6

1485 คำ
เธอไม่มีเวลามาชื่นชมกับความงามของที่นี่ พิรวดีพาร่างอ่อนแรงมุ่งตรงไปที่ประตู ไม่รีรอที่จะก้าวหนีออกไป ทั้งที่เจ็บปวดไปทั่วร่างและจุดอ่อนละมุน แต่ไม่มีเวลามาอ่อนแอในตอนนี้ “โอ๊ะ!!!” หญิงสาวนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ รติภัทรรติภัทรเดินออกจากห้องน้ำ เมื่อไม่เห็นหญิงสาวก็รีบตามออกมา เขาผวาเข้าไปช่วย พิรวดีรีบสะบัดมือออก เงยหน้ามองอย่างตกใจ “พี่ติ” พิรวดีครางเสียงแผ่ว แม้จะนานมากแล้วที่ไม่ได้เจอกัน แต่เค้าโครงหน้าความหล่อเหลาไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม เพียงแค่เขาดูแข็งแกร่ง สูงใหญ่ด้วยวัยที่มากขึ้น ดวงตายังอ่อนโยนแตกต่างจากใบหน้าที่แสนเย็นชานี้เหลือเกิน “จำเอาไว้ เธอเป็นของพี่คนเดียว พิรวดี!!! เธอไม่มีวันหนีพี่พ้น” การสูญเสีย บ้านสุรสิทธิ์... จ.สุราษฏร์ธานี “คุณเดช อย่าสิคะ” อนงค์หญิงสาววัยสี่สิบเศษหัวร่อต่อกระซิกกับญาติสามีที่อาศัยอยู่ร่วมกัน เมื่ออีกฝ่ายแอบย่องเข้ามากอดรัดเธอในห้องนั่งเล่นของบ้านหลังใหญ่ “ทำไมล่ะ คิดถึงจะแย่ ไม่ไปหาผมเลยนะ” สุรเดชถามคลอเคลียชิดริมหู หญิงสาวจับเนื้อจับตัวอีกฝ่ายอย่างมีจริต “นงหาเวลาอยู่ค่ะ เดี๋ยวรอให้ไอ้แก่นอนหลับเสียก่อน” อนงค์พูดด้วยสายตาเย้ายวน เธอเป็นคนสับเปลี่ยนยาให้สามีกินบ่อยครั้ง บางทีก็เอายาเหมือนๆ กัน แต่ไม่ได้รักษาโรคอะไรให้กิน แม้พิรวดีจะดูแลภคินเป็นอย่างดี แต่ก็แพ้ความฉลาดของเธอ “เร็วๆ นะครับ ผมรออยู่” สุรเดชเร่งเร้า ขยำหน้าอกอวบอัดของหญิงสาวอย่างหื่นกระหาย “อย่าใจร้อนสิคะ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า คุณนี่ชอบทำรุ่มร่ามเรื่อยเลย” อนงค์แกล้งทำเป็นผลักไสอย่างมีจริตจะก้าน หัวเราะคิกคักหยอกล้อไม่ได้สนใจว่าจะมีใครเห็นจริงๆ ดังปากพูด “ไม่มีใครเห็นหรอกน่า ผมรู้ว่าคุณใช้นังสองคนนั่นไปทำงานไกลๆ แล้ว” สุรเดชพูดอย่างรู้ทัน “รอนิดนึงสิคะ กำลังจะเอาอาหารไปให้ไอ้แก่นั่น” อนงค์ยิ้มหวานให้ชู้รัก “เมื่อไหร่ผมจะได้มีความสุขกับคุณจริงๆ ซะที” สุรเดชซุกไซ้ที่ซอกคอของอนงค์ คลอเคลียอยู่ไม่ห่าง “รอหน่อยสิคะ ตอนนี้สามีแก่ของฉันอาการไม่ค่อยดี ร่างกายซูบผอม แถมยังมีหลายโรครุมเร้า จะเข้าโลงอยู่แล้ว” น้ำเสียงสีหน้าและแววตาของภรรยาทำให้ภคินแทบผงะ เขาเพิ่งระแวงสงสัย ไม่เคยคิดมาก่อนว่าเลี้ยงงูพิษไว้ในบ้านถึงสองตัว พยายามจับตามอง ด้วยว่าจับไม่ได้ไล่ไม่ทัน อนงค์หาทางใส่ยานอนหลับในอาหารนี่เอง