ตอนที่ 3

939 คำ
ตาคมวาววับเมื่อเอะใจว่าเธออาจเป็นนักต้มตุ๋นรูดทรัพย์ แต่อีกใจกลับคัดค้าน นักต้มตุ๋นอะไรกันถึงได้ถูกเขาน็อกด้วยบทรักจนสลบคาอก หากเธอเป็นนักต้มตุ๋นรูดทรัพย์จริง เธอคงเป็นนักต้มตุ๋นที่อ่อนหัดมาก และเป็นนักต้มตุ๋นที่ลงทุนสูงทีเดียว เพราะกล้าเอาความสาวมาแลกกับการรูดทรัพย์ที่ไม่รู้ว่าจะคุ้มค่าไหม แต่เพื่อความมั่นใจ ศิรภพจึงรีบเดินกลับเข้าไปในห้องนอนเพื่อตรวจสอบว่า ทรัพย์สินมีค่าของเขายังอยู่ครบไหม ปรากฏว่ามันอยู่ครบ ที่หายไปมีเพียงเสื้อเชิ้ตสีขาวเท่านั้น ชายหนุ่มขมวดคิ้วครุ่นคิด พลางกวาดสายตามองไปทั่วห้องอีกครั้ง พลันสายตาก็ไปสะดุดอยู่ที่โต๊ะข้างหัวเตียง พอเดินเข้าไปใกล้ เขาจึงพบว่าเป็นเงินแบงก์ร้อย แบงก์ยี่สิบ และเหรียญบาทจำนวนหนึ่ง ศิรภพหยิบมันขึ้นมานับ “สี่ร้อยห้าสิบบาท” นี่ไม่ใช่เงินของเขาแน่นอน เขาไม่เคยพกแบงก์ร้อยและเหรียญบาท เขาใช้บัตรเครดิตและพกแบงก์พันไม่กี่ใบเผื่อไว้ยามฉุกเฉิน ร่างสูงนั่งลงริมเตียง เขามองเงินสี่ร้อยห้าสิบบาทในมือ เงินจำนวนนี้ต้องเป็นของแม่สาวเวอร์จิ้นแน่นอน แต่เธอวางไว้เพื่ออะไร แล้วเธอเอาเสื้อเชิ้ตเขาไปทำไม ถ้าเธอประสงค์ต่อทรัพย์สินของเขา เธอต้องเอาอย่างอื่นไปด้วยสิ หรือหากเธอจะคิดว่าเรื่องเมื่อคืนเป็นแค่วันไนท์สแตนด์ อย่างน้อยเธอก็ควรอยู่พูดคุยร่ำลากันก่อน ไม่ใช่หนีหน้าเขาไปแบบนี้ เขาอุตส่าห์ว่าจะให้รางวัลความน่ารักของเธอด้วยการสอนบทรักให้อีกสักบท ความตั้งใจของเขาเลยกลายเป็นหมัน ยิ่งคิดก็ยิ่งหงุดหงิด หงุดหงิดเพราะเขายังไม่ได้ถามชื่อเธอด้วยซ้ำ เมื่อคืนเธอเมามาก พอมาถึงโรงแรม เขาต้องประคองเธอเข้าห้อง แล้วหลังจากนั้นเขาก็ไม่มีเวลาถามชื่อเสียงเรียงนามของเธอเลย เพราะมัวแต่หลงใหลกับความหวานยั่วใจของเรือนกายเย้ายวน ศิรภพสูดลมหายใจลึก เขาหันไปมองเตียงยับย่นเพราะผ่านศึกรักหนักหน่วงมาทั้งคืน ชายหนุ่มยื่นมือไปแตะลงบนฝั่งที่เธอนอน ความอุ่นจากกายสาวยังทิ้งร่องรอยไว้ให้เขารู้สึกได้ มันทำให้เขาโหยหา อยากกอด อยากจูบ อยากหอมแก้มเธออีกสักครั้ง อย่างน้อยหากได้รู้ชื่อของเธอก็คงดีกว่าปล่อยให้เธอหายไปแบบไร้ร่องรอยอย่างนี้ นี่ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นที่เขาเคยซื้อกิน เขาจะออกจากห้องไปก่อนพวกหล่อน และก่อนออกไป