งก็คือชินวุธมาเป็นเพี่เลี้ยงชั่วคราว
จากนั้นชินวุธก็เดินชมโรงงานผลิตที่ตอนนี้มีคนงานต่างด้าวเกือบเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ทำงานอยู่ คนในพื้นที่มีไม่มากนักและมีคนจากหมู่บ้านอื่นมาทำด้วย เขามองเครื่องจักรตัวใหญ่ที่ควบคุมโดยวิศวกรและนายช่างชำนาญการ มันกำลังอบใบชาด้วยความร้อนเพื่อฆ่าเชื้อและทำให้แห้งก่อนจะส่งไปตามสายพานเพื่อทำขั้นตอนต่อไป
เมื่อคุยกับวิศวกรและดูงานอีกพักใหญ่ชินวุธก็เดินออกจากโรงงานกลับไปที่ออฟฟิศ แต่พอผ่านสวนหย่อมที่อยู่ระหว่างโรงงานกับออฟฟิศ เขาก็เห็นแม่ค้ารถจักรยานยนต์มีตะกร้าใบใหญ่พ่วงท้ายมาสองสามคัน มีพนักงานออฟฟิศสองสามคนไปมุงและเลือกซื้ออาหารกลางวันกันดูเฮฮา เขาไม่ได้สนใจพนักงานกับแม่ค้าแล้วเดินเข้าไปในออฟฟิศ นั่งลงที่เก้าอี้หลังโต๊ะตัวหนึ่งที่ทางออฟฟิศจัดให้เขา
"แถวนี้ไม่มีร้านอาหารเหรอ" ชินวุธหันไปถามผู้จัดการที่กำลังตรวจเอกสารกองใหญ่
"ไม่มีครับ แต่ก็เคยมีคนมาถามขอเช่าพื้นที่ทำร้านอาหารอยู่"
"แล้วคนงานจะไปกินข้าวกันที่ไหน ในหมู่บ้านเหรอ" ชินวุธถามด้วยความสงสัย เพราะรถแม่ค้าขายกับข้าวมีแค่สองสามคัน แต่พนักงานฝ่ายผลิตของโรงงานมีเกือบพันคน
"ผมกำลังพิจารณาอยู่ครับ ปกติพวกคนงานพม่าจะห่อข้าวมากินเอง ไม่งั้นก็กลับไปกินที่บ้าน พวกพนักงานที่เป็นคนแถวนี้บางคนก็ไปกินในหมู่บ้าน ไม่งั้นก็ซื้อจากแม่ค้าครับ"
"คุณจัดสรรพื้นที่ให้คนมาเช่าขายอาหารเถอะ สักสองสามเจ้าก็ได้ คนบ้านไกลจะได้ไม่ลำบาก ยิ่งหน้าฝนยิ่งไปไหนยาก"
"ทราบแล้วครับ เดี๋ยวผมจะให้น้องขวัญพิมพ์คำเสนอของบประมาณในการปรับปรุงพื้นที่สำหรับจัดทำร้านอาหารในบริเวณโรงงานเลยนะครับ"
"อืม ทำมาเถอะ เดี๋ยวผมเซ็นอนุมัติให้ แล้ววันนี้คุณจะไปกินข้าวที่ไหน"
"ผมจะไปกินที่หมู่บ้านนั้นครับ มีร้านตามสั่งกับร้านก๋วยเตี๋ยวอร่อยด้วย" ผู้จัดการโรงงานชี้ไปทางหมู่บ้านทางทิศเหนือ
"โอเค งั้นผมไปหาอะไรกินดีกว่า คุณก็พักได้แล้วล่ะ มันเที่ยงแล้ว" ชินวุธบอกแล้วลุกจากเก้าอี้เดินออกจากออฟฟิศ