ส่วนวันที่เขาไปทำงานก็เคร่งเครียดจนไม่มีเวลาตามดู ยอมรับว่าปล่อยปละละเลยภรรยาคนนี้มานานมาแล้ว อาจจะตั้งแต่สุวดีจากเขาไป เขาคิดถูกแล้วที่ทำพินัยกรรมใหม่ ภคินถอนใจอย่างหนักหน่วงเมื่อให้คนไปสืบเรื่องราวหลายอย่างก่อนหน้า “ผมน่ะอยากมีความสุขกับคุณจริงๆ จังๆ เสียที” สุรเดชยังซุกไซ้ไม่ห่าง “แน่นอนอยู่แล้ว ทุกอย่างต้องเป็นของเรา ได้ข่าวว่าคุณคินไปตามง้อทางโน้น แต่โดนปฏิเสธตอกหน้าหงายกลับมา คงถอดใจแล้วละค่ะ เป็นยี่สิบปี ทางโน้นยังไม่ยอมคืนดี” อนงค์ยิ้มพราว “คุณไม่กลัวพี่คินยกทรัพย์สมบัติให้ทางโน้นหรือไง” “กลัวสิ ถามได้ แต่ในเมื่อทางโน้นปฏิเสธเสียงแข็งว่าไม่รับ ตอนเปิดพินัยกรรม ยังไง เมื่อไม่มีคนดูแลก็ต้องตกเป็นของตาวินอยู่แล้ว” “ผมจะไปรอคุณที่บ้านนะ” สุรเดชพูดเสียงหวาน “ได้สิคะ เดี๋ยวฉันให้ไอ้แก่นั่นทานข้าวก่อน นี่เลยเที่ยงมาแล้วยังไม่ลงมากิน รับรองไม่นานสลบไสล ตื่นอีกทีก็เย็น เราจะได้มีเวลาอยู่ด้วยกันไงคะ” อนงค์พูดถึงแผนการของตัวเอง เพราะวันนี้พิรวดีบุตรสาวนอกไส้ก็ไม่อยู่บ้าน เธอใช้ให้ออกไปข้างนอก “ไปเถอะ ผมจะรอ” สุรเดชมองตามร่างของอนงค์ที่เข้าไปในครัว ก่อนจะเดินกลับไปยังบ้านหลังเล็กของตนเองที่อยู่ในรั้วบ้านเดียวกัน ทางด้านอนงค์ นางลงทุนยกอาหารไปให้สามีถึงห้องทำงานในขณะที่ภคินกำลังนั่งนิ่งอยู่ในห้องทำงานด้วยใบหน้าเคร่งเครียดและเศร้าหมอง “คุณคินทานข้าว ทานยาก่อนนะคะ” เสียงของภรรยาทำให้ภคินหลุดจากภวังค์ความคิด เขามองอาหารที่ภรรยานำมาวางตรงหน้าด้วยสายตาบางอย่าง ก่อนจะจางหายไป “วดีไปไหนเสียล่ะ” ภคินเอ่ยถามถึงลูกเลี้ยงสาวที่มักจะมาดูแลเขาอยู่เสมอ อนงค์เองก็รู้ว่าสามีรักและเอ็นดูพิรวดีเหมือนลูกในไส้ “วันหยุดแบบนี้คงออกไปเที่ยวตามประสาสาวๆ มั้งคะ” อนงค์ตอบอย่างขอไปที “ยัยวดีเอาแต่ทำงานกับดูแลผม ออกไปเที่ยวบ้างก็ดีนะ” ภคินพูดอย่างอ่อนแรง แต่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเอ็นดู เมื่อเอ่ยถึงลูกเลี้ยงสาว “ค่ะ คุณทานข้าวทานยาเถอะค่ะ จะได้พักผ่อน ทำงานหนักแบบนี้ไม่ดีเลยนะคะ” อนงค์บอกสามีอย่างเอาใจ ภคินทอดถอนหายใจหนักหน่วงด้วยความอ่อนล้ากายใจ “ถ้าผมไม่ดูแลก็ไม่มีใครดูแล เจ้าวินไม่กลับบ้านหรือไง” ภคินเอ่ยถามถึงลูกชายคนเล็กด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย และรู้สึกเหนื่อยหน่ายใจในตัวของภรรยาที่อยู่ร่วมกันมาหลายปี หากไม่เพราะกวิน บุตรชายคนเล็ก เขาคงจัดการอะไรได้มากกว่านี้ เขาไม่อยากให้ลูกชายเสียใจ ถึงได้โดนสวมเขาเป็นไอ้งั่งอยู่ถึงตอนนี้ แต่ทุกอย่างก็จะจบลงแล้ว มันคงเป็นบาปเวรของเขาที่เคยทำเอาไว้ ภคินนึกอย่างสะท้อนใจ หลังจากหย่าขาดจากสุวดีเขาก็รู้สึกผิดและเสียใจเรื่อยมา แต่เพราะต้องรับผิดชอบอนงค์และลูกอีกคนที่ให้กำเนิดมาหลังจากนั้น โดยไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าการรับผิดชอบในตัวภรรยาและลูกใหม่ จะบังเกิดความเสียใจรุนแรงกับเขาเช่นนี้ “เอ่อ... ตาวินออกไปกับเพื่อนค่ะ คงยุ่งเรื่องเรียน” อนงค์ตอบไม่เต็มเสียงหลบสายตาสามี “ถ้าตาวินกลับมา ให้มาพบผมด้วย ผมไม่ได้คุยกับแกนานมากแล้ว” ภคินเอ่ยเสียงเรียบๆ แต่แฝงความหนักใจและกลัดกลุ้มเอาไว้ชัดเจน “ทานเถอะค่ะคุณคิน” อนงค์เอ่ยอย่างเอาใจเช่นเคย นึกเบื่อหน่ายที่ต้องเอาใจสามีแก่ไร้น้ำยาเช่นภคิน “คุณวางไว้เถอะ เดี๋ยวผมทานเอง คุณมีอะไรก็ไปทำเถอะ” อนงค์คิดว่านั่นเป็นการไล่ทางอ้อม นางจึงเอ่ยขอตัวเบาๆ ดีใจที่ไม่ต้องมาทนปั้นหน้าอยู่กับสามีต่อ คิดว่าอีกฝ่ายคงจะกินอาหารในอีกไม่กี่นาที “ฉันขอตัวก่อนนะคะ” อนงค์ขอตัวเลี่ยงออกจากห้องทำงานของสามีทันทีโดยไม่ให้เสียเวลา ภคินมองอาหารบนโต๊ะสลับกับมองประตูห้องที่ปิดสนิทด้วยฝีมือของภรรยา เขาหยิบรูปอดีตภรรยาที่อยู่ในลิ้นชักออกมาถือเอาไว้ “ผมขอโทษนะคุณสุ นี่คงเป็นเวรกรรมที่ผมก่อเอาไว้ ตอนนี้ ผมถึงได้ตกอยู่ในสภาพนี้” ใบหน้าหมองเศร้าของภคินเหือดแห้งเหมือนทะเลทรายที่แล้งน้ำ ก่อนจะสะดุ้งจากเสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นทำให้ต้องเดินไปกดรับอย่างเหนื่อยใจ “ว่าไงธนา” คำพูดของธนาทำให้ภคินถึงกับแทบล้มทั้งยืน นี่เขาทนเลี้ยงลูกกาฝากมาจนเติบโตเป็นหนุ่มขนาดนี้เชียวหรือ ตอนแรกก็แค่สงสัย แต่ตอนนี้มันคือเรื่องจริงทั้งหมด “คุณคินฟังผมอยู่หรือเปล่าครับ” ธนาเอ่ยถามมาด้วยความเป็นห่วง “ฟะ... ฟังอยู่ รีบมาที่บ้านผมด่วน ผมจะแก้ไขพินัยกรรมอีกครั้ง คุณจอดรถไว้หน้าบ้านนะ อย่าให้ใครเห็น” คำพูดของภคินทำให้ธนารีบรับคำเดินทางไปที่บ้านสุรสิทธิ์โดยด่วน โดยนายสนเป็นคนเปิดประตูให้อย่างเงียบกริบ จัดการตามคำสั่งของภคินไม่ตกหล่น “ทุกอย่างเรียบร้อยแล้วครับคุณคิน” ธนาส่งเอกสารในมือให้ภคินดูอีกครั้งหลังจากตรวจความเรียบร้อยทุกอย่างเสร็จสิ้น “ดีมาก ขอบใจคุณธนามากที่เป็นธุระจัดการให้ แค่นี้ผมก็เบาใจ” ภคินมีน้ำเสียงดีขึ้นเมื่อได้จัดการในสิ่งที่เขายังดำเนินการไม่สำเร็จลุล่วงให้เสร็จสิ้นลงในที่สุด
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม