จูเหมยลี่ป้อนข้าวเซียวลี่ผิงเสร็จแล้วก็นั่งรอเซียวจ้านเป่ย สักพักเขาก็เดินกลับมาพร้อมกับผักกาดสองต้นและถั่วฝักยาวหนึ่งกำ ภรรยาของเซี่ยตงหยางเป็นคนขยัน มักปลูกผักเลี้ยงไก่ ลูกๆไม่อดอยาก
ส่วนภรรยาจางรั่วสุ่ย ไม่ใช่ว่าไม่ขยันแต่เป็นเพราะจางรั่วสุ่ยตามใจน้องสาวเกินไป เครื่องประดับเอย เสื้อผ้าเอย ไม่สนใจสักนิดว่าพี่สะใภ้ต้องเลี้ยงลูก ต้องทำงานบ้านยังบังคับให้นางตัดเย็บเสื้อผ้าให้อีก เซียวจ้านเป็นไม่ชอบสตรีหน้าขาวปากแดง
เซียวจ้านเป่ยมาถึงบ้านก็เห็นจูเหมยลี่นั่งรออยู่ นางยังไม่จับตะเกียบยังคงรอเขามากินด้วย เมียเขาช่างน่ารักเหลือเกิน ก่อนจะส่งตะกร้าที่ใส่ผักให้นาง
"เหมยลี่ นี่เป็นผักกาดกับถั่วฝักยาว พี่สะใภ้ให้มา เอ่อข้าแบ่งผักกาดให้รั่วสู่ยไปหนึ่งต้นกับถั่วหนึ่งกำเจ้าไม่ว่าอะไรใช่หรือไม่"
"ไม่ว่าอะไรนี่ ทั้งสองคนเป็นสหายท่าน ข้าเป็นคนนอกไม่อยากยุ่ง ว่าแต่ของที่ข้าจดให้เมื่อเช้าซื้อมาได้หรือเปล่า"
เซียวจ้านเป่ยถอนหายใจ นางสั่งให้เขาซื้อเครื่องปรุง ซื้อเมล็ดพันธุ์ ซื้อเครื่องมือเกษตรทำไร่ ไม่ใช่ว่าเขาซื้อไม่ได้ แต่เขาไม่มีเงินจริงๆ ต้องขึ้นเขาก่อนเฮ้อ
"เอ่อ ข้าได้แต่เครื่องปรุง เนื้อหมูแล้วก็เมล็ดพันธุ์พืชบางส่วนนะ รอข้าขึ้นเขาก่อนแล้วค่อยไปซื้อให้เจ้าอีกครั้งนะ"
"เฮ้อ ยากจนจริงๆถูกเมียทิ้ง ข้าไม่แปลกใจเลย หมูป่าสองตัวนั่นท่านไปชำแหละเถอะ ขายในหมู่บ้านนี่แหละ เข้าเมืองเสียเวลา ได้ตำลึงสองตำลึงก็ยังดี กินข้าวเถอะข้าหิวแล้ว"
เซียวจ้านเป่ยกินผัดเห็ดใส่ไข่ใส่ทั้งยังใส่พริกด้วย อร่อยมากแม้จะร้อนจนแทบปากพองแต่อร่อยจริงๆ นางไปสรรหาของเหล่านี้จากที่ไหนกันนะ
"เอ่อ บัวหิมะอะไรที่เจ้าว่าคือ ข้าสงสารผิงผิงเลยไปงมขึ้นมาเมื่อคืนก่อนฝนตก อยู่ในห้องข้าเดี๋ยวกินข้าวเสร็จไปเอามาให้นะ"
"อืม" จากนั้นก็ไม่มีเสียงตอบกลับ เซียวจ้านเป่ยรู้สึกเหมือนถูกเมินมองข้าม จากนั้นก็มีเสียงนางเอ่ยขึ้น
"หมู่ป่าขายอย่างไร ชั่งละเท่าไหร่ขายในหมู่บ้านนี่แหละท่านชำแหละมา แล้วสมุนไพรที่ให้ไปซื้อที่ร้านขายยาได้หรือเปล่า"
"บางอย่างไม่มี เจ้าจะเอามาทำอะไรเจ้าป่วยหรือ"
"เปล่าข้าจะเอามาทำเครื่องเทศ จริงสิผิงผิงวิ่งเล่นอยู่ตอนนี้เรามาตกลงกันหน่อย ท่านจะไปเป็นทหารสองปี ข้าอยู่ทางนี้จะดูแลนางให้ไม่ทิ้งไม่หนี สัญญาขายตัวท่านฉีกทิ้งไปเลย แต่ว่าเมื่อท่านกลับมาท่านต้องเขียนใบหย่าให้ข้า ท่านเองก็รังเกียจข้าส่วนข้าก็ไม่ชอบการบังคับใจกันตกลงไหม"
เซียวจ้านเป่ยรู้สึกโหวงในอก นางไม่อยากอยู่กับเขาหรือ
"แล้วผิงผิงเล่านางจะทำเช่นไรนางชอบเจ้ามาก เหมยลี่เจ้าไม่หย่าได้ไหม ข้าไม่อยากแต่งงานใหม่ข้าไม่อยากได้สตรีคนใหม่ ข้ากลัวได้แบบหงซิ่วอีก"
เซียวจ้านเป่ยวางชามลงเขารู้สึกอิ่มทันที จูเหมยลี่ดุเขา
"กินให้หมดอย่าเหลือทิ้งขว้าง คนไม่มีจะกินเยอะแยะ ท่านมีกินแต่กินทิ้งกินขว้างข้าไม่ชอบ"
"ข้ากินไม่ลง เหมยลี่ข้าคือ"
"ข้าไม่ทิ้งนางหรอกอย่าห่วงเลย จนกว่าท่านจะเจอสตรีถูกใจ จากนั้นท่านแค่หย่าให้ข้าช่วงเวลาที่ท่านไม่อยู่ข้าจะเลี้ยงดูผิงผิงรอท่านกลับมา"
จูเหมยลี่คีบอาหารเข้าปากทุกคำที่เอ่ยไม่ได้มองหน้าเขาสักนิด เซียวจ้านเป่ยถอนหายใจ
"อีกเพียงเดือนเดียวข้าต้องไปแล้ว เดี๋ยวข้าเอาหมูป่าไปขายเหลาอาหารดีกว่า เข้าเมืองใช้เวลาแค่ครึ่งชั่วยามเท่านั้น ได้เงินมาจะได้ซื้อของที่เจ้าต้องการด้วย พรุ่งนี้จะขึ้นเขาเผื่อได้กวางหรือหมีสักตัว หาเงินให้เจ้าไว้ใช้จ่ายตอนข้าไม่อยู่ เบี้ยหวัดเดือนละสองตำลึงจะส่งมาให้"
จูเหมยลี่พยักหน้าจากนั้นนางก็กินข้าวต่อ เซียวจ้านเป่ยรู้สึกว่านี่เป็นอาหารที่อร่อยที่สุดเท่าที่เคยกินมา ขนาดตอนที่อยู่ที่ตำหนักเป็นคุณชายจวนอ๋อง มีพ่อครัววังหลวงมาทำให้ อาหารยังไม่อร่อยขนาดนี้ นางมีฝีมือจริงๆ
กินข้าวเรียบร้อยจูเหมยลี่ก็เก็บล้าง นางห่อเกี้ยวไว้เยอะ แบ่งไปบ้านของเซี่ยตงหยางแล้วยังเหลือกว่าห้าสิบตัว จึงคิดว่าไม่ต้องทำมื้อเย็น
"เซียวจ้านเป่ย ท่านจะเข้าเมืองอีกรอบขากลับบ้านมาอาจไม่เจอข้ากับลูก ข้าสัญญากับนางว่าจะพาขึ้นเขาไปเก็บผักป่า ไม่เห็นก็รอในบ้านดีๆอย่าปากเสียอีก ถึงขาจะตัวเล็กก็ทำเจ้าเจ็บได้นะ"
เซียวจ้านเป่ยขำแรงเจ้าเท่ากับมด หากไม่เพราะนางเล่นงานตอนเขาเผลอนางจะทำอะไรเขาได้หรือ หันไปเห็นบุตรสาวกำลังนั่งรอมารดาอยู่ คงอยากไปเที่ยวเต็มที
ยืนมองสองแม่ลูกเตรียมมีดพร้าใส่ตะกร้าก็ถอนหายใจ ที่นี่อยู่ไกลเมืองหลวงถึงหนึ่งพันห้าร้อยกว่าลี้ เขาไม่เคยพาเซียวลี่ผิงไปไหนเลย
บุตรสาวหน้าตาคล้ายเสด็จแม่มากนัก ตอนนั้นที่เขาถูกตามฆ่าเขาเป็นเพียงซื่อจื่อที่ร่ำเรียนหนังสือเพื่อปกครองตำหนักรอรับตำแหน่งต่อจากเสด็จพ่อ ปู่หลงแอบสอนวรยุทธให้ป้องกันตัวเขาจึงพอมีฝีมือ
เดิมทีเขาแซ่อ้ายซึ่งเป็นแซ่ของราชวงศ์ แต่หลังจากถูกตามฆ่าก็เปลี่ยนมาใช้แซ่มารดาคือแซ่เซียว
ฉู่หรานซินคือบุตรใต้เท้าฉู่ฉางชิงเจ้ากรมฝ่ายการคลัง แต่งเข้ามาเป็นชายารองหลังจากที่เขาได้หกขวบ ว่ากันว่านางคือสตรีที่เสด็จพ่อรัก อีกทั้งตั้งแต่แต่งนางเข้ามาเสด็จพ่อก็ไม่มาเยือนเรือนไผ่ของเสด็จแม่อีกเลย จนนางตรอมใจจากไป
ปู่เซียวหลงเป็นสินเดิมที่ติดตามมาจากสกุลเซียว ตั้งแต่พาเขาหนีรอดมาได้ก็ตั้งใจที่จะสอนวรยุทธเขาทุกอย่าง อีกทั้งยอมพาเขาไปหาอาจารย์ตนเองโขกศีรษะคุกเข่าอยู่แรมเดือนเพื่อให้เขาได้ร่ำเรียน
ในที่สุดเขาก็เก่งกาจมีฝีมือ เรื่องที่หงซิ่ววางยาเขานั้นคงเป็นปู่หลงนั่นแหละที่ทำ เพื่อให้เขามีบุตรและใช้กลบเกลื่อนร่องรอย เขาปล่อยตัวรุงรังเหมือนตาแก่
ถ้าไม่ใช่เพราะสินสอดห้าสิบตำลึง มารดาของหงซิ่วจะยอมยกนางให้หรือ เขายังจำตอนที่เขาเสร็จสมจากนางได้ดีโมโหอยากบีบคอนางให้ตายคามือ แต่ปู่หลงมาห้ามและกลับบอกเขาว่า
""ซื่อจื่อ บ่าวรู้ว่าท่านรังเกียจสตรี แต่อย่างน้อยนางก็ไม่ขี้เหร่หากมีทายาทจะคุณหนูหรือคุณชายจะได้ดูรูปงาม บ่าวอายุมากแล้วอีกทั้งถูกพิษเรื้อรังมานาน ไม่รู้จะอยู่เป็นเพื่อนท่านได้นานแค่ไหน ข้าแอบให้นางดื่มยาบำรุงไปมากแล้ว หากครั้งนี้นางไม่ท้อง ครั้งหน้าท่านก็ฝืนใจอีกสักครั้งนะขอรับ"
นึกถึงคนที่จากไปแล้วเขาก็ถอนหายใจ เซียวหลงไม่อยู่ทันได้เห็นผิงผิงเกิดด้วยซ้ำ พิษกำเริบจนเขาจากไปก่อนหน้าเพียงเดือนเดียว