บทที่ 1 อย่าหาว่าฉันเชย

1804 คำ
ฉันกำลังยืนอยู่หน้าผับแห่งหนึ่งเพื่อต่อคิวตรวจบัตรประชาชนด้วยหัวใจที่เต้นแรง เพราะอะไรน่ะเหรอนั่นก็เพราะว่านี่เป็นการเที่ยวผับครั้งที่สองในชีวิตของฉันก็ว่าได้ ครั้งแรกก็คือตอนจบปริญญาโทที่ถูกพี่ ๆ ที่จบด้วยกันลากมาเพราะไม่อาจปฏิเสธ และครั้งนั้นฉันกินเหล้าไปไม่กี่แก้วก็หัวทิ่มเดือดร้อนเพื่อน ๆ ต้องหามไปส่งฉันถึงบ้าน เมื่อถึงคิวของฉัน ฉันก็ส่งบัตรประชาชนให้ผู้ชายตัวโตท่าทางดุที่ยืนเฝ้าอยู่ด้านหน้า เขาตรวจบัตรฉันอย่างละเอียดก่อนจะพูดขึ้นด้วยเสียงดุ ๆ "ขอโทษครับเข้าไม่ได้" ฉันขมวดคิ้วและคิดว่าตัวเองไม่ได้ยินที่เขาพูดชัดนักเพราะเสียงเพลงที่ดังออกมาจากด้านใน ฉันขยับแว่นหนา ๆ ของฉันแล้วเขย่งเท้าเพื่อถามเขาเสียงดัง "คุณว่าอะไรนะคะ" "คือคุณเข้าไม่ได้ครับแต่งตัวไม่ถูกกาลเทศะ" ฉันมึนงงเป็นอย่างมาก ฉันมองเขาแล้วชี้ที่ตัวเอง "คุณหมายความว่ายังไงคะ" "ดูคุณสิ แต่งตัวมาแบบนี้ได้ยังไง เหมือนป้าชะมัด นี่มันไม่ใช่ออฟฟิศนะคุณ นี่มันสถานที่เที่ยวไม่ใช่ตลาดนัดที่ป้าจะมาจ่ายตลาด" พูดจบเขาก็มองสภาพการแต่งตัวเต็มยศ ด้วยชุดสูทสีดำกระโปรงยาวเกือบจะคลุมน่องและยังมีแว่นหนาเตอะที่ฉันใส่มาอีก ใช่ผมของฉันก็รวบตึงตามแบบฉบับเลขาที่สุภาพเรียบร้อย ยังมีรองเท้าส้นหนาสีดำสุภาพของฉันอีก คู่นี้เป็นแบรนด์ดังราคาเป็นหมื่นนะยะ คุณนายใหญ่อุตส่าห์ซื้อให้ฉันเป็นของขวัญที่เรียนจบ คนพวกนี้ไม่มีตาเอาซะเลย ฉันโกรธจนตัวสั่น ตั้งแต่เกิดมาคำชมเป็นสิ่งที่ฉันได้รับเสมอ ความต้านทานต่อคำด่าและถ้อยคำกดขี่ดูถูกแบบนี้จึงทำให้ฉันรับไม่ได้ "แล้วยังไง ฉันจะใส่อะไรก็เรื่องของฉัน นายเป็นใครมีสิทธิ์มาทำแบบนี้กับฉัน แบบนี้มันดูถูกกันชัด ๆ ฉันเห็นสายตาของนายนะที่มองแบบดูถูกตั้งแต่หัวจรดเท้า นายกล้าดียังไงมาใช้สายตานี้กับฉัน" "แกพายัยป้านี่ออกไป อย่าให้มายืนเกะกะแถวนี้เสียเวลาชะมัด" ฉันยังพูดไม่จบก็ถูกผู้ชายอีกคนลากให้ออกมายืนข้าง ๆ เหมือนฉันเป็นตัวเกะกะไม่ใช่แขกคนหนึ่ง ทั้งยังทำหน้าเหยียด ๆ ฉันอีกด้วย แน่นอนว่าถึงฉันจะเป็นคนไม่ค่อยชอบพูดแต่ก็ไม่เคยให้ใครมาเอาเปรียบได้ง่าย