เขาจะวางเงินค่าตัวไว้ให้ที่โต๊ะข้างหัวเตียง แต่ผู้หญิงคนนี้กลับหนีเขาไปก่อน เธอทิ้งไว้เพียงเงินสี่ร้อยห้าสิบบาทให้เขาดูต่างหน้า ศิรภพถอนหายใจเฮือกใหญ่ พลันความคิดหนึ่งก็แล่นเข้ามาในหัว ตาคมหรี่แคบ รอยยิ้มเยาะผุดพรายขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลา เขาหัวเราะในลำคอ ก้มมองเงินในมืออีกครั้ง “เงินค่าตัว” ประธานบริษัทจัดการการลงทุนยักษ์ใหญ่ของประเทศวัยสามสิบสองปีถึงกับสะอึก เมื่อคิดว่าเงินสี่ร้อยห้าสิบบาทที่เธอวางไว้ที่โต๊ะหัวเตียงน่าจะเป็นเงินค่าตัวของเขาเอง 1 แซ่บกว่าส้มตำ แต่แสบกว่าหัวเข่าถลอก “นังจา !” จารวีต้องเอาโทรศัพท์ออกห่างจากหู และยืดแขนที่ถือโทรศัพท์ออกไปจนสุด เพราะเสียงโหยหวนของเพื่อนที่ดังขึ้นทันทีเมื่อเธอรับสาย แถมเสียงที่ได้ยินก็ไม่ได้มีเพียงเสียงเดียว แต่เป็นเสียงของกลุ่มเพื่อนทั้งสามที่แย่งกันพูด แย่งกันถาม จนเธอไม่รู้ว่าจะตอบคำถามใครก่อนดี “เงียบ ๆ หน่อยพวกแก ฉันจะสัมภาษณ์มันเอง” เสียงของดอกสร้อยดังชัดแจ๋วเต็มสองหูของคนปลายสาย เพราะโทรศัพท์ที่ใช้โทรหาจารวีคือเครื่องของเธอ จารวีลุกขึ้นนั่งบนเตียงที่เธอเพิ่งเอนหลังนอนไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงด้วยซ้ำ แม้จะอ่อนเพลียและปวดเมื่อยไปทั้งตัว แต่เธอก็ต้องลุกขึ้นนั่ง ตั้งสติ เพื่อจะตอบคำถามที่รัวมาเป็นชุดของเพื่อน “จา...แกต้องเล่าทุกอย่างให้พวกเราฟัง เล่ามาเดี๋ยวนี้ เล่ามาเลย” ชิดชนกไม่ยอมเงียบอย่างที่ดอกสร้อยบอก เธอเป็นสาวอารมณ์ดี เธอถือคติว่าสวยมักนก ตลกมักได้ พอรู้ว่าเมื่อคืนเพื่อนไปทำอะไรมาก็อยากรู้อยากเห็น อยากฟังประสบการณ์ครั้งแรกของเพื่อน “โอ๊ย ! นังช้อย ! อย่าแย่งฉันพูดสิ” “อิดอก...สร้อย ช้อยน่ะชื่อยายฉันย่ะ ถ้าจะเรียกชื่อเล่นของฉัน กรุณาเรียกว่าชิด ไม่ใช่ช้อย” จริง ๆ ก็บอกไปไม่รู้กี่ครั้งกี่หนแล้ว แต่ดอกสร้อยก็ไม่นำพา ชอบเอาชื่อยายของเธอมาเรียกเธอประจำ “พอ ๆ มัวแต่เถียงกันอยู่ได้ วันนี้จะรู้เรื่องอะไรไหม เอาโทรศัพท์มานี่ ฉันจะคุยกับจาเอง” ทอฝัน...กรรมการผู้ผดุงความยุติธรรมของกลุ่มเพื่อน และเป็นคนที่ปกติที่สุดแล้วในกลุ่ม แย่งเอาโทรศัพท์จากมือดอกสร้อยไปถือไว้ เธอกรอกเสียงตามสายถามไถ่เพื่อนที่เพิ่งไปเปิดประสบการณ์ใหม่มาเมื่อคืน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม