“พ่อแม่ตายหมดแล้ว”
และคนตอบคำถามก็เป็นเด็กผู้ชายหน้าตามอมแมม
พนมไพรมองเด็กสาวตรงหน้า แววตาของหล่อนดูสลดและมีน้ำคลอแวววาว แต่เพียงครู่เดียวเท่านั้นก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นกล้าแกร่งดังเดิม
หล่อนช้อนดวงตาขึ้นมองเขา เหมือนคนตัดสิ้นซึ่งความกลัวและตัดสินใจที่จะเดินต่อไปข้างหน้า
เขาไม่เคยเห็นผู้หญิงคนไหนมีแววตาแบบนี้มาก่อน ทั้งๆ ที่หล่อนยังเป็นแค่เด็กสาวรุ่น ที่อาจผ่านพ้นความเป็นเด็กหญิงมาไม่นาน แววตาเหมือนคนผ่านโลกมามากมาย เหมือนคนพร้อมจะสู้กับทุกสถานการณ์ที่ผ่านเข้ามา น่าสนใจจริงๆ
“พ่อแม่ไม่มีค่ะ ตายหมดแล้วจริงๆ มีแค่หนูกับน้อง ถ้าพ่อเลี้ยงจะกรุณา หนูขอคุยกับพ่อเลี้ยงเป็นการส่วนตัวได้ไหมคะ”
พนมไพรยักไหล่ก่อนจะหันไปมองลูกน้อง แค่นั้นทุกคนก็ถอยกันไปคนละทาง รวมทั้ง ‘คำแปง’ ที่ลากไอ้เด็กคนนั้นออกไปด้วย
เด็กสาวตรงหน้ามีรูปร่างแบบบาง แต่เขารู้ว่าไม่ได้แบบบางอย่างที่เห็นหรอก เพราะสัมผัสยามที่บั้นท้ายกลมกลึงตกลงมานั่งบนตักของเขา มันทำให้บางอย่างตื่นตัว
หล่อนให้ความรู้สึกเหมือนเขากำลังเปิดกล่องของขวัญที่เขารู้อยู่แล้วว่าของด้านในต้องเป็นของคุณภาพดี เพียงแต่จะดีแค่ไหนนั่นคือต้องพิสูจน์
และแค่มองสำรวจเรือนร่างของหล่อนในขณะนี้ มันก็ตื่นตัวขึ้นมาอีกจนได้ ความรู้สึกเหมือนเขาเจอสิ่งเร้าที่คุ้นเคย เจอของชอบ ของที่ไม่ได้มาง่ายๆ มักจะเร้าใจเสมอ
‘ทีมึงเลี้ยงเด็กอะ’
เสียงของพงษ์นภดลเหมือนจะตามมาหลอกหลอนไม่ถูกเวล่ำเวลา เพราะเขาดันเกิดความรู้สึกแบบนั้นขึ้นมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย
แต่เขาทำแบบนั้นกับหล่อนไม่ได้เพราะเงื่อนไขของเขามันต้องวินๆ ด้วยกันทั้งสองฝ่าย เด็กนักศึกษาที่เขาเลี้ยงดูส่งเสียให้เรียน ที่ผ่านมานั้นพวกหล่อนเป็นฝ่ายเสนอ และเขาก็เพียงสนองในสิ่งที่พวกหล่อนต้องการ และต้องอยู่ในความคุ้มค่าสำหรับการลงทุน เช่น คอนโดฯ หรูอยู่ฟรี เงินเดือนพอเหมาะ และบางคนอาจมีรถยนต์ให้ขับ บางคนอาจได้ปลดหนี้สิน แต่ทั้งหมดนั้นอยู่ในระยะเวลาที่ตกลงกันเอาไว้ เรียกว่าผูกมัดแค่ชั่วคราว
ซึ่งทุกรายที่ผ่านมา เขาไม่เคยแสดงความต้องการออกไปให้อีกฝ่ายรับรู้ เพราะนั่นมันจะกลายเป็นเขาอยากได้พวกหล่อนมาก จนกลายเป็นข้อต่อรองขึ้นมาได้ เพราะแม้เงื่อนไขจะดูวินวินด้วยกันทั้งสองฝ่ายก็จริงอยู่ แต่สำหรับเขา เขารู้ว่าขาดทุนหรือได้เปรียบ และจุดคุ้มทุนอยู่ตรงไหน
และตอนนี้สมองเขากำลังคำนวณจุดคุ้มทุนจากเด็กสาวตรงหน้า
‘บ้าฉิบ!’
คำสบถในใจกับความคิดของตัวเอง แต่กลับทำให้หล่อนที่นั่งจ้องหน้าเขาตาโตเหมือนตกใจกับอารมณ์ของเขา
สิ่งเดียวที่ทำได้คือเจรจากับหล่อนให้จบและให้หล่อนไปพ้นจากที่นี่ซะ
“รีบๆ พูดเข้า ฉันไม่ได้มีเวลาให้เธอทั้งคืนนะ พูดมาว่าจะชดใช้ค่าเสียหายยังไง ถ้าเธอมีเงินมาชดใช้ค่าเสียหาย ฉันจะปล่อยน้องเธอไป แต่ถ้าไม่มี ฉันก็จำเป็นต้องส่งน้องเธอให้ตำรวจ เพราะฉันมีหลักฐานครบ ทั้งกล้องวงจรปิด ทั้งพยาน และผู้ต้องสงสัยหนึ่งเดียวก็คือน้องของเธอ ปฏิเสธไม่ได้แน่”
“ค่า… เอ่อ... ค่าเสียหายทั้งหมดประมาณกี่บาทคะ ถ้าหนูจะขอผ่อนใช้”
“ผ่อนใช้!”
พนมไพรแหงนหน้าหัวเราะร่าเหมือนเขากำลังเจอสิ่งที่น่าขำยิ่งนัก เด็กนี่จะมาขอผ่อนค่าเสียหายกับเขา แล้วเมื่อไรจะหมด
“ไหนบอกมาสิ ว่าเธอมีทรัพย์สินอะไรติดตัวบ้าง มีบ้าน มีที่ดิน มีรถ แล้วมีอะไรอีก”
“ไม่... ไม่มีอะไรสักอย่างค่ะ”
“ไม่มีอะไรได้ยังไง ไม่มีแล้วเธอจะเลี้ยงน้องเธอได้ยังไง อย่างน้อยพ่อแม่ตายก็ต้องทิ้งอะไรไว้ให้บ้างสิ บ้านมีไหม ที่ดินมีไหม อยู่ตรงไหนบอกมา จะประเมินราคาให้ จะได้รู้ว่าพอจ่ายค่าเสียหายหรือเปล่า”
“ไม่มีจริงๆ ค่ะ ตั้งแต่พ่อแม่ตายไปเมื่อ 3 ปีก่อน หนูกับน้องก็อยู่ด้วยกันสองคนมาตลอด เช่าบ้านอยู่ที่ท้ายตลาดค่ะ มีแค่หนูกับน้องเท่านั้นจริงๆ รายได้หนูก็พอแค่ให้น้องไปโรงเรียนกับหนูไปเรียนมหาลัยเท่านั้นเอง ค่าเทอมหนูก็กู้ค่ะ ไม่ได้มีเงินเหลือใช้ ไม่ได้มีอะไรที่พ่อเลี้ยงถามเลย”
“อะไรนะ เธอจะบอกว่าไม่มีญาติพี่น้องที่ไหนเลย เธอเลี้ยงน้องเธอเองว่างั้น”
“ใช่ค่ะ”
พนมไพรถอนหายใจเฮือกใหญ่ ดวงตาคมกร้าวขึ้นแบบโกรธจัด มองหญิงสาวตรงหน้าอย่างจะจับพิรุธ ใครจะเชื่อว่าจะมีกันอยู่แค่สองคนพี่น้อง ก็ต้องมีญาติพี่น้องบ้างที่จะมารับทราบข้อกล่าวหา และหาทางชดใช้หนี้สินร่วมกัน
ไม่เชื่อหรอกว่าจะมีกันอยู่แค่สองคน เพราะดูจากหน้าตา ท่าทาง และผิวพรรณของหล่อน หรือแม้แต่ไอ้เด็กผู้ชายนั่นจะมีคราบเขม่าติดเต็มไปหมด แต่คำแทนตัวว่า ‘ผม’ ก็รู้ว่าแตกต่างจากเด็กพวกนั้น เพราะถ้าทโมนจริงก็คงจะหนีไปได้แล้ว คงไม่ติดแง๊กอยู่ในร้านเขาเพียงคนเดียวหรอก อย่างน้อยพ่อแม่ก็ต้องเลี้ยงดูมาดีในระดับหนึ่ง จะเป็นไปได้หรือว่าจะไม่มีญาติพี่น้องที่ไหน
“บอกมาซะดีๆ บ้านอยู่ไหน ญาติพี่น้องปู่ย่าตายายอยู่ที่ไหน บอกมาให้หมด ถ้าเธอไม่อยากให้น้องเธอติดคุก บอกมา”
“หนูไม่มีใครจริงๆ ค่ะพ่อเลี้ยง ถ้าหนูมีญาติพี่น้องอย่างที่พ่อเลี้ยงบอก แล้วหนูจะไปทำงานรับจ้างที่โต๊ะจีนทำไมคะ หนูขอความกรุณาเถอะค่ะ ให้หนูผ่อนใช้หนี้ที่น้องหนูทำให้พ่อเลี้ยงเสียหาย พ่อเลี้ยงอย่าเอาน้องหนูเข้าคุกเลยนะคะ เขากำลังจะสอบเข้า ม.4 อาทิตย์หน้าอยู่แล้วค่ะ หนูอยากให้เขาเรียนต่อ”