เมื่อกลับถึงบ้านถึงแม้ว่าฉันยังคงมีอาการมึนหัวอยู่บ้างแต่ฉันก็สามารถเก็บมันเอาไว้ได้อย่างมิดชิด ฉันยังไม่ทันได้เปลี่ยนเสื้อผ้าก็คิดจะไปหาคุณบุหงาก่อนเป็นอันดับแรก
แต่เกิดเรื่องแปลกกับฉันเมื่อเจ้านายดึงมือของฉันเอาไว้แล้วบอกให้ฉันไปเปลี่ยนเสื้อผ้าและยังส่งยาให้ฉันอีกด้วย
"นี่ยาแก้เมาค้าง กินซะเวลาไปดูแลแม่ฉันจะได้ไม่ทำเรื่อง อีกอย่างแม่คงไม่ชอบให้เธอแต่งตัวล่อไอ้เข้แบบนี้หรอก"
เจ้านายมองฉันตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยสายตาไม่พอใจและยังดูคุกคามไม่น้อย ฉันเห็นสายตาของเขาแบบนี้เมื่อเดินออกจากลิฟต์และมีผู้ชายที่เป็นแขกของโรงแรมหลายคนจับจ้องมาที่ฉัน ในขณะที่ฉันเองรู้สึกประหม่า นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนมองฉันด้วยความสนใจแบบนี้
ความรู้สึกแปลก ๆ ทั้งเขินอายและชื่นชอบที่มีคนมอง มันเป็นแบบนี้เองสินะ แต่ในตอนนั้นเมื่อฉันหันไปสบตากับเจ้านายก็รู้สึกเหมือนว่าเขาไม่พอใจเป็นอย่างมาก
"ฉันชอบเลขาคนเดิมของฉัน อย่าแต่งตัวแบบนี้ให้เห็นอีก"
เขาพูดกับฉันเสียงห้วนแล้วเดินขึ้นไปชั้นบนในขณะที่ฉันหันหลังเดินไปที่ตึกเล็กสำหรับคนรับใช้ ที่ทั้งตึกตอนนี้กลายเป็นบ้านของฉันกับแม่เพียงสองคน
ฉันยิ้มเมื่อนึกถึงคำพูดเอาแต่ใจและไร้เหตุผลของเจ้านาย เขากับฉันแค่นอนด้วยกันเพียงคืนเดียวเขาไม่มีสิทธิ์ในตัวฉัน
ยังไงคนที่มีอำนาจสิทธิ์ขาดก็คือคุณนายบุหงา ฉันจะแต่งยังไงก็เป็นเรื่องของฉันขอเพียงคุณนายบุหงาอนุญาตและการที่คุณนายยอมให้ฉันไปเที่ยวและมีแฟนก็เท่ากับว่าท่านเห็นว่าฉันโตแล้วมีสิทธิ์ในร่างกายของตัวเองอย่างเต็มที่
ฉันดื้อรั้นกับเจ้านายคิดว่ายังไงก็ไม่ตอบรับหรอก เรื่องแต่งตัวมันเป็นสิทธิ์ของฉันไม่ใช่เหรอ ในบริษัทใคร ๆ ก็แต่งตัวสวย ๆ กันทั้งนั้น
ที่ผ่านมาฉันยอมอยู่ในคราบแม่ชีเพราะไม่อยากเป็นเมียน้อยเจ้าสัว แต่ตอนนี้ฉันโตแล้วและมีคุณนายปกป้อง อีกอย่างเจ้าสัวก็ไม่คิดแบบนั้นกับฉันนอกจากความเอ็นดูแบบเด็กในบ้านคนหนึ่ง ฉันคิดว่าถึงเวลาที่ฉันจะเฉิดฉายบ้างแล้ว
เจ้านายย่อมรู้ว่าฉันน่ะดื้อแค่ไหน ถ้าเรื่องที่ไม่ถูกต้อง ไม่ว่าจะเรื่องงานหรือเรื่องอะไร ต่อให้เขาเป็นเจ้านายเขาก็เถียงฉันไม่ชนะสักครั้ง
เราสองคนจึงปะทะฝีปากและถกกันเรื่องงานบ่อย ๆ สำหรับฉันแล้วโชคดีที่เจ้านายค่อนข้างใจกว้าง ที่ผ่านมาเขาให้โอกาสฉันได้แสดงความคิดเห็นเต็มที่ ถ้าเขาไตร่ตรองแล้วว่าถูกต้องเขาก็ไม่ดื้อแพ่งกับฉัน
