“ถ้าคุณนงรู้เข้า...” ธนามีสีหน้าเป็นกังวลเล็กน้อย
“อย่าพูดถึงผู้หญิงร้ายกาจคนนั้นอีก คุณกลับไปได้แล้วละ ผมมีธุระต้องทำอีกหลายเรื่อง ผมไว้ใจคุณมากนะคุณธนา ต่อไปถึงไม่มีผม ผมก็มั่นใจว่าคุณต้องทำทุกอย่างได้อย่างเรียบร้อย”
“คุณคินอย่าพูดเป็นลางแบบนั้นสิครับ”
“ยังไงก็ขอบคุณคุณอีกครั้ง ทำตามที่ผมสั่งทุกอย่าง ถ้าผมไม่อยู่แล้ว”
“ผมทำตามที่คุณคินสั่งทุกอย่างแน่นอนครับ แต่อย่าพูดเป็นลางแบบนั้นสิครับ ผมใจคอไม่ดีเลย”
“เกิดแก่เจ็บตายเป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์โลก”
ภคินเดินมาส่งทนายวัยเดียวกันกับเขาที่หน้าห้อง ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งทอดอารมณ์อย่างเลื่อนลอย
อนงค์มองซ้ายมองขวาเมื่อเห็นว่าปลอดคนจึงเดินไปยังบ้านเล็กหลังตึก จุดหมายปลายทางคือบ้านของสุรเดช โดยไม่รู้ว่าหลังจากเธอจากไปไม่นาน ทนายประจำตระกูลก็เดินทางมาถึงอย่างเงียบๆ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก…
เสียงประตูบ้านทำให้สุรเดชรีบไปเปิด อนงค์งับประตูรวดเร็วเมื่อเข้ามาด้านในแล้ว
“อื้อ... อย่าเพิ่งสิคะ” อนงค์หัวเราะอย่างมีจริตผลักไสใบหน้าของอีกฝ่ายออกห่าง
“คิดถึงคุณจะแย่ คุณช้าจัง” สุรเดชประคองร่างอนงค์ไปที่โซฟาหน้าทีวีที่เขากำลังนอนพักผ่อนอยู่
“ฉันเอาอาหารไปให้คุณคินอยู่ไง คุณก็รู้ ป่านนี้คงนอนหลับไม่ได้สติไปแล้วละ”
อนงค์พูดยิ้มๆ คิดว่าสามีทานอาหารที่ใส่ยานอนหลับของเธอเข้าไป
“ดูแลเอาใจใส่กันดีจริงนะ”
สุรเดชแกล้งว่า ทั้งๆ ที่รู้ดีว่าไม่ใช่ มือหนาลูบไปตามแขนของอนงค์ แม้เธอจะอายุย่างเข้าสี่สิบแล้ว แต่ผิวพรรณยังไม่เหี่ยวย่นน่าเกลียด อาจเป็นเพราะอนงค์ดูแลตัวเองดี รักสวยรักงามและไม่ชอบทำงานหนัก
“ใครบอกล่ะคะ ฉันแค่ไปดูว่าเขาทำอะไรอยู่ก็เท่านั้น”
อนงค์จีบปากจีบคอพูด ช้อนสายตายั่วยวนแพรวพราวส่งให้ชายชู้ มือบางลูบไล้แผงอกกว้างกำยำของชู้รักไป เพื่อปลุกเร้าอารมณ์อีกฝ่ายให้ฮึกเหิม มอบความสุขที่สามีให้ไม่ได้กับเธอ
“ช่วยผมหน่อยสิ อยากกินคุณจะแย่”
สุรเดชจับมือบางที่ลูบแผงอกมาวางที่แก่นกายของตนเอง
อนงค์หัวเราะชอบใจอย่างมีจริตจะก้าน บีบเคล้นความเป็นชายที่ปรนเปรอความสุขของเธอเบาๆ ก่อนจะเริ่มหนักมือขึ้นตามแรงอารมณ์
“โอ้... คุณนงแบบนั้นละครับสุดยอดจริงๆ”
อนงค์เลื่อนกายลงคุกเข่าดึงกางเกงใส่สบายอยู่บ้านออกจากกายแกร่งของชู้รัก ก่อนที่ตัวตนของเขาจะผงาดมาทักทายเธอต่อหน้าต่อตา
“อุ๊ย! คุณนี่ร้อนแรงเหลือเกิน ไม่ทันไรก็...”
