บทที่ 1 อย่าหาว่าฉันเชย
ฉันกำลังยืนอยู่หน้าผับแห่งหนึ่งเพื่อต่อคิวตรวจบัตรประชาชนด้วยหัวใจที่เต้นแรง เพราะอะไรน่ะเหรอนั่นก็เพราะว่านี่เป็นการเที่ยวผับครั้งที่สองในชีวิตของฉันก็ว่าได้
ครั้งแรกก็คือตอนจบปริญญาโทที่ถูกพี่ ๆ ที่จบด้วยกันลากมาเพราะไม่อาจปฏิเสธ และครั้งนั้นฉันกินเหล้าไปไม่กี่แก้วก็หัวทิ่มเดือดร้อนเพื่อน ๆ ต้องหามไปส่งฉันถึงบ้าน
เมื่อถึงคิวของฉัน ฉันก็ส่งบัตรประชาชนให้ผู้ชายตัวโตท่าทางดุที่ยืนเฝ้าอยู่ด้านหน้า เขาตรวจบัตรฉันอย่างละเอียดก่อนจะพูดขึ้นด้วยเสียงดุ ๆ
"ขอโทษครับเข้าไม่ได้"
ฉันขมวดคิ้วและคิดว่าตัวเองไม่ได้ยินที่เขาพูดชัดนักเพราะเสียงเพลงที่ดังออกมาจากด้านใน ฉันขยับแว่นหนา ๆ ของฉันแล้วเขย่งเท้าเพื่อถามเขาเสียงดัง
"คุณว่าอะไรนะคะ"
"คือคุณเข้าไม่ได้ครับแต่งตัวไม่ถูกกาลเทศะ"
ฉันมึนงงเป็นอย่างมาก ฉันมองเขาแล้วชี้ที่ตัวเอง
"คุณหมายความว่ายังไงคะ"
"ดูคุณสิ แต่งตัวมาแบบนี้ได้ยังไง เหมือนป้าชะมัด นี่มันไม่ใช่ออฟฟิศนะคุณ นี่มันสถานที่เที่ยวไม่ใช่ตลาดนัดที่ป้าจะมาจ่ายตลาด"
พูดจบเขาก็มองสภาพการแต่งตัวเต็มยศ ด้วยชุดสูทสีดำกระโปรงยาวเกือบจะคลุมน่องและยังมีแว่นหนาเตอะที่ฉันใส่มาอีก ใช่ผมของฉันก็รวบตึงตามแบบฉบับเลขาที่สุภาพเรียบร้อย ยังมีรองเท้าส้นหนาสีดำสุภาพของฉันอีก
คู่นี้เป็นแบรนด์ดังราคาเป็นหมื่นนะยะ คุณนายใหญ่อุตส่าห์ซื้อให้ฉันเป็นของขวัญที่เรียนจบ คนพวกนี้ไม่มีตาเอาซะเลย ฉันโกรธจนตัวสั่น ตั้งแต่เกิดมาคำชมเป็นสิ่งที่ฉันได้รับเสมอ ความต้านทานต่อคำด่าและถ้อยคำกดขี่ดูถูกแบบนี้จึงทำให้ฉันรับไม่ได้
"แล้วยังไง ฉันจะใส่อะไรก็เรื่องของฉัน นายเป็นใครมีสิทธิ์มาทำแบบนี้กับฉัน แบบนี้มันดูถูกกันชัด ๆ ฉันเห็นสายตาของนายนะที่มองแบบดูถูกตั้งแต่หัวจรดเท้า นายกล้าดียังไงมาใช้สายตานี้กับฉัน"
"แกพายัยป้านี่ออกไป อย่าให้มายืนเกะกะแถวนี้เสียเวลาชะมัด"
ฉันยังพูดไม่จบก็ถูกผู้ชายอีกคนลากให้ออกมายืนข้าง ๆ เหมือนฉันเป็นตัวเกะกะไม่ใช่แขกคนหนึ่ง ทั้งยังทำหน้าเหยียด ๆ ฉันอีกด้วย แน่นอนว่าถึงฉันจะเป็นคนไม่ค่อยชอบพูดแต่ก็ไม่เคยให้ใครมาเอาเปรียบได้ง่าย ๆ ฉันยกมือเท้าสะเอวแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพลางกดเข้าไปในเฟสบุคทำการไลฟ์สดทันที
