นลินนิภาคิดตามสิ่งที่ผู้ชายตรงหน้าพูดทุกอย่าง แค่ 208 ปี หล่อนก็ยังหนาวสะท้านไปทั้งร่าง เพราะจำนวนปีขนาดนั้นต่อให้หล่อนตายแล้วเกิดใหม่อีก 2 ชาติก็ยังผ่อนใช้หนี้เขาไม่หมด แต่เมื่อเขาแจ้งรวมกับจำนวนปีของดอกเบี้ยเข้าไปด้วย กลับทำให้ความหนาวนั้นแทรกซึมเข้าสู่หัวใจและป่านนี้คงเข้ากระดูกไปแล้วใช่ไหม ถึงจะหนาวจนรู้สึกปวดไปทั้งร่าง
‘โอเคไหม วินๆ ด้วยกันทั้งคู่เลย นี่ฉันไม่ได้เอาเปรียบเธอเลยนะ’
ไม่ได้เอาเปรียบยังไง! นี่มันกลั่นแกล้งกันชัดๆ เพราะก็เห็นมีแค่ผ้าม่านที่ไหม้ไฟ นอกนั้นก็ของเปียกน้ำ ค่าเสียหายจะมากมายถึง 5 ล้านบาท ได้ยังไง เขาเอาเปรียบหล่อนอย่างชัดแจ้งแดงแจ๋
“พ่อเลี้ยงเอาเปรียบหนู”
“ยังไง”
“ค่าเสียหาย 5 ล้านบาท พ่อเลี้ยงไม่คิดว่ามันมากไปเหรอคะ หนูเห็นนะ มีแค่ผ้าม่านที่ไหม้ หรือจะรวมข้าวของตรงนั้น ดูยังไงก็ไม่ได้เยอะ ส่วนของที่เปียกน้ำ หนูก็เห็นเปียกแค่ด้านนอก จะถึง 5 ล้านได้ยังไง หนูคิดว่าพ่อเลี้ยงควรประเมินค่าเสียหายใหม่ค่ะ”
“โถ... แม่คุณ! เธอรู้ไหมว่าสินค้าฉันราคาเท่าไร แล้วเธอคิดไหมว่าสินค้าบางอย่างมันถูกน้ำไม่ได้ เธอเดินเข้ามา เธอเห็นห่อสินค้าที่จัดแสดงไว้ไหม ทั้งหมดนั่นน่ะมี 200 ห่อ เพิ่งลงของเมื่อตอนเย็น ห่อละ 2,000 บาท ยังไม่ได้ขายเลยสักชิ้น ก็เปียกน้ำแล้ว แล้วเธอคิดว่าฉันจะย้อมแมวเอาไปเปลี่ยนแพคเกจจิ้ง แล้วมาขายลูกค้าใหม่เหรอ ฉันไม่ทำแบบนั้นหรอก นั่นแค่ของชนิดเดียว แล้วของอย่างอื่นอีกล่ะ เอาง่ายๆ แค่แชนเดอเลียร์กลางร้าน โดนน้ำฉีดไปขนาดนั้น เธอคิดว่ามันจะกลับมาใช้งานได้อีกหรือเปล่า หรือเธอคิดว่าฉันจะแค่เช็ดให้แห้งแล้วเสียบปลั๊กใช้ใหม่ได้ มันไม่คุ้มถ้าจะมีอะไรเกิดขึ้นมากกว่านี้นะ แล้วร้านที่เสียหาย ฉันก็ต้องรีโนเวทใหม่ ไม่ใช่แค่จ้างคนมาทำความสะอาด แชนเดอร์เรียตัวเดียวก็สองล้านเขาไปแล้ว อย่าลืมนะว่าร้านค้ามันมีค่าเสียเวลาที่ฉันต้องปิดร้าน ค่าแรงพนักงานต้องจ่าย ค่าแรงผู้จัดการอีกละ สินค้าที่กำลังจะมาส่ง ของกินมีวันหมดอายุ อะไรอีกหลายๆ อย่างที่ต้องเสียไป เสียโอกาสทางการตลาด เสียลูกค้า แล้วเธอคิดว่า 5 ล้าน ที่ฉันประเมินไปมันมากไปเหรอ ฉันควรคิดเธอ 10 ล้านด้วยซ้ำ ถ้าเธอคิดว่าค่าเสียหาย มันควรจะคิดแค่ค่าสินค้าแล้วคูณจำนวน คิดแบบนั้น ก็ต้องเป็นเด็กเสิร์ฟต่อไปล่ะ”
“พ่อเลี้ยงจะบลูลี่อาชีพเด็กเสิร์ฟเหรอคะ”
“อย่ามาเปลี่ยนเรื่อง มันไม่ได้เกี่ยวกันเลย ฉันแค่ยกตัวอย่างให้เธอฟัง ให้เธอคิดอย่างคนที่เป็นเจ้าของกิจการคิด ไม่ใช่คิดอย่างคนที่เป็นลูกจ้าง คิดให้รอบคอบ คิดให้มันรอบมุมมอง ไม่ใช่เธอคิดว่าเธอได้เงินค่าจ้างรายวันเท่านั้น เธอต้องคิดถึงเจ้าของกิจการด้วย ว่าเขาลงทุนไปเท่าไร จะเสียหายเท่าไรที่ต้องปิดร้าน ฉันทำการค้านะ ไม่ได้ทำมูลนิธิ เหอะ! ฉันไม่ควรจะเสียเวลามาพูดกับเธอเลย ให้ตำรวจพาน้องเธอไปก็จบแล้ว ปรานีแล้วมาหัวหมอ ก็ไม่ต้องคุยกัน”
น้ำเสียงจริงจังส่งมาพร้อมกับดวงตาคมวาบที่แทบจะฉีกร่างของหล่อนออกได้ ทั้งหมดที่เขาพูดเป็นจริงทุกอย่าง หล่อนคิดน้อยไปจริงๆ นลินนิภายกมือไหว้ผู้ชายตรงหน้า
“หนูขอโทษที่ก้าวร้าวค่ะ หนูไม่ได้มีเจตนา หนูขอโทษจริงๆ หนูก็แค่พยายามหาทางรอด และจำนวนปีที่พ่อเลี้ยงหารออกมา ให้หนูตายไปอีก 2 ชาติ หนูก็ยังใช้หนี้พ่อเลี้ยงไม่หมด หนูก็เลยคิดอะไรตื้นๆ หนูขอโทษจริงๆ ค่ะ”
อีกครั้งที่พนมไพรเขม่นมองเด็กสาวตรงหน้า ผู้หญิงคนนี้มีอะไรหลายๆ อย่างที่กระตุ้นบางสิ่งในร่างกายเขาให้ตื่นตัวไม่หยุด
หล่อนมีความคิดเหลือเชื่อเจือปนอยู่ในความไร้เดียงสา ความไม่ยอมคน แต่ก็ยอมรับความจริงได้แบบไม่ติดค้าง เขาไม่เคยเจอผู้หญิงแบบนี้เลย
ผู้หญิงที่รู้ตัวว่าคิดผิดทำผิดแล้วพร้อมจะยอมรับพร้อมขอโทษอย่างเร็ว
“ไม่เป็นไร ฉันก็ต้องขอโทษที่พูดแรง แต่มาคุยเรื่องค่าเสียหายกันต่อ เธอจะใช้หนี้ยังไง ถ้าผ่อนใช้เดือนละ 2,000 บาท 208 ปี ฉันไม่โอเคหรอกนะ เธอต้องคิดหาทางอื่น”
“แต่หนู... หนูไม่รู้ว่าจะหาทางยังไงค่ะ หรือพ่อเลี้ยงมีงานอะไรให้หนูทำ ที่ได้เงินดีๆ ได้เงินเยอะๆ พ่อเลี้ยงแนะนำหนูสิคะ หนูจะทำทุกอย่าง”
‘ทุกอย่าง’ ที่หลุดออกจากปากกระจับใจน้อยๆ ที่ขยับขึ้นลงทำให้พนมไพรถึงกับต้องกลืนน้ำลายลงคอ ทุกอย่างจริงๆ เหรอ แต่ถ้าเขาพูดออกไป หล่อนจะทำใช่ไหม แบบนี้เรียกว่าหล่อนเสนอ แล้วเขาสนองได้หรือเปล่า
น่าลองใช่ไหม เผื่อหล่อนจะตกลง
“ทุกอย่างจริงเหรอ”
“จริงค่ะ แค่พ่อเลี้ยงกรุณาหนูกับน้อง อะไรหนูก็ทำได้หมดทุกอย่างค่ะ ให้พ่อเลี้ยงได้เงินที่เสียหายไปเร็วๆ หนูทำ…”
นลินนิภาชะงักคำพูดเมื่อได้เห็นสายตาของคนที่นั่งในฝั่งตรงกันข้ามมองมา ‘ทำได้ทุกอย่างที่พ่อเลี้ยงต้องการ’ คือสิ่งที่หล่อนจะพูดออกไป
ทว่าหล่อนไม่ได้ไร้เดียงสาจนไม่รู้ว่าสายตาแบบนั้นหมายความว่ายังไง
ความรู้สึกตอนนี้เหมือนกับว่าหล่อนกำลังยืนอยู่บนปากเหว โดยมีน้องชายของหล่อนแขวนอยู่บนต้นไม้ จะถอยหลังกลับลงไปหาคนมาช่วย ก็คาดหวังไม่ได้เลยว่าจะมีใครมาช่วยบ้าง ในเมื่อตลอด 3 ปีที่ผ่านมานี้ ‘ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน’ หล่อนเองที่ทำงานส่งเสียเลี้ยงดูน้องมาตลอด ขนาดเงินแค่ 500 บาท ยังหยิบยืมจากญาติพี่น้องไม่ได้เลย แล้วนับประสาอะไรกับเงิน 5 ล้าน ที่เขาจะให้ ยิ่งเป็นไม่ได้ล้านเปอร์เซ็นต์