อนงค์ก้มลงดูดรัดความเป็นชายของสุรเดชอย่างมีชั้นเชิง ขยับริมฝีปากที่มากด้วยประสบการณ์ปรนเปรอจนได้ยินเสียงคร่ำครวญไม่เป็นภาษา
“อย่างนั้นแหละคุณนง คุณนี่ยอดเยี่ยมตลอด แบบนี้ไง พี่คินถึงหลง โอ้...”
“หลงอะไรกันล่ะคะ ให้ฉันนอนแห้งเหี่ยวจะเฉาตายอยู่แล้ว”
อนงค์ปล่อยเรือนกายหนาของสุรเดชก่อนจะพูดเสียงสะบัดคล้ายขัดใจเป็นอันมาก
“ไม่เห็นต้องกังวลนี่ครับ ผมสนองให้คุณทุกวันคืนอยู่แล้ว”
สุรเดชจับใบหน้าชู้รักให้เงยขึ้น กดจุมพิตลงมาอย่างเร่าร้อน ก่อนจะกดใบหน้าเธอให้ลงไปกลางเรือนร่างปรนนิบัติเขาต่อ
สุรเดช หนุ่มวัยสี่สิบกว่าครวญครางแทบสิ้นสติเมื่อเขายอมสยบแก่ภรรยาของญาติห่างๆ ซึ่งเปรียบเหมือนผู้มีพระคุณ แต่เพราะแรงตัณหาและกิเลสบังตา เขาจึงไม่สำนึกในบุญคุณนั้น แถมยังมีความคิดจะครอบครองทรัพย์สมบัติของสุรสิทธิ์อีกด้วย เพราะในเมื่ออีกไม่ช้าทุกอย่างก็จะเป็นของเขาและอนงค์ รวมถึงลูกชายที่ให้กำเนิดมาจากหญิงสาวที่กำลังคุกเข่าแทบเท้าเขา
ชายหนุ่มดึงใบหน้าของอนงค์ออกห่าง กดให้เธอนอนลงบนโซฟาตัวยาว แล้วขึ้นคร่อมทับด้วยอารมณ์ที่งวดขึ้นมา มือหนาหยาบกร้านถอดอาภรณ์ของเธอออกจากกาย อนงค์ยังเต่งตึงและไร้ไขมันส่วนเกิน ยิ่งทรวงอกอวบอัดเต็มไม้เต็มมือทำให้เขาหลงใหลอย่างบ้าคลั่งทุกครั้ง
ใบหน้าของสุรเดชเกลือกกลิ้งกับยอดอกอวบอัด แม้จะหย่อนคล้อยไปบ้างแต่ก็ยังให้ความรู้สึกดีเมื่อได้แนบชิด นิ้วมือยาวโจนจ้วงเข้าสู่กระดังงาฉ่ำชื้นไปด้วยน้ำหวานที่ไหลรินออกมาจากเพลิงราคะของคนใต้ร่าง
อนงค์ครวญครางไม่ออมเสียงนักเพราะตกอยู่ในห้วงอารมณ์หวาม มือบางกรีดนิ้วที่แต่งแต้มด้วยน้ำตาเคลือบเล็บสีสวยเข้าในกลุ่มผมดกหนาของสุรเดชผู้เป็นชู้รัก
ลีลาปลายลิ้นที่กวาดต้อนดูดคายรัดอกอวบๆ ทำให้อนงค์ส่ายใบหน้าด้วยความสยิวซ่าน ริมฝีปากเอ่ยเรียกอีกฝ่ายไม่ขาดปาก สุรเดชละจากหน้าอกอวบลงมายังหน้าท้องเนียน เขารู้ว่าเธอจุดติดง่ายเพียงใด อนงค์ไฟแรงสูงมากด้วยความต้องการทางเพศ จนตอนนั้นภคินยอมรับอนงค์มาเป็นภรรยาอีกคน กระทั่งพาเข้ามาอยู่ในบ้าน
เพียงแค่ใบหน้าของสุรเดชงับหน้าท้องของเธอเล่น อนงค์ก็สยิวซ่านจนแทบทำอันใดไม่ถูก ใบหน้าก้มลงส่ายริมฝีปากกับกลีบกระดังงาร้อนแรงที่แอ่นหยัดยั่วเย้า
เสียงกรีดร้องของชายชู้และภรรยาทำให้ภคินที่แอบตามลงมาหน้าซีดเผือด แม้จะไม่อยากเหยียบย่างลงมาให้ระคายใจแต่ก็อดไม่ได้ เขาไว้ใจสองคนนี้จนไม่เคยระแคะระคายเลยสักนิด อีกไม่นาน งูเห่าที่เลี้ยงไว้คงจะแว้งกัดให้เขาขาดใจตาย ภคินยกมือกุมหัวใจเอาไว้ รู้สึกเจ็บหน้าอกจนต้องรีบพาตัวเองให้ห่างจากภาพที่ได้ดู ได้เห็นภาพจะๆ คาตาแบบนี้ก็ทำให้เขาแทบช็อก
ภายในบ้านหลังเล็กยังร้อนระอุไปด้วยเปลวเพลิงกามราคะเมื่อสุรเดชถอนใบหน้าออกเลื่อนกายกระแทกกระทั้นหญิงสาวใต้ร่างอย่างร้อนแรง ต่างปรนเปรออารมณ์ใคร่ ตักตวงความสุขกันและกันอย่างลืมเวลาลืมนาที
“โอ๊ะ!!!”
ภคินที่เดินขึ้นบันไดกุมหน้าอกแน่นขึ้น เขาต้องรีบกินยาโดยด่วน ร่างที่อ่อนแรงเดินขึ้นไปได้ไม่เท่าไหร่ก็เสียหลักล้มลงกลิ้งจากบันไดหัวฟาดพื้น
“กรี๊ดดด คุณท่าน”
สมจิตรได้ยินเสียงอะไรกระแทกพื้นจึงวิ่งออกมาดู ก่อนจะกรีดร้องอย่างตกใจ
“แกเป็นบ้าอะไรนังจิตร”
สมรที่ตามออกมาถึงกับเอามือปิดปากตาโตด้วยความตกใจ
“เฮ้ย! คุณท่าน ไปตามพี่สนเอารถออกเร็ว แล้วนี่คุณผู้หญิงอยู่ไหนนี่” สมรรีบดันหลังสมจิตรออกจากบ้าน ตนรีบไปช้อนร่างของเจ้านายขึ้นอย่างทุลักทุเล
ทุกคนชุลมุนช่วยกันพาภคินไปหาหมอ สุรเดชกับอนงค์เองก็ดูตกใจในคราแรก ก่อนจะเหยียดยิ้มให้กัน
ตายซะได้ก็ดี ไอ้แก่ อนงค์เบื่อที่จะดูแลปรนนิบัติคนไร้สมรรถภาพเช่นนี้เต็มทนแล้ว
โรงพยาบาลใน จ.สุราษฏร์ธานี
“ไม่คิดว่าจะเร็วแบบนี้” อนงค์หันไปพูดกับสุรเดชด้วยสายตาร้ายกาจ
“ผมก็ไม่คิดว่าจะเร็วแบบนี้ ตอนนี้เพียงแค่อดใจรอ” สุรเดชตอบอย่างร้ายกาจไม่ต่างกัน
ในที่สุดภคินก็สิ้นใจแล้วตามความหมายมาดของคนทั้งคู่ ยังความเสียใจให้เหล่าบรรดาคนรับใช้ทั้งหมดที่รับรู้การจากไปไม่มีวันหวนกลับของประมุขแห่งสุรสิทธิ์...
พิรวดีที่เพิ่งเดินทางมาถึงโรงพยาบาลหลังจากออกไปทำธุระให้มารดาก็ถึงกับเข่าทรุด เมื่อบิดาเลี้ยงที่เธอเคารพรักได้จากเธอไปเสียแล้ว วูบหนึ่งเธอคิดถึงรติภัทร ชายหนุ่มที่เธอรักเขาไม่เคยเปลี่ยนแปลงไม่ว่าจะนานแค่ไหน เมื่อไม่กี่วันก่อน เขาเข้ามาเปลี่ยนแปลงชีวิตเธอด้วยการครอบครองเธอทั้งร่างกายและจิตใจ เขามาส่งเธอที่บ้านสุรสิทธิ์ ก่อนจะกลับไปเชียงใหม่ในวันนั้น ก่อนไป เธอยังจำประโยคของเขาได้ดี
“จำเอาไว้ เธอเป็นของพี่คนเดียว รักษาเนื้อรักษาตัวให้ดี แล้วพี่จะกลับมา”
ถ้อยคำนั้นยังก้องอยู่ในหูเธอไม่เคยจืดจาง เขาบอกว่าจะกลับมา