มีแต่คนบอกว่าในบริษัทนี้คงมีเพียงฉันที่เอาเจ้านายอยู่ แม้แต่ผู้อำนวยการยังต้องพึ่งพาฉันหากต้องการงัดข้อกับเจ้านายเรื่องงาน ฉันจึงเป็นผู้ทรงอิทธิพลไม่น้อยในหมู่พนักงาน
ฉันเข้ามาในตึกเล็กรีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนจะแวะไปหาแม่ที่ห้อง แม่ของฉันวันนี้หน้าตาสดชื่นและดูแข็งแรงมาก แม่กำลังจัดแจกันในมือมีกรรไกรตัดแต่งกิ่ง ยังค่อย ๆ วางดอกไม้ในแจกันทีละดอก
"อ้าวไหนบอกไปต่างจังหวัดสองสามวัน ทำไมกลับมาเร็วละ"
ฉันเข้าไปกอดแม่เบา ๆ แล้วหอมแก้มของท่าน ฉันเอียงคอแล้วทำหน้าเบื่อ ๆ
"ไม่มีอะไรสนุกค่ะ กลับมาอยู่กับแม่ดีกว่าคุณท่านเรียกหาด้วย"
"ถ้าคุณท่านเรียกก็รีบไป อย่าให้ท่านรอนาน"
ฉันพยักหน้า แม่ของฉันป่วยเป็นโรคแพ้ภูมิตัวเองหรือโรคพุ่มพวง ค่ายาแพงมากแต่ทว่าคุณนายบุหงาดูแลเรื่องนี้ให้เป็นอย่างดี
ฉันเองจึงติดหนี้บุญคุณของคุณนาย ไม่ว่ายังไงชาตินี้ก็ใช้หนี้ท่านไม่หมด หากไม่ได้คุณนายด้วยฐานะอย่างฉันและแม่ในตอนนั้นที่ฉันยังเรียนอยู่ก็คงไม่มีปัญญารักษาตัวแน่ ๆ
ชีวิตของฉันจึงมอบให้คุณนายบุหงาไปแล้ว โชคดีที่ท่านเป็นคนใจดีมีเมตตาไม่เคยบังคับอะไรฉันสักอย่าง มีแต่ส่งเสริมให้ฉันร่ำเรียนและให้ฉันได้เข้าทำงานในตำแหน่งเลขาคนสำคัญของลูกชายท่านอย่างใจกว้าง
ฉันออกจากห้องของแม่แล้วรีบตรงไปที่ห้องของคุณนายบุหงาทันที เพียงเปิดประตูเข้าไปก็ได้รับรอยยิ้มสว่างไสวที่ส่งมาที่ฉัน
"เอพริลมาเร็ว มาเลือกเสื้อผ้าฉันให้คนเตรียมไว้ให้แล้ว"
ฉันเดินยิ้มเข้าไปแล้วนั่งลงตรงพื้นข้างเก้าอี้ของคุณนายบุหงา
"เสื้อผ้าอะไรคะ ด่วนขนาดนี้เลยเหรอคะคุณท่าน ต้องเรียกหนูมาลอง"
คุณนายบุหงาพยักหน้า
"ก็เห็นว่าเดตไม่เป็นแบบที่คิด ฉันเลยคิดว่าให้เธอกลับมาเลยดีกว่า ไหนลองเลือกไปสักชุดแล้วสวมให้ดูหน่อยสิจ้ะ"
ฉันมองเสื้อผ้าสีสันแปลกตาพวกนั้นแล้วขยับแว่น พลางคิดว่าคุณนายคิดจะทำอะไรกันแน่นะ
"ทำไมล่ะ เลือกสิไม่ชอบเหรอจ้ะ"
ฉันส่ายหน้าแล้วยิ้ม
"แค่งงค่ะ ว่าจู่ ๆ คุณท่านถึงซื้อเสื้อผ้ามาให้หนู ที่มีอยู่ก็เยอะมากอยู่แล้วค่ะ"
คุณท่านหัวเราะอย่างอ่อนโยน
"เป็นของอาทิตย์เขาน่ะที่ซื้อมา หลานชายคนดีของฉันที่พ่อแม่เสีย ที่ฉันส่งเขาไปเรียนต่อที่ต่างประเทศจำได้หรือเปล่า เคยเล่นกับเธอตอนเด็ก ๆ เขากลับมาแล้วคิดถึงเธอเลยซื้อเสื้อผ้ามาฝากเยอะแยะเลย"
น้ำเสียงของคุณนายมีแววสนุกสนานรอยยิ้มร่าเริงแรากฎในใบหน้า ขณะที่ฉันเลือกชุดสองสามชุดและเห็นยี่ห้อเสื้อผ้าแล้วถึงกับตกใจ
"ของแพง ๆ ทั้งนั้นนี่คะ หนูเกรงใจค่ะ"
คุณนายส่ายหน้ายิ้มๆ
"ระหว่างเรียนหนังสืออาทิตย์เขาทำงานไปด้วย ขากลับเลยซื้อของมาฝากยังไงล่ะ ไปลองเถอะ ฉันให้อาทิตย์ไปพักแล้ว เดี๋ยวช่วงเย็นคงได้เจอกันที่โต๊ะกินข้าว วันนี้ฉันให้เธอมาร่วมโต๊ะกับฉันเป็นพิเศษนะ เลือกที่เขาซื้อมาให้สักชุดแล้วใส่มากินข้าวเย็นนี้ คิดว่าจะจัดงานเลี้ยงเล็ก ๆ ต้อนรับเขา"
ฉันพยักหน้าและเข้าใจได้ทันทีว่าคุณนายบุหงาคิดอะไร เธอคิดจะจับคู่ให้ฉันกับหลานชายของเธอที่เธออุปการะมาตั้งแต่เด็ก ฉันเองแม้จะไม่เห็นหน้าคุณอาทิตย์มานาน แต่ตอนเด็กเขาเป็นเด็กหน้าตาดีและเขาก็เหมือนจะชอบฉัน โตขึ้นมาก็คงจะหน้าตาดีไม่น้อย
ถ้าคุณนายเกิดจับคู่ให้จริง ๆ ฉันจะทำยังไงดีนะ ถ้าฉันไม่ชอบเขา
ฉันเม้มปากคิด แต่แล้วก็ส่ายหน้าเมื่อตัวเองเริ่มคิดฟุ้งซ่าน ฉันเลือกชุดที่ชอบที่สุดชุดหนึ่ง เป็นเดรสสีขาวน่ารักลายเชอร์รี่ที่ดูเรียบร้อย
"ชุดนี้ค่ะ ไม่ดูเป็นทางการเกินไปดูสบาย ๆ และยังสุภาพ"
คุณนายบุหงาจับชุดในมือของฉันแล้วยิ้ม
"รสนิยมดีจริงเลย เห็นเธอแบนนี้ก็รู้สึกผิดที่ให้เธออยู่ในคราบของสาวแก่มานาน แต่ตอนนี้อาทิตย์กลับมาแล้วเธอมีคนปกป้องจากเจ้าสัวแล้วนอกจากฉัน อย่างน้อยอาทิตย์ก็เป็นหลานของฉันเขาคงไม่กล้าทำร้ายอาทิตย์หรอก เอพริลฉันขอโทษนะต่อไปเธอเป็นตัวของตัวเองเถอะนะ"
ฉันยิ้มอบอุ่น
"ไม่ต้องขอโทษค่ะ ที่คุณท่านทำทุกอย่างเพราะหวังดี หนูซาบซึ้งใจมากค่ะ พระคุณมากมายไม่รู้จะตอบแทนยังไงหมด"
คุณนายบุหงาหัวเราะ
"อย่าคิดมากเลย ในบ้านนี้ฉันไม่ได้เลี้ยงเธอคนเดียวสักหน่อย ทุกคนก็ต้องทำงานตอบแทนไม่ใช่เหรอ"
ฉันรู้ดีว่าเงินที่คุณนายจ่ายให้ฉันและแม่เป็นแค่เศษเงินของคุณนายเท่านั้น แต่สำหรับคนจน ๆ ไร้ที่พึ่งอย่างเราสองแม่ลูกความกรุณานี้ยังไงก็ตอบแทนไม่หมดในชาตินี้
"เอาไว้ฉันจะให้เงินไปซื้อเสื้อผ้าทำงานชุดใหม่ เสื้อผ้าพวกนั้นไม่ต้องใส่แล้ว"
คุณนายพูดปลง ๆ เพราะตอนนี้เจ้าสัวไปอยู่ที่บ้านเมียน้อยเรียบร้อยไม่มีเวลามาจ้องเด็กในบ้านของตัวเองอีกต่อไป
"ไม่ต้องค่ะ หนูมีเงินเก็บอีกอย่างชุดพวกนั้นหนูก็ชอบค่ะ ไม่ต้องซื้อใหม่หรอกค่ะ"
คุณนายส่ายหน้า
"มันจะไปพออะไร ถือว่าฉันให้เป็นของขวัญชุดพวกนั้นก็เป็นฉันที่จัดการให้เธอ เอพริลตอนนี้ฉันรู้สึกผิดมากอายุเท่าเธอควรจะมีแฟนดี ๆ สักคน แต่จนป่านนี้เธอยังไม่มีใครเลยฉันแค่อยากชดเชยที่ทำให้เธอเสียเวลา ฉันเองก็แก่ลงทุกวันเลี้ยงหนูมาเหมือนลูกสาว ถ้าตายแล้วยังไม่เห็นหนูเป็นฝั่งเป็นฝาฉันคงตายตาไม่หลับ"
"คุณท่านยังแข็งแรงค่ะ อีกอย่างที่ผ่านมาหนูไม่ได้รู้สึกลำบากใจเลยค่ะ คุณท่านอย่าคิดมากสิคะ"
ฉันจับมือของคุณนายบุหงาเอาไว้ แม่คนที่สองของฉันถึงท่านจะเข้มงวดกับการเรียนของฉัน แต่ฉันไม่เคยรู้สึกกดดันเลยสักนิด
"เพราะหนูเป็นเด็กดี ฉันชอบหนูจริง ๆ"
คุณนายบุหงาลูบผมของฉันและมองด้วยสายตาเหมือนคนรู้สึกผิด เพราะแบบนี้ฉันถึงไม่สามารถปฏิเสธของฝากพวกนี้ได้อีก อีกอย่างคนซื้อก็อุตส่าห์ซื้อมาให้หากฉันไม่รับก็ดูจะทำลายน้ำใจคนอื่น
ฉันเดินออกมาจากห้องของคุณนายพร้อมด้วยถุงเสื้อผ้าในมือหลายถุง และเจอเจ้านายกำลังยืนกอดอกอยู่หน้าประตูทันทีที่เปิดประตูออกมา
เขามองถุงกระดาษในมือของฉันที่แสดงถึงยี่ห้อของเสื้อผ้าอันแพงลิบลิ่วแล้วคล้ายจะยิ้มบาง ๆ เขาเดินเข้ามาใกล้ฉันร่างสูงใหญ่ของเขาตระหง่านอยู่ตรงหน้า จนฉันต้องแหงนหน้ามอง
"เจ้านายมีอะไรหรือเปล่าคะ"
เขาทำท่าฟุดฟิดแล้วพูดเสียงเย็น
"ฉีดน้ำหอมด้วยเหรอ แล้วทำไมไม่รวบผมแล้วละ หรือว่าแฟนกลับมาแล้วเลยคิดจะสวยเป็นพิเศษเพื่อเขา"
ฉันขมวดคิ้ว ฉันไม่ได้ฉีดน้ำหอมที่ติดตัวฉันอยู่คงเป็นกลิ่นน้ำหอมจากเสื้อสูทของเขาแน่ ๆ ด้วยนิสัยที่ต้องคอยตอบคำถามในฐานะเลขา ฉันจึงต้องอธิบายยาวเหยียด
"ไม่ได้ฉีดค่ะ เป็นกลิ่นน้ำหอมของเจ้านายที่ติดจากเสื้อสูทมาค่ะ มันหอมทนนานและเมื่อมาผสมกับกลิ่นของฉันแล้วมันถึงเพี้ยนจนเจ้านายจำไม่ได้ เจ้านายก็รู้ว่าฉันไม่ชอบใช้น้ำหอมและคิดว่ามันเปลืองที่ต้องเสียเงินซื้อ ส่วนเรื่องผมเพราะรีบมาหาคุณท่านเลยไม่ได้รวบค่ะ อีกอย่างคุณอาทิตย์ไม่ใช่แฟนของฉันในตอนนี้ แต่อนาคตนั้นไม่แน่ค่ะ"
"เธอนี่มั่นใจในตัวเองจริงนะ ไม่เคยรู้มาก่อนเลย"
ฉันยิ้ม
"เจ้านายไม่สังเกตฉันต่างหากคะ นอกจากเรื่องงานแล้วฉันเหมือนจะไร้ตัวตนในสายตาของเจ้านาย"
"ไม่ใช่ว่าขึ้นเตียงของฉันได้แล้วจะแสดงความกล้าหาญได้มากขึ้น"
เขาก้มลงมาแล้วตำหนิฉันเสียงเบา ในขณะเดียวกันเขากำลังทำท่าดมร่างกายฉัน และฉันบังเอิญเห็นสายตาที่แสดงท่าทางว่าพอใจไม่น้อย
ฉันเป็นเลขาของเขาย่อมจับปฏิกิริยาของเจ้านายได้เป็นอย่างดี เพราะแบบนี้จึงได้ขึ้นชื่อว่าเป็นเลขาที่เพอร์เฟคที่สุดของเขาเลยทีเดียว
ฉันยิ้มหวานให้เขา
"เจ้านายมีอะไรอีกหรือเปล่าคะ"
เจ้านายพยักหน้า
"ตามฉันมาที่ห้อง"