แน่นอนว่าไม่มีใครสักคนที่เข้ามาดู แต่ฉันก็แอ๊บไปแบบนั้นแหละ
"คุณหมายความว่ายังไงที่ไม่ให้ฉันเข้า"
ท่าทางของผู้ชายคนนี้สุภาพลงทันทีที่ฉันยกโทรศัพท์ขึ้นมา เพราะฉันเองก็ท่าทางเอาเรื่องอยู่ไม่น้อย
"คือคุณแต่งตัวมาไม่ให้เกียรติสถานที่เลยนะครับ คุณดูคนอื่นสิ"
ฉันยังมึนอยู่แต่ก็ยังกวาดสายตามองไปรอบ ๆ เอาล่ะฉันเห็นแล้วว่าคนอื่นแต่งตัวยังไง ใส่สายเดี่ยวเอวลอยแต่งหน้าจัดบางคนมีแค่ผ้าเช็ดหน้าคาดอก และยังนุ่งสั้นวับ ๆ แวม ๆ อวดขาที่เรียวบ้างไม่เรียวบ้างแบบนั้นเหรอ ฉันตวาดเสียงดังกลับโดยไม่กลัวใครหน้าไหน จนคนที่ต่อแถวตรวจบัตรถึงกับหันมามองที่ฉันเป็นตาเดียว
โดดเด่นแบบนี้ฉันรู้สึกเป็นเกียรติเหมือนตอนขึ้นเวทีคนแรกเพื่อรับใบประกาศนียบัตรในฐานะนักศึกษาที่จบด้วยคะแนนเกียรตินิยมอันดับหนึ่งจริง ๆ เพราะมีคนดูฉันยิ่งมั่นใจในตัวเองและตั้งใจที่จะทวงสิทธิ์ของฉันอย่างเต็มที่
"แล้วไง คุณมีปัญหาอะไรไม่ทราบ"
"ก็อย่างน้อยควรแต่งแบบนั้นนะครับ ที่นี่ค่อนข้างสแกนคนเข้าครับ ต้องแต่งตัวดีและหน้าตาดีหน่อยครับถึงจะให้เข้าได้"
ฉันสบถคำหยาบออกมาคำหนึ่ง แล้วก็ต้องรีบขอโทษขอโพยให้พระอภัยให้ฉันในใจ ฉันตวาดเสียงดังและพูดดังขึ้นอีก
"สแกนคนเข้าเหรอ นายว่าฉันไม่สวยพอที่จะเข้าไปเที่ยวที่นี่เหรอยะ ไม่ทราบว่ามีกฎข้อไหนที่ระบุไว้ไม่ทราบ ว่าฉันต้องแต่งตัวยังไงถึงจะเข้าผับนี้ได้ เอาล่ะฉันเห็นทีว่าฉันต้องบันทึกเอาไว้และฟ้องพวกนายที่ทำให้เสียความรู้สึก และถือว่าเป็นการดูหมิ่นเหยียดหยามศักดิ์ศรีของฉันซึ่งเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง อย่าหาว่าฉันบูลลี่นายเลย ในเมื่อพวกนายมาบูลลี่ฉันก่อน นายเคยส่องกระจกดูตัวเองบ้างหรือเปล่ายิ่งคุณคนนั้นยิ่งหน้าตายังกะปลาบู่ชนเขื่อน หน็อยกล้ามาว่าฉันไม่สวยเหรอ พวกนายนี่มันหาเรื่องตายชัด ๆ"
ถึงฉันจะเป็นลูกแม่บ้านไม่รู้ว่าพ่อเป็นใคร แต่แม่ของฉันเป็นคนเหนือผิวขาวและสวย ส่วนไอ้คนที่มันพ่นน้ำอสุจิและจากไปคนนั้นหน้าตามันคงดีมาก เพราะฉันเป็นคนสวยคนหนึ่งเชียวล่ะ เพียงแต่ฉันไม่สามารถแสดงความสวยออกให้เป็นอันตรายต่อตัวเองได้
ถึงคนอื่นจะมองยังไงตัวฉันก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไรกับเรื่องนี้ในเมื่อนอกจากความสวยแล้ว เรื่องความสามารถของฉันก็โดดเด่นไม่เป็นรองใครมาตั้งแต่เด็ก เพราะฉะนั้นคนที่บังอาจบูลลี่ฉันพวกมันก็หาเรื่องให้ตัวเองแล้ว
"เอาล่ะ ฉันตัดสินใจแล้วว่าฉันจะฟ้องผับของพวกนาย เตรียมหางานใหม่ได้เลยฉันเก็บหลักฐานไว้หมดแล้ว"
ว่าแล้วในเฟสของฉันก็มีคนเข้ามาดูแล้วสองสามคน หนึ่งในนั้นพิมพ์กลับมาอย่างรวดเร็ว ว่าให้ฉันรอที่นั่นและหลังจากนั้นก็มีสายหนึ่งโทรเข้ามา
ฉันรับสายและพนักงานคนนั้นที่ลากฉันมาไว้ข้าง ๆ ร้านเตรียมจะเผ่นหนีฉันจึงยึดแขนของเขาเอาไว้แน่น ไม่มีทางปล่อยไปเป็นอันขาด
"น้องเออยู่นั่นแหละพี่กำลังจะออกไปรับ ไอ้พวกนี้มันไม่รู้แล้วว่าใครเป็นใคร"
"ได้ค่ะ"
หลังวางสายโทรศัพท์ของฉันเกือบร่วง แต่ดีที่ใช้คางคีบเอาไว้ได้ในขณะที่สองมือตอนนี้ของฉันกำลังกอดแขนพนักงานคนนั้นไว้แน่น
"ปล่อยฉันนะยัยบ้า"
"หน็อยกล้าไม่ให้ฉันเข้าไป เพื่อนฉันออกมาพวกแกเจอดีแน่คอยดู"
พนักงานคนนั้นท่าทางหวาด ๆ อยู่ไม่น้อย ฉันยิ่งได้ใจยิ่งข่มขวัญเขาต่อ
"คอยดูว่าใครกันแน่ที่ต้องออกจากร้านนี้ในคืนนี้"
ฉันเป็นคนไม่เคยยอมใครถ้าฉันไม่ผิดฉันมักจะดื้อรั้นเสมอ เรื่องพวกนี้แม่ฉันที่เป็นแม่บ้านไม่ได้สอนแต่เป็นคุณนายใหญ่บุหงาที่เลี้ยงฉันเหมือนลูกคนหนึ่งที่คอยสั่งสอนมาตลอด ไม่เหยียบหัวใครและอ่อนน้อมถ่อมตนในขณะเดียวกันก็อย่าปล่อยให้ใครรังแกและเอาเปรียบได้ คุณนายบุหงาเกลียดที่สุดคือการโดนเอาเปรียบ
เพราะแบบนี้จึงทำให้ฉันติดนิสัยเย่อหยิ่งมาโดยไม่รู้ตัว
ในขณะที่ฉันกับเด็กคนนั้นกำลังยื้อยุดฉุดกระชากกันอยู่ ผู้ชายตัวโตสองคนก็ออกมาห้ามด้วยความเร็ว คนหนึ่งเป็นเพื่อนที่เรียนปริญญาโทกับฉันชื่อพี่แป้ง เขาเป็นลูกชายคนสุดท้องของอดีต ผบ.ตร.ที่ใคร ๆ ก็รู้จัก
ในขณะที่อีกคนหนึ่งฉันไม่รู้ว่าเขาเป็นใครแต่เกือบจะทำให้เด็กคนนั้นเข่าทรุดลงไปกับพื้น และฉันก็มารู้ทีหลังว่าผู้ชายคนนี้เป็นเจ้าของร้านนั่นเอง
ฉันยิ้มอย่างชั่วร้าย ฉันไม่เห็นใจหรอกนะในเมื่อใครทำอะไรไว้ก็ต้องชดใช้ ฉันรีบฟ้องพี่แป้งโดยไม่รอช้า
"พี่แป้งคะพวกเขาบอกเอขี้เหร่ไม่ยอมให้เข้าค่ะ ยังดูถูกเอด้วยสายตาที่แสนน่ารังเกียจ แออัดคลิปไว้หมดแล้วค่ะวันนี้ทำเอาเอช้ำใจมากจะฟ้องทั้งผู้จัดการทั้งเจ้าของร้านและพนักงานที่ดูหมิ่นให้เข็ด"
พี่แป้งเองดูตกใจไม่น้อย เขาแตะแขนฉันเบา ๆ แล้วพาเข้าไปคุยกันที่ห้องวีไอพี
"น้องแป้งแค่เข้าใจผิดกันนะครับ เห็นแก่หน้าเพื่อนพี่หน่อยจะให้มันอบรมเด็กของมันอย่างดี น้องแป้งจะเอายังไงครับให้น้องมาขอโทษดีหรือเปล่า"
ฉันนั่งหน้าเชิด คิดแค่ว่าคืนนี้จะมาหาเรื่องสนุก ๆ และตื่นเต้นทำสักหน่อยแต่ต้องมารู้สึกหน้าชาเพราะโดนคนดูถูกแบบนี้ทำให้ฉันรู้สึกไม่ดีเอามาก ๆ เลยละ ฉันจะยกโทษให้คนพวกนี้ได้จริงเหรอ
"คุณผู้หญิงครับผมต้องขอโทษจริง ๆ นะครับที่เด็กทำตัวแบบนี้"
เจ้าของผับกล่าวขอโทษฉันด้วยใจจริง ฉันเห็นหน้าซีด ๆ ของเขาแล้วก็ถอนหายใจ และแล้วโทรศัพท์ของฉันจึงขอตัวรับสาย
เอแกดังแล้ว เกิดอะไรขึ้นคลิปของแกว่อนเน็ตแล้ว
เพื่อนป.ตรีของฉันเพียงคนเดียวชื่อนิสาโทรมาหลังสี่ทุ่มซึ่งเป็นเวลานอนของนางทำให้ฉันถึงกับตกใจที่คนรักสุขภาพอย่างนิสายังไม่นอนอีก
ทำไมเกิดอะไรขึ้น
ก็คลิปของแกที่ถูกเหยียดกำลังดังว่อนเน็ตแล้ว คนแบนผับนี้และเข้ามาให้ความเห็นกันเพียบแกดูแชร์สิแป๊บเดียวหลายพันอีกไม่นานขึ้นเป็นหมื่นแน่แก
ฉันรีบวางสายจากนิสาแล้วเข้าไปดูเฟสบุคของตัวเอง ฉันยิ้มเย็นอย่างเหี้ยมโหด ในที่สุดสวรรค์ก็จัดสรรให้พวกขี้เหยียดไม่มีที่ยืนในสังคมจริง ๆ แล้วสินะ
ฉันยื่นโทรศัพท์ให้พี่แป้งดูและพูดด้วยน้ำเสียงนางเอก
"แย่แล้วค่ะพี่แป้ง ไม่คิดว่าคนจะแชร์กันเยอะขนาดนี้เกิดอะไรขึ้นคะ"
พี่แป้งรับโทรศัพท์จากฉันและยื่นให้เจ้าของผับดู เขาเกิดหน้าซีดเป็นกระดาษยกมือกุมขมับทันทีแล้วมองไปที่พนักงานสองคนที่ก่อเรื่องด้วยสายตาตำหนิ
และฉันก็พูดขึ้นมาว่า
"ว๊า แย่จังเหมือนจะมีคนตกงานแล้วนะคะคราวนี้"