ๆ ฉันยกมือเท้าสะเอวแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพลางกดเข้าไปในเฟสบุคทำการไลฟ์สดทันที แน่นอนว่าไม่มีใครสักคนที่เข้ามาดู แต่ฉันก็แอ๊บไปแบบนั้นแหละ "คุณหมายความว่ายังไงที่ไม่ให้ฉันเข้า" ท่าทางของผู้ชายคนนี้สุภาพลงทันทีที่ฉันยกโทรศัพท์ขึ้นมา เพราะฉันเองก็ท่าทางเอาเรื่องอยู่ไม่น้อย "คือคุณแต่งตัวมาไม่ให้เกียรติสถานที่เลยนะครับ คุณดูคนอื่นสิ" ฉันยังมึนอยู่แต่ก็ยังกวาดสายตามองไปรอบ ๆ เอาล่ะฉันเห็นแล้วว่าคนอื่นแต่งตัวยังไง ใส่สายเดี่ยวเอวลอยแต่งหน้าจัดบางคนมีแค่ผ้าเช็ดหน้าคาดอก และยังนุ่งสั้นวับ ๆ แวม ๆ อวดขาที่เรียวบ้างไม่เรียวบ้างแบบนั้นเหรอ ฉันตวาดเสียงดังกลับโดยไม่กลัวใครหน้าไหน จนคนที่ต่อแถวตรวจบัตรถึงกับหันมามองที่ฉันเป็นตาเดียว โดดเด่นแบบนี้ฉันรู้สึกเป็นเกียรติเหมือนตอนขึ้นเวทีคนแรกเพื่อรับใบประกาศนียบัตรในฐานะนักศึกษาที่จบด้วยคะแนนเกียรตินิยมอันดับหนึ่งจริง ๆ เพราะมีคนดูฉันยิ่งมั่นใจในตัวเองและตั้งใจที่จะทวงสิทธิ์ของฉันอย่างเต็มที่ "แล้วไง คุณมีปัญหาอะไรไม่ทราบ" "ก็อย่างน้อยควรแต่งแบบนั้นนะครับ ที่นี่ค่อนข้างสแกนคนเข้าครับ ต้องแต่งตัวดีและหน้าตาดีหน่อยครับถึงจะให้เข้าได้" ฉันสบถคำหยาบออกมาคำหนึ่ง แล้วก็ต้องรีบขอโทษขอโพยให้พระอภัยให้ฉันในใจ ฉันตวาดเสียงดังและพูดดังขึ้นอีก "สแกนคนเข้าเหรอ นายว่าฉันไม่สวยพอที่จะเข้าไปเที่ยวที่นี่เหรอยะ ไม่ทราบว่ามีกฎข้อไหนที่ระบุไว้ไม่ทราบ ว่าฉันต้องแต่งตัวยังไงถึงจะเข้าผับนี้ได้ เอาล่ะฉันเห็นทีว่าฉันต้องบันทึกเอาไว้และฟ้องพวกนายที่ทำให้เสียความรู้สึก และถือว่าเป็นการดูหมิ่นเหยียดหยามศักดิ์ศรีของฉันซึ่งเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง อย่าหาว่าฉันบูลลี่นายเลย ในเมื่อพวกนายมาบูลลี่ฉันก่อน นายเคยส่องกระจกดูตัวเองบ้างหรือเปล่ายิ่งคุณคนนั้นยิ่งหน้าตายังกะปลาบู่ชนเขื่อน หน็อยกล้ามาว่าฉันไม่สวยเหรอ พวกนายนี่มันหาเรื่องตายชัด ๆ" ถึงฉันจะเป็นลูกแม่บ้านไม่รู้ว่าพ่อเป็นใคร แต่แม่ของฉันเป็นคนเหนือผิวขาวและสวย ส่วนไอ้คนที่มันพ่นน้ำอสุจิและจากไปคนนั้นหน้าตามันคงดีมาก เพราะฉันเป็นคนสวยคนหนึ่งเชียวล่ะ เพียงแต่ฉันไม่สามารถแสดงความสวยออกให้เป็นอันตรายต่อตัวเองได้ ถึงคนอื่นจะมองยังไงตัวฉันก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไรกับเรื่องนี้ในเมื่อนอกจากความสวยแล้ว เรื่องความสามารถของฉันก็โดดเด่นไม่เป็นรองใครมาตั้งแต่เด็ก เพราะฉะนั้นคนที่บังอาจบูลลี่ฉันพวกมันก็หาเรื่องให้ตัวเองแล้ว "เอาล่ะ ฉันตัดสินใจแล้วว่าฉันจะฟ้องผับของพวกนาย เตรียมหางานใหม่ได้เลยฉันเก็บหลักฐานไว้หมดแล้ว" ว่าแล้วในเฟสของฉันก็มีคนเข้ามาดูแล้วสองสามคน หนึ่งในนั้นพิมพ์กลับมาอย่างรวดเร็ว ว่าให้ฉันรอที่นั่นและหลังจากนั้นก็มีสายหนึ่งโทรเข้ามา ฉันรับสายและพนักงานคนนั้นที่ลากฉันมาไว้ข้าง ๆ ร้านเตรียมจะเผ่นหนีฉันจึงยึดแขนของเขาเอาไว้แน่น ไม่มีทางปล่อยไปเป็นอันขาด "น้องเออยู่นั่นแหละพี่กำลังจะออกไปรับ ไอ้พวกนี้มันไม่รู้แล้วว่าใครเป็นใคร" "ได้ค่ะ" หลังวางสายโทรศัพท์ของฉันเกือบร่วง แต่ดีที่ใช้คางคีบเอาไว้ได้ในขณะที่สองมือตอนนี้ของฉันกำลังกอดแขนพนักงานคนนั้นไว้แน่น "ปล่อยฉันนะยัยบ้า" "หน็อยกล้าไม่ให้ฉันเข้าไป เพื่อนฉันออกมาพวกแกเจอดีแน่คอยดู" พนักงานคนนั้นท่าทางหวาด ๆ อยู่ไม่น้อย ฉันยิ่งได้ใจยิ่งข่มขวัญเขาต่อ "คอยดูว่าใครกันแน่ที่ต้องออกจากร้านนี้ในคืนนี้" ฉันเป็นคนไม่เคยยอมใครถ้าฉันไม่ผิดฉันมักจะดื้อรั้นเสมอ เรื่องพวกนี้แม่ฉันที่เป็นแม่บ้านไม่ได้สอนแต่เป็นคุณนายใหญ่บุหงาที่เลี้ยงฉันเหมือนลูกคนหนึ่งที่คอยสั่งสอนมาตลอด ไม่เหยียบหัวใครและอ่อนน้อมถ่อมตนในขณะเดียวกันก็อย่าปล่อยให้ใครรังแกและเอาเปรียบได้ คุณนายบุหงาเกลียดที่สุดคือการโดนเอาเปรียบ เพราะแบบนี้จึงทำให้ฉันติดนิสัยเย่อหยิ่งมาโดยไม่รู้ตัว ในขณะที่ฉันกับเด็กคนนั้นกำลังยื้อยุดฉุดกระชากกันอยู่ ผู้ชายตัวโตสองคนก็ออกมาห้ามด้วยความเร็ว คนหนึ่งเป็นเพื่อนที่เรียนปริญญาโทกับฉันชื่อพี่แป้ง เขาเป็นลูกชายคนสุดท้องของอดีต ผบ.ตร.ที่ใคร ๆ ก็รู้จัก ในขณะที่อีกคนหนึ่งฉันไม่รู้ว่าเขาเป็นใครแต่เกือบจะทำให้เด็กคนนั้นเข่าทรุดลงไปกับพื้น และฉันก็มารู้ทีหลังว่าผู้ชายคนนี้เป็นเจ้าของร้านนั่นเอง ฉันยิ้มอย่างชั่วร้าย ฉันไม่เห็นใจหรอกนะในเมื่อใครทำอะไรไว้ก็ต้องชดใช้ ฉันรีบฟ้องพี่แป้งโดยไม่รอช้า "พี่แป้งคะพวกเขาบอกเอขี้เหร่ไม่ยอมให้เข้าค่ะ ยังดูถูกเอด้วยสายตาที่แสนน่ารังเกียจ แออัดคลิปไว้หมดแล้วค่ะวันนี้ทำเอาเอช้ำใจมากจะฟ้องทั้งผู้จัดการทั้งเจ้าของร้านและพนักงานที่ดูหมิ่นให้เข็ด" พี่แป้งเองดูตกใจไม่น้อย เขาแตะแขนฉันเบา ๆ แล้วพาเข้าไปคุยกันที่ห้องวีไอพี "น้องแป้งแค่เข้าใจผิดกันนะครับ เห็นแก่หน้าเพื่อนพี่หน่อยจะให้มันอบรมเด็กของมันอย่างดี น้องแป้งจะเอายังไงครับให้น้องมาขอโทษดีหรือเปล่า" ฉันนั่งหน้าเชิด คิดแค่ว่าคืนนี้จะมาหาเรื่องสนุก ๆ และตื่นเต้นทำสักหน่อยแต่ต้องมารู้สึกหน้าชาเพราะโดนคนดูถูกแบบนี้ทำให้ฉันรู้สึกไม่ดีเอามาก ๆ เลยละ ฉันจะยกโทษให้คนพวกนี้ได้จริงเหรอ "คุณผู้หญิงครับผมต้องขอโทษจริง ๆ นะครับที่เด็กทำตัวแบบนี้" เจ้าของผับกล่าวขอโทษฉันด้วยใจจริง ฉันเห็นหน้าซีด ๆ ของเขาแล้วก็ถอนหายใจ และแล้วโทรศัพท์ของฉันจึงขอตัวรับสาย เอแกดังแล้ว เกิดอะไรขึ้นคลิปของแกว่อนเน็ตแล้ว เพื่อนป.ตรีของฉันเพียงคนเดียวชื่อนิสาโทรมาหลังสี่ทุ่มซึ่งเป็นเวลานอนของนางทำให้ฉันถึงกับตกใจที่คนรักสุขภาพอย่างนิสายังไม่นอนอีก ทำไมเกิดอะไรขึ้น ก็คลิปของแกที่ถูกเหยียดกำลังดังว่อนเน็ตแล้ว คนแบนผับนี้และเข้ามาให้ความเห็นกันเพียบแกดูแชร์สิแป๊บเดียวหลายพันอีกไม่นานขึ้นเป็นหมื่นแน่แก ฉันรีบวางสายจากนิสาแล้วเข้าไปดูเฟสบุคของตัวเอง ฉันยิ้มเย็นอย่างเหี้ยมโหด ในที่สุดสวรรค์ก็จัดสรรให้พวกขี้เหยียดไม่มีที่ยืนในสังคมจริง ๆ แล้วสินะ ฉันยื่นโทรศัพท์ให้พี่แป้งดูและพูดด้วยน้ำเสียงนางเอก "แย่แล้วค่ะพี่แป้ง ไม่คิดว่าคนจะแชร์กันเยอะขนาดนี้เกิดอะไรขึ้นคะ" พี่แป้งรับโทรศัพท์จากฉันและยื่นให้เจ้าของผับดู เขาเกิดหน้าซีดเป็นกระดาษยกมือกุมขมับทันทีแล้วมองไปที่พนักงานสองคนที่ก่อเรื่องด้วยสายตาตำหนิ และฉันก็พูดขึ้นมาว่า "ว๊า แย่จังเหมือนจะมีคนตกงานแล้วนะคะคราวนี้"
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม