อีกครั้งที่พนมไพรถอนหายใจเฮือกใหญ่ เพราะหญิงสาวที่ยกมือไหว้เขาแบบร้องขอ ดวงตาฉ่ำไปด้วยหยาดน้ำ เขาไม่รู้หรอกว่าหล่อนมีเหตุผลอะไรที่ไม่พูดเรื่องญาติพี่น้อง แต่ยังไงเสียหล่อนก็ต้องหาเงินมาชดใช้ให้ได้ แต่จะไหวเหรอ
“เป็นลูกจ้างโต๊ะจีนนั่นเหรอ”
“ใช่ค่ะ หนูทำหน้าที่จัดเตรียมอุปกรณ์บนโต๊ะและทำความสะอาดโต๊ะค่ะ”
“ทำไมถึงไปทำ”
“ก็หนูอยากได้เงิน และบ้านที่หนูเช่าอยู่ก็ไม่ไกลจากร้านโต๊ะจีนของเถ้าแก่ หนูก็เลยไปมาสะดวกค่ะ”
เด็กสาวที่พูดจาไม่ติดขัด เริ่มทำให้พนมไพรหัวเสียมากขึ้น ไม่อยากให้สิ่งที่หล่อนพูดเป็นจริงหรอก เพราะเท่ากับว่าเขาจะไม่มีสิทธิ์ได้เงินค่าเสียหายคืน และที่สำคัญเขาก็ปล่อยให้ไอ้เด็กนั่นกลับไปแบบไม่ต้องรับผิดชอบไม่ได้ด้วย
คนทำผิดยังไงก็ต้องได้รับโทษ ไม่ได้เป็นตัวเงินก็ต้องถูกจับไปดัดสันดานบ้าง จะได้เข็ด
“กรุณาให้หนูผ่อนใช้นะคะ หนูสัญญาว่าจะไม่เบี้ยวแน่นอนค่ะ พ่อเลี้ยงทำสัญญาให้หนูเซ็นได้เลยค่ะ นะคะพ่อเลี้ยง หนูขอความกรุณา”
ใบหน้าอ้อนวอน ดวงตาฉ่ำไปด้วยหยาดน้ำมองเขาอย่างร้องขอ นั่นทำให้พนมไพรหลับตานิ่ง เขาต้องใช้ความคิด เพราะท่าทางเหมือนผีเสื้อเพิ่งสยายปีกบินไม่นานของหล่อนมีผลต่อความตื่นตัวของเขาอีกแล้ว
ไม่เคยรู้ว่าตัวเองจะแพ้ความบริสุทธิ์ไร้เดียงสาได้มากถึงขนาดนี้ ว่าแต่หล่อนจะรู้บ้างไหมว่าท่าทางอ้อนวอนแบบนั้น ผู้ชายวัยเขามันแพ้ แพ้แบบที่ไม่มียาขนานไหนจะบรรเทาได้ นอกจากต้องปลดปล่อยทุกความอัดอั้น
“ไหนว่ามาสิ เธอจะผ่อนใช้ยังไง เดือนละเท่าไร”
“แล้วค่าเสียหายเท่าไรคะ หนูจะได้คำนวณถูก”
“ไม่ เธอบอกมาก่อนว่าเธอมีปัญญาใช้ฉันเดือนละเท่าไร ฉันถึงจะรู้ว่าคุ้มหรือไม่คุ้ม”
“ก็… ประมาณซัก 2,000 บาท ได้ค่ะ”
อีกครั้งที่พนมไพรอยากจะหัวเราะร่วนให้สมกับค่ำคืนมหาโหดสำหรับเขา เพราะในขณะที่พงษ์นภดลกำลังเข้าหออย่างชื่นมื่น เขากลับต้องมาปวดหัวกับสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ตรงหน้านี้ แถมยังต้องปวดหนึบกับสิ่งเร้าที่ดันเจอของชอบ
ดวงตาคมเข้มจ้องเด็กสาวตรงหน้าไม่วางตา บังคับให้หล่อนพูดสิ่งที่คิดออกมาให้หมด
“หนูให้ขั้นต่ำได้ 2,000 บาทค่ะ แต่หนูจะหางานเสริมให้ได้เงินมากขึ้น หนูจะพยายามหาเงินมาส่งพ่อเลี้ยงให้ได้เดือนละ 3,000 - 5,000 บาท ให้ได้ค่ะ แต่หนูต้องพูดเผื่อน้อยๆ ก่อนไว้ เพราะถ้าเดือนไหนหนูหาไม่พอจริงๆ หรือมีค่าใช้จ่ายเรื่องเรียนของน้องเพิ่ม หนูอาจจะผิดคำพูดได้ พ่อเลี้ยงกรุณาให้หนูผ่อนใช้เถอะนะคะ เพราะถ้าเป็นเงินก้อนหนูก็ไม่มีหรอกค่ะ หนูไม่มีจริงๆ ลำพังหนูต้องกินต้องใช้ น้องก็ต้องไปโรงเรียนด้วย ก็แทบจะไม่พออยู่แล้วค่ะ แต่ถ้าวันไหนได้อาหารเหลือจากโต๊ะจีนก็จะทุ่นไปได้มาก แต่งานโต๊ะจีนก็ไม่ได้มีทุกวันค่ะ และถ้าไปที่ไกลๆ หนูก็ไปไม่ได้อีก พ่อเลี้ยงกรุณาหนูเถอะนะคะ”
คำพูดยาวๆ ของเด็กสาวตรงหน้าทำให้อารมณ์หื่นๆ ของพนมไพรกระจัดกระจายจนแทบจะอุทานออกมา
เด็กสาวพูดจาฉะฉาน แต่กลับเป็นความคิดที่ไตร่ตรองมาอย่างดี ชนิดที่หากไม่ผ่านเรื่องราวสู้ชีวิตมาอย่างโชกโชน หล่อนคงคิดลำดับขั้นตอนแบบนี้ออกมาไม่ได้แน่ เพราะทุกอย่างฟังดูดี ดูน่าเห็นใจ แต่ตรงไหนกันที่เขาได้ประโยชน์ ถ้าเขายอมตามที่หล่อนร้องขอ เขาคงได้รับความสุขใจที่คิดว่าตัวเองเป็นคนใจบุญ แต่ทั้งหมดนั่นมันคือเขาเสียรู้หล่อนนะ
คนอย่าง ‘พ่อเลี้ยงพนมไพร’ จะยอมไหมที่จะเสียรู้เด็กสาวยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม ไม่ใช่สิ... เด็กสาวนมใหญ่เกินตัวต่างหาก
“ก็ได้ ฉันจะให้เธอผ่อนใช้ค่าเสียหายทั้งหมด”
พูดไปโดยใช้อะไรไตร่ตรอง นั่นทำให้พนมไพรแค่นยิ้มกับตัวเอง แต่รอยยิ้มที่กระจ่างบนใบหน้าสวย ก็ยืนยันว่าเขาคิดถูก หล่อนนมใหญ่ เฮ้ย! หล่อนคิดว่าหล่อนฉลาดพูด
“ประเมินจากสายตาฉัน ค่าเสียหายประมาณ 5 ล้านบาท”
“5 ล้านบาท!”
“ใช่ เธอจะผ่อนใช้ให้ฉันเดือนละ 2,000 บาท ใช่ไหม โอเค! ฉันตกลง”
“คะ! พ่อเลี้ยงตกลงเหรอคะ พ่อเลี้ยงตกลงแล้วนะคะ หนูขอบคุณค่ะ หนูขอบคุณพ่อเลี้ยงมากๆ เลยค่ะ”
เด็กสาวที่อ้าปากค้างเมื่อได้ยินยอดค่าเสียหาย ก่อนจะเปลี่ยนเป็นยิ้มดีใจ พร้อมพนมมือไหว้เขารัวๆ เมื่อเขาตกลงในเงินที่หล่อนจะผ่อนจ่าย ต่อให้ดีใจไปก่อนหรอกนะ หึ!
พนมไพรเปิดโหมดเครื่องคิดเลขบนหน้าจอโทรศัพท์ ตั้งใจคำนวณให้ถูกต้องที่สุด
“ฉันตกลงให้เธอผ่อนใช้ค่าเสียหาย 2,000 บาทต่อเดือน ตกปีละ 24,000 บาท เธอต้องเซ็นยินยอมที่จะชำระหนี้แทนน้องชายของเธอ ยอดเงิน 5 ล้านบาทถ้วน หาร 24,000 บาทต่อปี ก็ตกราวๆ แค่ 208 ปีกว่าๆ เองนะ อ้อ... เป็นหนี้ก็ต้องจ่ายดอกเบี้ยด้วย ฉันคิดถูกๆ แค่ปีล่ะ 50 สตางค์ก็พอ เดี๋ยวคำนวณใหม่ก่อน แป๊บหนึ่งนะ”
พนมไพรกดเครื่องคิดเลขบนหน้าจอโทรศัพท์ต่อ ก่อนจะตวัดสายตาขึ้นมองเด็กสาวที่มองเขาอย่างตื่นตะลึง
“ดอกเบี้ยแค่ปีละ 25,000 บาทเองนะ คูณด้วย 208 ปี ก็ตก 5,200,000 บาท รวมเธอเป็นหนี้ฉันทั้งหมด 10,200,000 บาท ถ้าเธอจะให้ฉันทำสัญญาแค่เดือนละ 2,000 บาท เธอก็ต้องผ่อนใช้ฉัน 425 ปี โอเคไหม วินๆ ด้วยกันทั้งคู่เลย นี่ฉันไม่ได้เอาเปรียบเธอเลยนะ”